วันอาทิตย์, กันยายน 21, 2557

บทความแปล: ลบล้างเรื่่องราวของไทยในอดีต


จากบทบรรณาธิการ ของ หนังสือพิมพ์ The New York Times

(อ้างอิง: Editing Out Thailand’s Past )


ขอยืมเรื่องราวหน้าหนึ่งจากกลุ่มผู้ทำการโฆษณาชวนเชื่อในหนังสือ “1984” ที่แต่งโดยคุณจอร์ช ออร์เวล (George Orwell) ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ทางรัฐบาลทหารของไทย ตัดสินใจลบชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ออกไปจากตำราเรียนหนังสือประวัติศาสตร์ฉบับพิมพ์ใหม่ทั้งหมด แม้จะไม่มีเนื้อหาใดๆ เกี่ยวกับการขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็ตาม เหล่านายพลทั้งหลายที่กำลังบริหารงานให้กับประเทศชาติในเวลานี้ ต่างต้องการที่จะล้างบางทุกอย่างในอดีต ที่ดูเหมือนกับว่าเป็นการขยายการเผยแพร่ของฝ่ายตนเองอย่างกว้างขวาง เพื่อที่จะให้ประชาชนหันมาสนับสนุนการปกครองโดยฝ่ายกองทัพแทน


ทางฝ่ายรัฐบาลทหารเองก็ไม่ได้อธิบายว่า ทำไมชื่อของอดีตนายกฯ ทักษิณนั้น ได้ถูกทำให้อันตรธานหายไป ถึงแม้ว่าหนังสือเหล่านี้ ก็ยังอธิบายกันว่า ในเวลานั้น ยังมีรัฐบาลบริหารราชการกันอยู่ --- คือมีรัฐบาลควบคุมอำนาจ แต่สิ่งที่ทำการ “ขัดถูและลบล้าง” คือ การเอาชื่อของอดีตนายกฯ ทักษิณ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากการใช้จ่ายช่วยเหลือประชาชนออกไปจากตำราเรียน ประธานของคณะกรรมการอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองท่านหนึ่งกล่าวว่า การลบชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นเรื่องความผิดปกติที่เขาไม่สามารถที่จะอธิบายได้ เมื่อฟังแล้วก็เหมือนกับเรื่องที่มีความพิรุธน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งที่มีต้นตอมาจากรัฐบาลทหารเอง ซึ่งมีความพยายามอย่างแข็งกร้าวที่จะพิมพ์แต่ง สร้างทัศนคติและพฤติกรรมของตนเองให้ดูดีกับสายตาประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เด็กผู้เยาว์รุ่นใหม่ และทางกระทรวงศึกษาธิการเอง ก็ได้กล่าวกับนักเรียนเหล่านี้ โดยให้ทำการบันทึกพฤติกรรมและกริยามารยาทของตนเองในแต่ละวันลงไปใน “พาสปอร์ตความดี” กัน (Merit Passport)


ทางฝ่ายกองทัพไทยก็มีประวัติอย่างโชกโชนเกี่ยวกับเรื่องการโค่นล้มรัฐบาลต่างๆ ที่มาจากระบอบประชาธิปไตยและทำการปราบปรามบุคคลที่คัดค้านกับการกระทำของพวกเขา กองทัพไทยได้ขับไล่รัฐบาลของอดีตนายกฯ ทักษิณออกไปจากการบริหารประเทศในปี พ.ศ. 2549 และเมื่อต้นปีนี้ ก็ได้กำจัดรัฐบาลที่นำโดยน้องสาวของเขา คือ อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมกันนี้ ชื่อของ นางสาวยิ่งลักษณ์เอง ก็ยังหายไปจากหนังสือตำราฉบับที่พิมพ์ใหม่ทั้งหมดอีกด้วย ทางฝ่ายกองทัพ รวมไปถึงกลุ่มอำมาตย์ชนชั้นสูงต่างๆ ที่ควบคุมเศรษฐกิจและสังคมวัฒนธรรมของประเทศที่มีพื้นฐานอยู่ในกรุงเทพมหานครนั้น ต่างก็ชังน้ำหน้าและรังเกียจกับครอบครัวชินวัตรอยู่เป็นทุนแต่ก่อนแล้ว พวกเขากล่าวว่า ครอบครัวนี้มีแต่การทุจริตและได้ชักนำคนไทยส่วนใหญ่ให้เข้าไปสู่ในหนทางที่ผิด โดยเฉพาะการโหวตให้กับพรรคการเมืองของพวกตระกูลชินวัตร โดยการผ่านการใช้นโยบายประชานิยมที่ไม่สามารถรักษาให้คงอยู่ได้แต่อย่างใด


ยุทธวิธีการโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายรัฐบาลชิ้นล่าสุดเป็นเรื่องที่ดูแล้วว่าเป็นลางบอกเหตุ ซึ่งชี้แนะให้เห็นอย่างน้อยที่สุดแล้วว่า พลเอกประยุทธ จันทร์โอชาซึ่งได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีความเร่งรีบแต่อย่างใด ในการที่จะนำประเทศชาติกลับเข้าไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย


*****************************************

ความคิดเห็นของผู้แปล:


อย่างที่กล่าวให้ทราบแล้วว่า ตามปกติ จะไม่แปลบทความเกี่ยวกับการเมืองในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่สองวันติดๆ กันนั้น ต้องขอยกเว้นเป็นพิเศษ เพราะมีบทความที่ดีเข้ามาให้เห็น และอยากให้ท่านผู้อ่าน มีโอกาสได้เห็นกันด้วยว่า ทางต่างประเทศเขาคิดกันอย่างไรบ้าง


บทความสั้นๆ เรื่องนี้ อาจจะไม่สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้นำเท่าไรนัก แต่ที่ดิฉันเห็นว่าสำคัญ เพราะมันเป็นบทบรรณาธิการ จากหนังสือพิมพ์ The New York Times ซึ่งถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของสื่อมวลชนใน USA ซึ่งตามปกติแล้ว เขาจะไม่ลงบทความแบบนี้ 


สรุปแล้ว คนไทยก็คงจะต้อง “รอ” เป็น “ปีๆ” หลังจากที่ได้เห็น “การบริหาร” ของบุคคลกลุ่มนี้ว่า เป็นอย่างไรบ้าง....


เมื่ออ่านบทความแล้ว ดิฉันคิดว่า ทางฝ่ายบรรณาธิการของ The New York Times เอง ก็คงจะเหลืออดที่ว่า ทำไมประเทศไทยถึงพยายามแก้ไขประวัติศาสตร์กัน ทั้งๆ ที่เราก็เห็นตัวบุคคลหลายคนที่สร้างความวิบัติมาสู่ประเทศชาติในโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น จักรพรรดิ์นโปเลียน, ฮิตเลอร์, มุสโสเลนี, จักรพรรดิ์ฮิโรฮิโต้, โตโจ ฯลฯ แม้กระทั่ง พลพอต ที่เป็นผู้นำในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ทุ่งสังหารในเขมร ต่างก็มีชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ทั้งนั้น เพื่อสังคมจะได้เรียนรู้กันในอนาคตว่า บุคคลเหล่านี้เป็นอย่างไร


ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่า บุคคลเหล่านั้น ควรจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ หรือ การสาบแช่งกัน
 

*****************************************

และดิฉันขอกล่าวไว้เลยว่า โลกดิจิตอลนั้น มันไม่เหมือนโลกเมื่อสมัยจอมพลสฤษดิ์ หรือ จอมพลถนอม หรือแม้แต่สมัยของ นายธานินทร์ ไกรวิเชียร ที่สามารถ “ลบ” และ "เปลี่ยนแปลงแก้ไข" ประวัติศาสตร์ออกไปจากข้อเท็จจริงได้ (ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519) แม้กระทั่งเรื่องราวในอดีตของประเทศไทยเอง ต่างก็มีการบันทึกลงไปอย่างละเอียดละออทั้งสิ้น ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มากระทั่งถึงปัจจุบัน ต่างก็ทราบกันดีว่า มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง อยู่ๆ มันจะลบล้างประวัติศาสตร์หรือยกเว้นชื่อบุคคลออกไปนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย


ในโลกของการเรียนประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน ต่างก็เรียนประวัติศาสตร์เปรียบเทียบ ไม่ใช่เอาแต่ของตนเอง "เข้ามาเป็นที่ตั้ง" นักวิชาการเขาสามารถ "เปรียบเทียบ" กับข้อมูลข้อเท็จจริงได้ จากคอมพิวเตอร์และข้อมูลออนไลน์ การเขียนแบบ "มั่ว" และ "เข้าข้าง" ตนเองนั้น ก็ทำให้เกิด conflict ขึ้นมา ซึ่งเขาสามารถขุดค้นหาหลักฐานข้อเท็จจริงกันได้ เพราะโลกมันเป็นโลกที่ไร้พรมแดน เขตภูมิภาคอาเซียนในอนาคต ก็จะกลายเป็นเขตที่ไร้พรมแดนกันไปเสียด้วยเช่นกัน...


หนทางที่จะทำได้คือ ต้องเอาเข็มฉีดยามาฉีด จากนั้นก็ไปนั่งลงบนเก้าอี้ ส่งช้คลื่นไฟฟ้าและทำแบบ Total Recall เท่านั้นเอง เพื่อคนจะได้ลืมทุกอย่างทั้งหมด หรืออาจจะให้ประชาชนเลือกกินยาเม็ด ระหว่าง "เม็ดสีแดง" กับ "เม็ดสีน้ำเงิน" กัน?


ยิ่งทำอย่างนี้ แทนที่เรื่องจะเงียบลง กลับกลายว่า มีคนเข้ามาขุดค้นกันมากยิ่งขึ้น จากนั้น ก็ต้องให้ลูกสมุน ออกมาแก้ตัวกันแบบน้ำขุ่นๆ (อย่างที่เห็นจากการซักทอดมั่วๆ กันอยู่ในเวลานี้) 


หรือว่าชอบแบบนี้กันก็ไม่อาจจะทราบได้ เพราะทหารเขาอาจจะสอนกันและปฎิบัติกันมาด้วยวิธีหนึ่ง ซึ่งต่างกันกับพลเรือนอย่างเราๆ ท่านๆ ก็ได้ และคงจะเป็นอย่างนี้มั้งคะ?