ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
ผ่าน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปอย่างเงียบ ๆ สำหรับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 วงเงิน 2,570,000 ล้านบาท ด้วยมติ 142 เสียง ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง จาก สนช.ที่เข้าประชุม 144 คน
ท่ามกลางบรรยากาศการอภิปรายเสนอความเห็นประปราย เรียบง่ายตามแบบฉบับ สนช.ที่แต่งตั้งโดย "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" (คสช.)
ไม่ ดุเดือดชนิดขว้างแฟ้ม ตีรวน โต้เถียงให้ชวนปวดหัว เหมือนสภาผู้แทนราษฎรครั้งก่อน ๆ แต่เมื่อมีการอภิปรายทักท้วงอยู่บ้าง "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี จึงกล่าวต่อที่ประชุมว่า "จะขอทำงานด้วยความจริงใจและจริงจัง เพื่อประเทศไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ จะไม่ปล่อยให้ประเทศไทยเสียหายอีก"
เมื่อ พลิกไปดูงบประมาณที่ผ่าน สนช.ไปนั้น พบว่างบฯหน่วยงานราชการที่ถูกกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2558 ได้ปรับลดลงทั้งสิ้น 16,823,680,500 ล้านบาท โดยงบฯ ที่ถูกปรับลดมากที่สุด 5 อันดับ คือ 1.งบฯกลาง ปรับลดลง 6,200,000,000 บาท 2.กระทรวงคมนาคม ปรับลดลง 1,659,626,700 บาท 3.รัฐวิสาหกิจ ปรับลดลง 1,081,124,500 บาท 4.กระทรวงมหาดไทย ปรับลดลง 1,048,472,700 บาท และ 5.กระทรวงศึกษาธิการ ปรับลดลง 919,317,400 บาท
ส่วนหน่วยงานที่เป็น หัวใจ ดูแลความเป็น-ความตายให้ คุ้มครองอำนาจให้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือ "กองทัพ" หนีไม่พ้นถูกปรับลดเช่นกัน โดยกระทรวงกลาโหม ถูกปรับลดลงทั้งสิ้น 550,715,300 บาท เหลือ 192,949,090,200 บาท จากที่ขอไปทั้งสิ้น 193,499,805,500 บาท
แม้กระทรวงกลาโหมของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ จะถูกปรับลดลงกว่า 550 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับงบประมาณปี 2556 และ 2557 ที่ได้รับการเจียดเงินในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ งบฯกองทัพในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้รับการจัดสรรมากกว่านับหมื่นล้านบาท เพราะงบฯ กระทรวงกลาโหมปี 2558 ได้รับการจัดสรรมากกว่างบฯปี 2556 ที่ได้เพียงแค่ 180,491,535,700 บาท มีส่วนต่างถึง 12,547,554,500 บาท
เช่นเดียวกับงบฯกระทรวงกลาโหมปี 2557 ได้รับทั้งสิ้น 184,737,484,200 บาท น้อยกว่างบประมาณปี 2558 ถึง 8,211,606,000 บาท และเมื่อแยกย่อยไปยัง 3 เหล่าทัพ บก-เรือ-อากาศ พบว่า กองทัพบก ภายใต้การควบคุมของ "พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร" ที่จะขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต่อจาก "พล.อ.ประยุทธ์" ได้งบฯทั้งสิ้น 95,485,610,200 บาท จากที่ขอไว้ทั้งสิ้น 95,920,610,200 บาท ถูกปรับลดลง
ในส่วนของงบฯซื้ออาอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งอยู่ในแผนงานเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศ เพื่อเสริม "เขี้ยวเล็บ" ให้กองทัพ จากเดิมเสนอ 94,710,869,200 บาท ถูกปรับลดไป 435 ล้านบาท แต่เมื่อนำงบฯจัดซื้ออาวุธที่ปรากฏอยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2557 ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ กองทัพบกได้งบฯทั้งสิ้น 90,411,745,300 บาท มาเทียบกับงบฯจัดซื้ออาวุธที่บรรจุในงบฯปี"58 ที่เพิ่งผ่านวาระ 3 จาก สนช.ไปนั้น ปรากฏว่ากองทัพยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้เงินเพิ่มขึ้นกว่างบฯปี 2557 ถึง 3,863,723,900 บาท
ส่วน แผนงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์ 30,000,000 บาท แผนงานดำเนินการตามกรอบข้อตกลงของประชาคมอาเซียน 160,000,000 บาท แผนงานเทิดทูนสถาบัน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 309,500,000 บาท และแผนงานป้องกันปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 217,807,000 บาท ไม่ถูกตัดงบฯ
กองทัพเรือ ได้งบประมาณทั้งสิ้น 37,522,191,700 บาท จากที่ขอไว้ 37,587,312,500 บาท โดยแผนที่ถูกตัดงบประมาณคือแผนงานเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศ ถูกปรับลดไป 65 ล้านบาท แต่ก็มากกว่างบฯที่ได้จากปี 2557 ถึง 2,248,879,000 บาท
ขณะที่แผนงานอื่น ๆ ได้แก่ แผนงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์ 9,000,000 บาท แผนงานดำเนินการตามกรอบข้อตกลงของประชาคมอาเซียน 14,124,200 บาท แผนงานแก้ไข ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 692,151,000 บาท แผนงานเทิดทูนสถาบัน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 12,246,100 บาท และแผนงานป้องกันปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 48,669,700 บาท ไม่ถูกลดงบฯ
กองทัพอากาศ ได้งบฯทั้งสิ้น 35,700,224,800 บาท จากที่ขอไป 35,707,351,800 บาท ลดลง 10,007,127,000 บาท โดยลดลงในส่วนของงบฯจัดซื้ออาวุธเช่นเดียวกับกองทัพบก-กองทัพเรือ เหลือ 35,375,935,000 บาท แต่ปรับเพิ่มขึ้นจากงบฯปี 2557 ที่ได้ 33,283,945,700 บาท โดยมากกว่าถึง 2,091,989,300 บาท
ส่วนแผนงานสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ 600,000 บาท แผนงานดำเนินการตามกรอบข้อตกลงของประชาคมอาเซียน 10,500,000 บาท แผนงานเทิดทูนสถาบัน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 35,300,000 บาท แผนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแผนงานป้องกันปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 24,730,300 บาท ไม่ถูกตัดงบฯ
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้งบฯทั้งสิ้น 7,771,268,700 บาท จากที่ขอไปทั้งสิ้น 7,776,268,700 บาท โดยปรับลด 5,000,000 บาท ในส่วนแผนงานเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศ ด้านแผนอื่น ๆ ได้แก่ แผนงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์ 7,567,700 บาท แผนงานดำเนินการตามกรอบข้อตกลงของประชาคมอาเซียน 26,965,700 บาท แผนงานเทิดทูนสถาบัน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 888,794,700 บาท แผนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแผนงานป้องกันปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 2,516,000 บาท ไม่มีการปรับลดงบประมาณ
กองบัญชาการกองทัพไทย ได้รับงบฯ 14,779,666,600 บาท ขณะที่กรมราชองครักษ์ ในแผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัติรย์ ได้งบฯทั้งสิ้น 619,472,700 บาท และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 1,070,655,500 บาท จากที่ขอไว้ 1,073,655,500 ลดลง 3 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่างบประมาณ 3 เหล่าทัพในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ผ่านวาระ 3 ของ สนช.ถูกปรับลดน้อยลงกว่าที่หน่วยงานต้นเรื่องเสนอเข้าสู่ สนช. แต่ขณะเดียวกันก็มากกว่างบประมาณที่ถูกเจียดให้ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2556-2557 โดยเฉพาะงบฯจัดซื้ออาวุธ ที่ทั้ง 3 เหล่าทัพรวมกัน 166,397,804,900 บาท
ท่ามกลาง คลื่นลมการเมืองที่เริ่มก่อตัว จ่อเป็นพายุในวันข้างหน้า แม้วันนี้พื้นผิวน้ำยังคงนิ่งเงียบ แต่ลึกลงไปก็เริ่มไหลลึกและเชี่ยว เพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อันเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ คสช.และรัฐบาลทหาร ที่จำศีลในพื้นที่ แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังสานคอนเน็กชั่นกับแกนนำมวลชนเสื้อแดงต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา รอโอกาสเคลื่อนไหว ไม่ต่างจากกลุ่มก๊วนนายใหญ่และเครือข่ายก็เริ่มรุกบนพื้นที่สื่อ ทั้งสื่อกระดาษ สื่อทีวีดิจิทัลแม้จะขยับตัวไม่เต็มที่ แต่ในโลกออนไลน์-โซเชียลมีเดียก็ทะลุทะลวงได้ไม่มีขีดจำกัด เว็บไซต์เครือข่ายองค์กรเสรี ไทย อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังคงขยับโจมตี ตามด้วยแอนิเมชั่นตาดูดาวเท้าติดดินของ "พานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรพล.อ.ประยุทธ์จึงยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก และกำชับให้หน่วยข่าวกรองของตำรวจ-กองทัพ ยังจับตาดูกลุ่มเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว พร้อมประเคนงบฯด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้น
"จับตา ดูทุกพวก ทุกคน รวมทั้งสื่อด้วย ส่วนจะจับตาความเคลื่อนไหวอย่างไรนั้นตอบไม่ได้ เป็นเรื่องของความมั่นคง เรามีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีหน่วยข่าวเยอะแยะไปหมด มีทั้งคลื่นใต้น้ำ บนน้ำก็มี"
เมื่อตรวจสอบงบประมาณของหน่วยงานใน ทำเนียบรัฐบาล ที่ขึ้นตรงต่อ "พล.อ.ประยุทธ์" ที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้งบฯทั้งสิ้น 8,906,478,600 บาท โดยไม่ถูกปรับลด แยกเป็นแผนงานแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 8,191,181,400 บาท แผนรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ 527,592,200 บาท แผนป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 187,705,000 บาท ส่วนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้งบฯ 606,488,400 บาท ไว้ใช้แผนงานรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคที่มี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จ่อนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ ก็ได้รับการจัดสรรงบฯทั้งสิ้น 90,488,393,600 บาท มีทั้งสิ้น 12 แผนงาน แต่แผนงานที่ได้รับงบฯมากที่สุดคือแผนงานรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ 11,429,100,300 บาท ไว้สำหรับใช้ดูแลทุกข์สุขประชาชน พร้อมกับร่วมมือกองทัพควบคุมกลุ่มก้อนที่เตรียมเคลื่อนไหวทางการเมือง รองลง มาคือแผนงานฟื้นฟู ป้องกัน และจัดการภัยพิบัติ 2,066,051,800 บาท ตามด้วยแผนงานป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 2,066,051,800 บาท
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ที่มี"พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร" เป็นรัฐมนตรีแห่งกระทรวงบัวแก้ว ซึ่งมีโจทย์ใหญ่ในการแก้หมากเกม "โลกล้อมไทย" ของฝ่ายตรงข้าม คสช. ที่จะเริ่มเคลื่อนไหวต่างแดนหนักขึ้นเรื่อย ๆ นับจากนี้เป็นต้นไป ควบคู่กับภารกิจฟื้นฟูภาพลักษณ์ด้านประชาธิปไตยไทยในเวทีโลก โดยเฉพาะยุโรป และอเมริกา สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ
โดยได้รับการจัดสรรงบฯทั้งสิ้น 8,567,408,200 บาท จากที่ขอไปทั้งสิ้น 8,592,959,000 บาท โดยปรับลดลงในแผนงานส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรักษาผลประโยชน์ ของชาติ เหลือ 8,450,758,200 บาท จากเดิม 8,476,309,000 บาท
ส่วนแผนงานดำเนินการตามกรอบข้อตกลงของประชาคมอาเซียน 83,450,000 บาท และแผนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 35,200,000 บาท ไม่ถูกลดงบประมาณ
ทั้งหมดนี้เป็นงบประมาณปี 2558 ที่ผ่านวาระ 3 ของ สนช. เตรียมบังคับใช้เป็นกฎหมาย เพื่อให้การบริหารราชการของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ราบรื่นต่อไป
โดยเฉพาะงบฯเงินของ 3 เหล่าทัพ แม้ถูกลด แต่ก็ไม่ได้ลดมากเกินไป หากนับนิ้วคำนวณตัวเงินได้มากกว่าทหารยุค "ยิ่งลักษณ์" ที่ถูกวิจารณ์ว่าเอาใจกองทัพเสียอีก !