- เราอยู่กันแบบไม่ค่อยมีระบบระเบียบอะไร เราไม่ค่อยแคร์เรื่องการตรงต่อเวลา และคนในสังคมเกือบทุกอาชีพก็ไม่ได้ถือเรื่อง Professionalism อย่างที่ควรจะเป็น
- เราประกอบไปด้วยวัฒนธรรมแบบเส้นสายแบบลูกคนนั้นหลานคนนี้ และทุกคนในสังคมนี้แม่งเส้นใหญ่กันหมด ตั้งแต่หลานนายพัน ลูกนายพล ปลัด อบต. เมียกำนัน ยันผู้ใหญ่บ้าน
- กฏหมายจราจรไม่ว่าจะเรื่องใดๆ เช่น ห้ามใช้มือถือ(จนต้องไปหาซื้อสมอล์ทอล์คกันช่วงหนึ่ง), ห้ามขายกล้วยแขกตรงสี่แยก เราก็เห่อใช้ได้แค่ 7-10 วัน แล้วก็ลืมๆกันไป เหมือนไม่เคยมีกฏหมายเช่นว่านี้
- เราเป็นสังคมที่ชื่นชอบการฟังมากกว่าการอ่าน ชอบข่าวลือและเน้นการคิดเองเออเองเสียมากกว่าเป็นสังคมที่ค้นหาความจริง
- สื่อในสังคมเรายังมีพื้นที่ให้กับรอยพยานาค ต้นไม้ให้หวย คลิปหลุด และเรื่องผัวตบเมีย มากกว่าจะชวนดีเบตในเรื่องสำคัญๆของสังคม
- เราเป็นสังคมที่โจ๊กกันได้กับทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องคนตาย-บิกินี่("ขำดีค่ะ") จนไม่รู้จักความเหมาะสม
- เราเป็นสังคมที่ข้าราชการทหารแก่ๆกลายเป็น "ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม" ที่เราวิพากษ์วิจารณ์อะไรไม่ได้ นอกจากต้องให้เกียรติ
- เราเป็นสังคมที่ต่อต้านนักการเมืองโกง แต่เมื่อพูดถึงการโกงในภาคราชการแล้วทุกคนในสังคมพร้อมมึนๆเบลอๆ ราวกับไม่รู้ว่ามีอยู่จริง
- เราเป็นสังคมที่เชื่อในตัวบุคคล มากกว่าหลักการ เรามองทุกอย่างเป็นนิยายโดยเชื่อว่าคนนั้นดี-คนนี้เลว และเพราะคนนั้นเป็นคนดี แม้มันจะทำอะไรแปลกๆดูเหมือนจะเลว เราก็จะช่วยคิดดีเฟนด์ให้เสมอ ส่วนคนที่เราคิดว่าเลวแม้อะไรที่ทำดูเหมือนจะดีบ้าง แต่เราก็จะเชื่อว่ามันทำเพราะมีเจตนาเลวไว้ก่อน
- เราเป็นสังคมที่เวลาขัดแย้งกันก็ไม่ค่อยเคารพกฏกติกา เอาแต่เรียกหาตัวช่วย เรียกหาคนกลาง เรียกหาใครก็ได้มาช่วยเราที ราวกับเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต
- เราเป็นสังคมที่ด่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งว่าเป็น "เผด็จการรัฐสภา" แต่เชื่อว่าการยึดอำนาจโดยทหารเป็นการปกป้องประชาธิปไตย
- เราเป็นสังคมที่ร่างกติกา(รัฐธรรมนูญ)บ่อยมาก และไอ้นักวิชาการคนที่ร่างมากับมือก็มักจะเป็นคนออกมาบอกว่ากติกาที่ใช้อยู่นี้มีปัญหา ยิ่งกว่านั้นสังคมก็ยังพร้อมใจให้ไอ้งั่งคนเดิมนั้นกลับไปร่างกติกาใหม่อีกครั้ง เพื่อที่จะให้มันออกมาบอกว่ากติกานี้มีปัญหา(อีกครั้ง)ในอนาคต
- เราเป็นสังคมที่เอาแต่เรียกร้องให้ทุกคน "สามัคคี" แต่ถ้าใครคิดไม่เหมือนกูนี่ มึงควรไปปรับทัศนคติ
- เราเป็นสังคมที่ไม่รู้จักคำว่า "ความแตกต่างทางความคิด" หรือ "จุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างกัน" เพราะเรามีชุดคำอธิบายปรากฏการณ์เหล่านี้ว่าคนพวกนั้น "โง่"/ "ตกเป็นเหยื่อ" หรือไม่เช่นนั้นก็ "คงเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร"
- และท้ายสุด เราเป็นสังคมที่อ่อนไหวเปราะบางมาก เพราะแค่การจัดเสวนา อ่านหนังสือ ฉายภาพยนต์ หรือแค่การตัดต่อภาพ ก็ถือว่าเป็นภัยคุกคามที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ