วันอังคาร, กันยายน 23, 2557

Amnesty International Press Release on Somyot and lese majeste repression 19 September 2014


Thailand: Release activist imprisoned for allegedly insulting the monarchy

19 September 2014
Amnesty International

A Thai court’s decision to uphold a 10-year prison sentence given to an editor and social activist for allegedly insulting the royal family continues the relentless erosion of free speech in the country, Amnesty International said.

The Appeals Court upheld the sentence against Somyot Prueksakasemsuk for publishing two articles about a fictional monarch that allegedly defamed the Thai monarchy. He did not write the articles in question.

“This is another regressive decision by the Thai courts – Somyot has been imprisoned for nothing other than peacefully exercising his right to freedom of expression. He should never have been prosecuted and must be released immediately,” said Rupert Abbott, Amnesty International’s Deputy Asia-Pacific Director.

Somyot, who turns 53 tomorrow, has been detained since 30 April 2011, and the authorities have turned down his request for bail and temporary release 15 times. His lawyers and relatives were not notified of this morning’s Appeals Court hearing.

“Somyot’s sentence should be expunged and all criminal proceedings against him dropped. The Thai authorities should immediately and unconditionally release him and all other prisoners of conscience. As a minimum first step, authorities must allow him his right under Thai law to temporary release on bail,” said Rupert Abbott.

“Authorities in Thailand have in recent years increasingly used legislation, including the lèse majesté law, to silence peaceful dissent and jail prisoners of conscience. There has been a significant increase in lèse majesté cases since the 22 May coup. This draconian law should immediately be suspended and revised so that it complies with Thailand’s international human rights obligations.”

The lèse majesté law prohibits any word or act which “defames, insults, or threatens the King, the Queen, the Heir-apparent, or the Regent” and carries up to 15 years of imprisonment for each offence. It violates the right to freedom of expression as provided for in the International Covenant on Civil and Political Rights, which Thailand ratified in 1996.

Thailand’s authorities are increasingly silencing dissent and penalizing those who voice opposition against military rule. Somyot’s sentencing comes just a day after a Bangkok military court convicted four peaceful protesters for violating a ban on public gatherings.
ooo

Fri, 2014-09-19 12:19
ที่มา ประชาไท

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คดีอาญา มาตรา 112-หมิ่นสพรั่ง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ให้ต้องขัง 11 ปี ภรรยาสมยศผิดหวังระบบศาล ไม่ทราบล่วงหน้าจะมีการอ่านคำพิพากษา



19 ก.ย. 2557 ที่ห้อง 808 อาคารศาลอาญารัชดา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ระบุ อัยการยื่นฟ้องนายสมยศ ฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 จากกรณีที่นายสมยศ ซึ่งเป็นบรรณาธิการนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ได้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย นิตยสาร ซึ่งมีบทความที่ไม่เหมาะสมของผู้ใช้นามปากกาว่า จิตร พลจันทร์ เรื่องแผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น ฉบับที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ และ เรื่อง 6 ตุลาแห่ง พ.ศ.2553 ฉบับที่ 16 เดือนมีนาคม 2553

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2556 ให้จำคุกนายสมยศ 10 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้นับโทษต่อจากคดีที่นายสมยศ หมิ่นประมาท พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก 1 ปี รวมจำคุก 11 ปี

โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่นายสมยศ อุทธรณ์ต่อสู้ว่า พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 มีบทบัญญัติยกเลิก พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 และในฐานะบรรณาธิการไม่ต้องรับผิดนั้น ศาลเห็นว่าการกระทำของนายสมยศ เป็นความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ไม่ใช่เพียงการรับผิดในฐานะบรรณาธิการ

ส่วนที่นายสมยศต่อสู้ว่าตนเองไม่ใช่ผู้เขียนบทความดังกล่าวนั้น ศาลเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่านายสมยศหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ด้วยการจัดพิมพ์ จัดจำหน่ายนิตยสาร ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับวินิจฉัยประเด็นนี้

และที่นายสมยศต่อสู้ว่าเนื้อหาในบทความสื่อความหมายถึงอำมาตย์ มิใช่สถาบันเบื้องสูง นั้นคดีนี้โจทก์มีพยาน ทั้งเจ้าหน้าที่ข้าราชการทหาร นักศึกษา และบุคคลอื่น ที่ได้อ่านบทความดังกล่าวแล้ว ต่างเข้าใจว่าเนื้อหาในบทความพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งพยานก็ไม่เคยรู้จักและไม่มีสาเหตุโกรธเคือง กับนายสมยศ มาก่อน พยานหลักฐานของนายสมยศ ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้

ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายืน จำคุก 10 ปี พร้อมให้นับโทษต่อจากคดีที่นายสมยศ หมิ่นประมาท พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก 1 ปี รวมจำคุก 11 ปี

ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา สมยศมีสีหน้าที่เคร่งเครียด พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่าจะฎีกาสู้คดีต่อในประเด็นของข้อกฎหมาย ส่วนสุขภาพขณะนี้ก็เป็นไปตามวัยคนอายุ 53 ที่อยู่ภายในเรือนจำ ซึ่งตนเองถูกคุมขังมากว่า 3 ปี 6 เดือนแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การอ่านคำพิพากษาในวันนี้ ไม่มีการแจ้งทนายหรือญาติล่วงหน้าแต่อย่างใด และหลังอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวสมยศกลับเรือนจำทันที ทั้งที่โดยปกติแล้ว ผู้ต้องหาที่มาศาลทั้งหมดจะถูกนำตัวกลับเรือนจำในเวลา 18.00 น. พร้อมกัน

ผู้ใกล้ชิดแจ้งว่านายสมยศระบุว่า เพิ่งทราบว่าต้องออกศาลมาฟังคำพิพากษาเมื่อเช้านี้ หลังจากฟังคำพิพากษาแล้วเบื้องต้นยังไม่ได้หารือกับทนายความ แต่ตั้งใจจะต่อสู้คดีในชั้นศาลฏีกา

"มันไม่มีทางเลือก ไม่อย่างนั้นเราจะหาความยุติธรรมได้จากตรงไหน เรายังเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของเราและต้องการพิสูจน์ความถูกต้องว่าเราไม่ได้กระทำผิด" สมยศกล่าว

ด้านนางสุกัญญา พฤกษาเกษมสุข ภรรยานายสมยศกล่าวว่า ทางครอบครัวและทนายความรวมถึงตัวของสมยศเองไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้ เนื่องจากเมื่อวาน (18 ก.ย.) เธอก็ได้เข้าเยี่ยมสมยศและไม่มีใครทราบเรื่องนี้ ส่วนทางทนายความมีการส่งผู้ช่วยทนายไปแจ้งศาลเรื่องการเปลี่ยนที่อยู่สำนักงานนานแล้ว หากมีการตกหล่นผิดพลาด หมายต่างๆ ของคดีอื่นๆ ก็น่าจะไม่ถึงสำนักงานใหม่เช่นกัน แต่ทุกคดีก็ส่งถึงที่อยู่ใหม่ทั้งหมด

"รู้สึกว่าการที่ไม่มีการแจ้งกำหนดวันอ่านคำพิพากษาก่อน ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่โปร่งใส เราเสียโอกาสที่จะได้รับฟังการพิจารณาด้วย โดยเฉพาะเมื่อพิพากษายืนแบบนี้ มันกระทบจิตใจเจ้าตัวมากๆ เราต้องการจะ support เขา แต่เราก็ไม่สามารถอยู่กับเขาได้" สุกัญญากล่าว

ที่มาบางส่วนจาก มติชนออนไลน์