ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
updated: 23 ก.ย. 2557หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 1/2557 เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศชัดเจนว่า จะยังไม่มีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในช่วงนี้ ถือเป็นการ "ดับฝัน" ของภาคเอกชนท่องเที่ยวในหลาย ๆ ส่วนทันที
เพราะก่อนหน้านี้หลายฝ่ายต่างเฝ้ารอและหวังว่า คสช.จะประกาศยกเลิก "กฎอัยการศึก" ในเร็ววันนี้ เพื่อปลดล็อกภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังติดหล่มอยู่ในขณะนี้
ที่สำคัญ ภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยก็กำลังก้าวสู่ช่วงไฮซีซั่น หากประเทศไทยปลดล็อกเรื่องกฎอัยการศึกได้ก็น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่น ขณะที่บริษัทประกันภัยเองก็จะให้ความคุ้มครองนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา ประเทศไทย
นั่นหมายความว่าธุรกิจทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ "การท่องเที่ยว" จะกลับมาพลิกฟื้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว ที่สำคัญฟื้นตัวทันรับกับฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นในไตรมาสสุดท้ายของปี นี้ได้
ชี้ "กฎอัยการศึก" ฉุดไฮซีซั่น
ซึ่งที่ผ่านมา เอกชนท่องเที่ยวหลายฝ่าย ทั้งบริษัททัวร์ สายการบิน โรงแรม ฯลฯ ต่างมีความเห็นตรงกันว่า หากประเทศไทยยังไม่ประกาศยกเลิกใช้กฎอัยการศึกภายในเดือนกันยายนนี้ จะทำให้กระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสุดท้าย และประเทศก็สูญเสียรายได้จากภาคธุรกิจท่องเที่ยวมหาศาลทีเดียว
"ทัศพล แบเลเว็ลด์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทย แอร์เอเชีย กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวขณะนี้มักจะวางแผนการเดินทางล่วงหน้า 2 เดือน หรือ 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ จึงอยากให้ทาง คสช.ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็ว ยิ่งถ้าสามารถทำได้ภายในเดือนกันยายนนี้จะยิ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจท่อง เที่ยวในช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้ เพราะหากปล่อยไว้ถึงเดือนตุลาคม เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อย่างมากแน่นอน
เช่นเดียวกับ "ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร" นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ปัญหาด้านการเมือง และการประกาศใช้กฎอัยการศึกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศไม่กล้าเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบเป็นกรุ๊ปทัวร์ เนื่องจากบริษัทประกันภัยไม่ออกกรมธรรม์คุ้มครองนักท่องเที่ยว
การเตรียมประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยว เพราะจะทำให้บริษัทนำเที่ยวขายแพ็กเกจทัวร์ได้ง่ายขึ้น จึงคาดหวังว่าทาง คสช.จะยกเลิกประกาศในเร็ววันนี้ เพราะหากปล่อยไว้นานอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้ายได้
ทั้งนี้ จากรายงานของสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ระบุว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินเข้าประเทศไทยโดยผ่านบริษัททัวร์ใน ช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-26 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมานั้น พบว่าใน 15 อันดับแรกของประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาประเทศไทยสูงสุดนั้นติดลบทั้งหมด
"กรุ๊ปทัวร์" ติดลบทุกตลาด
โดยอันดับแรกคือจีน มีจำนวนนักท่องเที่ยว 495,811 คน ติดลบ 51.73% รองลงมาคือรัสเซีย จำนวน 314,386 คน ติดลบ 23.56% อินเดีย จำนวน 91,909 คน ติดลบ 29.06% ญี่ปุ่น จำนวน 62,169 คน ติดลบ 66.71% เกาหลี จำนวน 66,954 คน ติดลบ 50.54% เวียดนาม จำนวน 34,451 คน ติดลบ 76.06% ฝรั่งเศส จำนวน 27,726 คน ติดลบ 25.31% เยอรมัน จำนวน 27,537 คน ติดลบ 39.34%
อังกฤษจำนวน 25,000 คน ติดลบ 42.02% อินโดนีเซีย จำนวน 20,935 คน ติดลบ 55.75% ฮ่องกง จำนวน 15,924 คน ติดลบ 80.86% ออสเตรเลีย จำนวน 14,655 ติดลบ 35.96% อเมริกา จำนวน 12,146 คน ติดลบ 18.38% และสเปน จำนวน 10,015 คน ติดลบ 37.23%
"ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ" อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในไตรมาสสุดท้ายจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น บ้าง แต่ถ้ายังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของประเทศ ก็ไม่สามารถกระตุ้นภาพการท่องเที่ยวทั้งหมดได้
ยันเริ่มเห็นสัญญาณบวก
"ปิยะมาน เตชะไพบูลย์" ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท) กล่าวว่า เท่าที่รับทราบนั้น แนวคิดในการยกเลิกกฎอัยการศึกอยู่ในนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว เชื่อว่าน่าจะมีประกาศยกเลิกแน่นอน หากสถานการณ์ทุกส่วนดีขึ้น
"ส่วนตัวได้พูดมาตลอดว่าไม่อยากกดดันให้รัฐบาลรีบประกาศยกเลิก เพราะไม่มีใครรับประกันว่าถ้ายกเลิกแล้วจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีก และหากเกิดซ้ำอีกจะยิ่งหนักกว่าที่เป็นอยู่ จึงมองว่าในช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่ทุกส่วนจะทำการปฏิรูปและวางฐานของธุรกิจ ท่องเที่ยวทั้งระบบให้เป็นระบบ มีมาตรฐาน เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้อย่างเหมาะสมที่สุด"
"ปิยะมาน" บอกว่า อยากขอให้ภาคการท่องเที่ยวอดทนรอกันอีกสักนิดหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะเกิน 6 เดือน ธุรกิจน่าจะเดินไปข้างหน้าได้แข็งแรงมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มเห็นธุรกิจในภาพรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามซีซั่นการท่องเที่ยวอยู่แล้ว
สอดคล้องกับ "ธวัชชัย อรัญญิก" ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่กล่าวว่า แม้ทาง คสช.จะยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก แต่เมื่อดูแนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วพบว่ามีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น อย่างภาพรวมตลาดเอเชีย อาทิ จีนก็เริ่มดีขึ้น จากที่เคยติดลบสองหลักก็ติดลบน้อยลงเหลือ 5%
สำหรับการจองสินค้าท่องเที่ยวล่วงหน้าในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนซึ่งเข้าสู่ ไฮซีซั่นถือว่าดีขึ้นแล้วเกือบทุกตลาด (ยกว้นญี่ปุ่น) จึงคาดว่ารายได้ท่องเที่ยวปี 2557 จะยังเป็นไปตามเป้า 1.9 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น 2.2 ล้านล้านบาท ได้ในปี 2558
ooo
เรื่องเกี่ยวข้อง...
กว่า 40 ปีแล้วที่ "ตลาดน้ำดำเนินสะดวก"ขึ้นแท่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตเมืองราชบุรี เป็นเดสติเนชั่นแรกที่นักเดินทางจะต้องแวะมาเยือนก่อนที่ใดในโซนภาคตะวันตก (ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม)
วิถีชีวิตริมคลองที่เรียบง่าย ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ลิ้มรสอาหารอร่อย บ้านเรือนยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมท่ามกลางธรรมชาติ เป็นมนต์เสน่ห์แห่งสายน้ำที่อวดโฉมชาวโลกได้อย่างภาคภูมิใจ
กาลเวลาเปลี่ยนไป ทุกอย่างเปลี่ยนตามวันนี้เสน่ห์ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เริ่มเลือนหายไปจากในอดีตโดยสิ้นเชิง
เมื่อปี 2554 สำนักข่าว CNN สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ข่าวจัดลำดับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่น่าเดินทางไปท่องเที่ยว ปรากฏว่า ตลาดน้ำดำเนินสะดวกติดลำดับที่ 6 ตอกย้ำภาพลักษณ์ (Image) อย่างมาก ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มหดหาย การค้าขายก็เริ่มฝืดเคือง ทำให้หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวต้องเร่งกู้ภาพลักษณ์ตลาดน้ำดำเนินสะดวก
"ประชาชาติธุรกิจ" ลงพื้นที่สำรวจตลาดน้ำดำเนินสะดวก พบว่าบรรยากาศการค้าขายเป็นไปอย่างเงียบเหงา พ่อค้าแม่ค้าหลายรายต่างโอดครวญเป็นเสียงเดียวกันว่ายอดขายลดลงราว 80-90%
มีผู้ประกอบการร้านของฝาก-ของที่ระลึก ร้านเสื้อผ้า ปิดกิจการไป 4-5 รายแล้ว หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ แนวโน้มจะปิดตัวอีกหลายราย
"อภิรัตน์ ทวีทรัพย์" พนักงานการตลาด 4 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรี (รับผิดชอบพื้นที่เพชรบุรี ราชบุรี) บอกว่า ที่ผ่านมาธุรกิจการท่องเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวกเผชิญปัจจัยรุมเร้าหลายอย่าง จึงจำเป็นต้องมีการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ รวมทั้งเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นและดึงเอกลักษณ์ดั้งเดิมคืนมา
สิ่งแรกที่ต้องเร่งแก้ไข คือปัญหาการโก่งราคาสินค้าและบริการที่แพงเกินความเป็นจริง เช่น เรือนำเที่ยวเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ททท.และผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีได้หารือกับเจ้าของท่าเรือเอกชน พ่อค้าแม่ค้าในตลาด โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการติดป้ายราคาสินค้าให้นักท่องเที่ยวเห็นอย่างชัดเจน และเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน สามารถตรวจสอบราคาได้ ซึ่งได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้กระทำผิด ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2557 เป็นต้นมา
นอกจากนั้น ยังเตรียมปรับโฉมร้านขายของฝาก-ของที่ระลึกให้มีเอกลักษณ์ของจังหวัดราชบุรี เช่น การนำสินค้าพื้นบ้าน สินค้าโอท็อปมาจำหน่ายมากขึ้น นอกจากจะสามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นที่ยั่งยืนอีกด้วย
สำหรับปัญหาน้ำในคลองเริ่มสกปรกจากประชาชนและนักท่องเที่ยวทิ้งขยะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ภาพลักษณ์เสียซึ่งในอดีตน้ำในคลองใสมาก ดังนั้น จะร่วมกับชลประทานจังหวัดราชบุรีปล่อยน้ำสะอาดลงคลอง เพื่อผลักดันน้ำเสียออกไปปรับปรุงคุณภาพน้ำ รวมทั้งให้ความรู้ปลูกฝังการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับคนท้องถิ่น จัดระเบียบสิ่งรุกล้ำทางน้ำ เช่น อาคารบ้านเรือนที่สร้างยื่นลงไปในแม่น้ำ ทำให้ภูมิทัศน์เสียไป
ในส่วนของการจัดระเบียบเรือนำเที่ยว จะให้พนักงานขับเรือใส่ชุดสีเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบ สวยงาม รวมถึงการจัดโซนนิ่งสถานที่ท่องเที่ยวให้เป็นสัดส่วน เช่น แยกโซนอาหาร เสื้อผ้า ของฝาก-ของที่ระลึกออกจากกันอย่างชัดเจน
"วิมลวรรณ ไชขาวยาง" ไกด์นำเที่ยวบริษัท เอเซียเวิลด์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด บอกว่า ในอดีตนักท่องเที่ยวจีน ญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรปชื่นชอบและนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวกมาก แต่สถานการณ์ปีนี้ยอดลดลงเล็กน้อย คาดว่ามีสาเหตุมาจากเอกลักษณ์ที่หายไป ไม่มีการสร้างความประทับใจ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
ภารกิจกู้ภาพลักษณ์ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จะหวนกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่นั้น เป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับชาวเมืองราชบุรี