https://www.youtube.com/watch?v=GYcLoIbt5JU
...
...
อ.จุฬาฯขอทหารอย่าล้ำเส้น!
นายปราชญ์ ปัญจคุณาธร อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุถึงนักวิชาการว่า อย่าล้ำเส้นและให้ขออนุญาตคสช.ก่อนที่จะจัดเสวนา ว่า
เรื่องนี้ในส่วนของนักวิชาการทั้ง 60 คน ยังไม่ได้มีการหารือกัน แต่ตนคิดว่าในแง่ของเสรีภาพการแสดงความเห็นทางวิชาการ จะต้องไม่ถูกควบคุมเนื้อหาหรือหัวข้อ แต่หากมีการควบคุมเนื้อหาหรือหัวข้อแล้ว จะไม่ใช่การแลกเปลี่ยนทางวิชาการอีกต่อไป และทหารเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาควบคุมหรือจำกัดเสรีภาพทางวิชาการได้
นายปราชญ์ กล่าวต่อว่า เมื่อทางรัฐบาลออกมาบอกอย่างนี้ เราเองก็ยังไม่ได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพียงแต่ได้ย้ำจุดยืนคือเสรีภาพทางวิชาการที่จะต้องไม่ถูกควบคุม จะให้ไปขออนุญาตเพื่อจัดเสวนายืนยันว่าคงไม่ทำแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะบอกว่าเป็นงานทางวิชาการไม่ได้เลย ทั้งนี้ ยืนยันว่างานทางวิชาการไม่กระทบต่อความมั่นคง และนักวิชาการไม่ได้ล้ำเส้นใคร เราไม่เคยไปล้ำเส้นใครเลย มีแต่ทหารที่มาล้ำเส้นเรา ไปจับนักวิชาการถึงในมหาวิทยาลัย อย่างนี้ถือว่าล้ำเส้นมาก พวกเรายอมรับไม่ได้ ไม่เห็นด้วยที่จะมาคุกคามนักศึกษาและนักวิชาการ
เปิดศึก....
ที่มา มติชนออนไลน์
เรื่องนี้ในส่วนของนักวิชาการทั้ง 60 คน ยังไม่ได้มีการหารือกัน แต่ตนคิดว่าในแง่ของเสรีภาพการแสดงความเห็นทางวิชาการ จะต้องไม่ถูกควบคุมเนื้อหาหรือหัวข้อ แต่หากมีการควบคุมเนื้อหาหรือหัวข้อแล้ว จะไม่ใช่การแลกเปลี่ยนทางวิชาการอีกต่อไป และทหารเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาควบคุมหรือจำกัดเสรีภาพทางวิชาการได้
นายปราชญ์ กล่าวต่อว่า เมื่อทางรัฐบาลออกมาบอกอย่างนี้ เราเองก็ยังไม่ได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพียงแต่ได้ย้ำจุดยืนคือเสรีภาพทางวิชาการที่จะต้องไม่ถูกควบคุม จะให้ไปขออนุญาตเพื่อจัดเสวนายืนยันว่าคงไม่ทำแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะบอกว่าเป็นงานทางวิชาการไม่ได้เลย ทั้งนี้ ยืนยันว่างานทางวิชาการไม่กระทบต่อความมั่นคง และนักวิชาการไม่ได้ล้ำเส้นใคร เราไม่เคยไปล้ำเส้นใครเลย มีแต่ทหารที่มาล้ำเส้นเรา ไปจับนักวิชาการถึงในมหาวิทยาลัย อย่างนี้ถือว่าล้ำเส้นมาก พวกเรายอมรับไม่ได้ ไม่เห็นด้วยที่จะมาคุกคามนักศึกษาและนักวิชาการ
ooo
ความเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อความเคลื่อนใหวของ 60 นักวิชาการที่เขียน จดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้เปิดเวทีการแสดงความคิดได้ ซึ่งรายงานโดย วาสนา นาน่วม
เปิดศึก....
"พล.อ.ประยุทธ์"ติง60นักวิชาการเคลื่อนไหว อย่าอ้างไม่มีอะไรสอนเด็ก ยัน พูดการเมืองไม่ได้ ขออย่างหนึ่งพูดอีกเรื่องแต่ดูหน้าแล้ว ก็รู้ๆกันอยู่เคยเคลื่อนไหวมาแล่ว ทั้งนั้น ยันไม่ได้ห้ามพูดแต่ขออย่าเป็นเริ่องการเมือง ส่งกรอบมาแต่พูดคนละเรื่อง ตรงข้าม การทำความดี กลัวก็ทำไม่ได้ ไม่ไดเห้าม แต่ดูหน้าแล้ว ก็รู้ๆกันอยู่ เคยเคลื่อนไหวมาแล่ว ทั้งนั้น ถามกลับ อยากให้ประเทศกลับไปตีกันหรือไง ฉุน นักข่าว หาว่า ท้าทาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณี60 นักวิชาการจาก 16 สถาบัน ล่ารายชื่อคัดค้าน คสช.ว่า แสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเมือง ให้เป็นวิชาการ แต่วิชาการเกี่ยวกับการเมืองอย่างไรตนไม่รู้ แต่เวลาพูดมาก็เป็นการเมืองทุกที ตนไม่เคยไปห้ามเขา เพียงแต่บอกว่าทุกกลุ่มถ้าจะจัดประชุมหรือสัมมนาให้ขอการอนุมัติเข้ามา เราจะพิจารณา ดูเนื้อหา ซึ่งพอขอกันเข้ามาแล้วแต่พอเราไปฟังก็คนละเรื่องกันหมด ไม่ได้ทะเลาะกับใคร เขาเป็นถึงครู อาจารย์
"ท่านบอกว่าพอห้ามอย่างนี้แล้วจะสอนเด็กนักเรียนอย่างไร มีเรื่องให้สอนตั้งเยอะใช่ไหม สอนเรื่องค่านิยม 12ประการ สอนให้ทุกคนมีประชาธิปไตยที่ถูกต้องอย่างไร ไอ้นี่พูดตรงข้ามรัฐบาลหมดมันไม่ได้ หรือโจมตีคสช.มันใช่หรือไม่ กลุ่มที่ออกมาพูดทั้ง 60 คนก็รู้กันอยู่ ท่านเคลื่อนไหวทำนองนี้มาตลอดอยู่แล้ว"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องบานปลาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หวั่น ให้พวกเราช่วยกัน การทำความดีถ้ากลัวก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องเด็ดขาด ถ้าอยู่ในขอบเขตมหาวิทยาลัยก็ว่าไปยืนยันว่าเราไม่ได้ห้าม เพียงแต่ให้ขออนุญาตมาว่าจะพูดเรื่องอะไร แต่ถ้าเปิดให้พูดแล้วแต่พูดไม่เข้ากรอบก็ปิดเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า ยังมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่นการคลุมปี๊บ หรือแสดงความคิดเห็นบางอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปดูว่าควรหรือไม่ควร ซักต่อว่า ใครจะเป็นผู้พิจารณา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ไม่เกี่ยวกับตน สื่อต้องอธิบายสังคมว่าวันนี้เราต้องการอะไร ต้องการประเทศชาติสงบกันหรือไม่ ต้องการประชาธิปไตยที่ถูกต้องหรือไม่ ต้องการความขัดแย้งอย่างนั้นหรือไม่ ต้องการให้มีการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ หรือต้องการให้มีการทุจริตไม่โปร่งใสอีกต่อไปหรือไม่ ท่านไปถามคำถามเหล่านี้ กับอีกเรื่องหนึ่งคือการห้ามแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ ตนถามว่าสองอย่างนี้เอาอะไรมาวัดผล อะไรคือดีหรือไม่ดี
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ให้เขาตีรวนรัฐบาลไปเรื่อยๆทำงานก็ไม่ได้อะไรก็ไม่ได้ แล้วผมถามว่าไอ้เรื่องที่ทำอยู่ขณะนี้ใครจะมาทำ แล้ววันหน้าท่านจะหากินกับเรื่องอย่างนี้อีกต่อไปหรือ จะให้มาตีทะเลาะเบาะแว้งอย่างนี้อีกต่อไปหรือ เดี๋ยวก็มาเดินขบวนกันอีก ใช้ม็อบมาสู้กันมีอาวุธสงครามอีก ผมก็พร้อม ถ้าคิดว่าเอาอย่างนั้นก็เลือกมา บอกมาเลย ผมยืนยันว่าพวกเราตั้งใจทำงานทุกวันนี้ไม่ได้สบาย เราบอกว่าเราไม่ต้องการอะไรเลย แล้วจะทำไปทำไม ทำไมไม่เห็นในความเสียสละของพวกเรา ไม่ใช่ผมดีใจนะที่เป็นนายกฯคิดว่าเท่เหรอ ไม่ใช่ แทนที่จะได้พักผ่อน ต้องมาทำงาน อายุ 60ผมแก่แล้ว ต้องพักผ่อน"นายกฯกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการท้าทายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ก็คุณไปเขียนอย่างนี้ สื่อฉบับไหนเนี่ย คุณชอบเขียนแบบนี้ ผมไม่ได้ท้าทายใคร ผมบอกให้ประชาชนคิดเอา ถ้าอย่างนั้นก็บังคับให้ผมต้องใช้อำนาจใช้กฎหมาย มันก็ไม่ได้ดีกับใครสักคน ผมถามว่าเขาต้องการอะไร พวกคุณต้องการเอาแบบที่แล้วใช่ไหม หาเงินง่ายดีมีข่าวทุกวัน ยิงกันทุกวัน ตกลงจะเอาแบบนั้นไหม ถ้าเอาแบบนั้นก็บอกให้เขาไปท้าทายมา"พล.อ.ประยุทธ์ กลาว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณี60 นักวิชาการจาก 16 สถาบัน ล่ารายชื่อคัดค้าน คสช.ว่า แสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเมือง ให้เป็นวิชาการ แต่วิชาการเกี่ยวกับการเมืองอย่างไรตนไม่รู้ แต่เวลาพูดมาก็เป็นการเมืองทุกที ตนไม่เคยไปห้ามเขา เพียงแต่บอกว่าทุกกลุ่มถ้าจะจัดประชุมหรือสัมมนาให้ขอการอนุมัติเข้ามา เราจะพิจารณา ดูเนื้อหา ซึ่งพอขอกันเข้ามาแล้วแต่พอเราไปฟังก็คนละเรื่องกันหมด ไม่ได้ทะเลาะกับใคร เขาเป็นถึงครู อาจารย์
"ท่านบอกว่าพอห้ามอย่างนี้แล้วจะสอนเด็กนักเรียนอย่างไร มีเรื่องให้สอนตั้งเยอะใช่ไหม สอนเรื่องค่านิยม 12ประการ สอนให้ทุกคนมีประชาธิปไตยที่ถูกต้องอย่างไร ไอ้นี่พูดตรงข้ามรัฐบาลหมดมันไม่ได้ หรือโจมตีคสช.มันใช่หรือไม่ กลุ่มที่ออกมาพูดทั้ง 60 คนก็รู้กันอยู่ ท่านเคลื่อนไหวทำนองนี้มาตลอดอยู่แล้ว"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องบานปลาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หวั่น ให้พวกเราช่วยกัน การทำความดีถ้ากลัวก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องเด็ดขาด ถ้าอยู่ในขอบเขตมหาวิทยาลัยก็ว่าไปยืนยันว่าเราไม่ได้ห้าม เพียงแต่ให้ขออนุญาตมาว่าจะพูดเรื่องอะไร แต่ถ้าเปิดให้พูดแล้วแต่พูดไม่เข้ากรอบก็ปิดเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า ยังมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่นการคลุมปี๊บ หรือแสดงความคิดเห็นบางอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปดูว่าควรหรือไม่ควร ซักต่อว่า ใครจะเป็นผู้พิจารณา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ไม่เกี่ยวกับตน สื่อต้องอธิบายสังคมว่าวันนี้เราต้องการอะไร ต้องการประเทศชาติสงบกันหรือไม่ ต้องการประชาธิปไตยที่ถูกต้องหรือไม่ ต้องการความขัดแย้งอย่างนั้นหรือไม่ ต้องการให้มีการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ หรือต้องการให้มีการทุจริตไม่โปร่งใสอีกต่อไปหรือไม่ ท่านไปถามคำถามเหล่านี้ กับอีกเรื่องหนึ่งคือการห้ามแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ ตนถามว่าสองอย่างนี้เอาอะไรมาวัดผล อะไรคือดีหรือไม่ดี
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ให้เขาตีรวนรัฐบาลไปเรื่อยๆทำงานก็ไม่ได้อะไรก็ไม่ได้ แล้วผมถามว่าไอ้เรื่องที่ทำอยู่ขณะนี้ใครจะมาทำ แล้ววันหน้าท่านจะหากินกับเรื่องอย่างนี้อีกต่อไปหรือ จะให้มาตีทะเลาะเบาะแว้งอย่างนี้อีกต่อไปหรือ เดี๋ยวก็มาเดินขบวนกันอีก ใช้ม็อบมาสู้กันมีอาวุธสงครามอีก ผมก็พร้อม ถ้าคิดว่าเอาอย่างนั้นก็เลือกมา บอกมาเลย ผมยืนยันว่าพวกเราตั้งใจทำงานทุกวันนี้ไม่ได้สบาย เราบอกว่าเราไม่ต้องการอะไรเลย แล้วจะทำไปทำไม ทำไมไม่เห็นในความเสียสละของพวกเรา ไม่ใช่ผมดีใจนะที่เป็นนายกฯคิดว่าเท่เหรอ ไม่ใช่ แทนที่จะได้พักผ่อน ต้องมาทำงาน อายุ 60ผมแก่แล้ว ต้องพักผ่อน"นายกฯกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการท้าทายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ก็คุณไปเขียนอย่างนี้ สื่อฉบับไหนเนี่ย คุณชอบเขียนแบบนี้ ผมไม่ได้ท้าทายใคร ผมบอกให้ประชาชนคิดเอา ถ้าอย่างนั้นก็บังคับให้ผมต้องใช้อำนาจใช้กฎหมาย มันก็ไม่ได้ดีกับใครสักคน ผมถามว่าเขาต้องการอะไร พวกคุณต้องการเอาแบบที่แล้วใช่ไหม หาเงินง่ายดีมีข่าวทุกวัน ยิงกันทุกวัน ตกลงจะเอาแบบนั้นไหม ถ้าเอาแบบนั้นก็บอกให้เขาไปท้าทายมา"พล.อ.ประยุทธ์ กลาว
ooo
ภาพแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ จาก Thailand Dictator Watch
ooo
ความคิดเห็นของ เปลว สีเงิน แห่งไทยโพสต์
ภาพจาก Kasian Tejapira |
เปลว สีเงิน
Tuesday, 23 September, 2014 - 00:00
'เสรีภาพของนักวิชาการหางว่าว'
อืมมมม...ผมว่าเท่ดีนะ....แต่ถ้าใครรู้ตัวว่า "งั่ง" ไม่ถึงขั้น ก็ไม่ควรเลียนแบบ ปล่อยให้ "นายวิโรจน์ อาลี" ทำเท่ด้วยการเอาปี๊บขนมปังคลุมหัว แล้วโชว์วิสัยทัศน์ระดับ "อาจารย์รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์" ว่า.....
"นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงเสรีภาพทางวิชาการที่ถูกคุกคาม" ไปคนเดียวเถอะ!
ความจริง ถ้าใครเป็นคอเสื้อแดง หรือคอวอยซ์ทีวีของคุณพานทองแท้ ก่อนที่ คสช.สั่งจอดำ จะเห็นอาจารย์วิโรจน์กับคณะ มาให้ความรู้รัฐศาสตร์ระบอบทักษิณ-ยิ่งลักษณ์เป็นขาประจำ
เมื่อเสรีภาพทางวิชาการสไตล์ระบอบทักษิณที่เขาชินและชอบถูก คสช.ควบคุม มันก็แน่อยู่แล้วที่นักวิชาการกลุ่มนี้ต้อง "ดิ้น" ด้วยลีลา ยั่ว-ยุ-หลอก-ล่อ
"ให้ คสช.ถลำเข้าทาง"!
โบราณก็บอกอยู่แล้ว ชาวบ้านการศึกษาน้อยน่ะ จะทำอะไรก็ทื่อๆ ไม่มีเล่ห์-มีเหลี่ยม เปิดช่องโหว่ให้ฝ่ายบ้านเมืองใช้แง่กฎหมายจัดการได้ง่าย
ผิดกับพวกมีการศึกษา ยิ่งเรียนมาก เหลี่ยม-เล่ห์ก็ยิ่งแพรวพราว เต็มไปด้วยลูกล่อ-ลูกชน ขืนผลีผลามใช้แง่มุมกฎหมายเข้าจัดการ เผลอๆ ถูกลูกศอกยักเยี่ยงเอาหน้าตาแหกเปล่าๆ
กลุ่มวิชาการระบอบทักษิณก็ประมาณนั้น....!
เขารู้จุดอ่อนรัฐบาลเผด็จการ คสช.ดีว่าอยู่ตรงจุด "เสรีภาพ" เมื่อยังถล่มให้แตกหักไม่ได้ ก็ต้องใช้แผน "กัดเซาะ" ตรงจุดอ่อนให้เป็นแผลเรื้อรัง ลากขากะโผลก-กะเผลกไปทีละน้อย
ไอ้นักวิชาการมหาวิทยาลัยประเภทนี้น่ะ มันสูงส่งทางสถานภาพนักวิชาการ แต่ต่ำเตี้ยทางศักดิ์ศรีนักเลง-นักสู้
เวลาสู้ นักวิชาการพวกนี้ ไม่กล้าสู้นอกรั้วสถาบันหรอก จะมุดเข้าไปสู้อยู่แต่ในรั้ว อาศัยรั้ว แผ่นหลังนักศึกษา และชื่อสถาบัน เป็นปลอกคอจัดกิจกรรมกวนโอ๊ย ซึ่งปลอดภัยกว่าจะทำโอ่อ่า ด้วยเกียรติยศนักสู้ ไปเดี่ยวกลางแดดอยู่นอกรั้วสถาบัน
คสช.จะไปทำอะไร มันก็จะตีเกราะเคาะไม้ ร้องวี้ดว้ายกระตู้วู้ จนไม่รู้ใครชายแท้-หญิงเทียม.....
"อ๊ะ..อ๊ะ..อย่านะ นี่เป็นการเรียน เป็นการสอน เป็นการเสวนาทางวิชาการนะ อย่ามาห้าม-มาจับนะ ถือเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ เดี๋ยวฉันไปฟ้องพ่อที่ยูเอ็นนะ!"
นี่แหละ...คนเรียนมาก-รู้มาก ก็ร้อยเล่มเกวียน ทั้งที่รู้กันทางชั้นเชิงว่า ด้วยหัวข้อที่จัดเสวนานั้น เจตนาหาเรื่องด่า หาเรื่องเสียดสี-โจมตีรัฐบาลเผด็จการ คสช. แต่ก็...จับไม่ติด
ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า....กวนโอ๊ย!
นักวิชาการประเภท "นักรบบัญชีหางว่าว" พวกนี้น่ะ ถ้าพูดถึงความโอ่อ่าในการแสดงออกในสิ่งที่เขาต้านต่อ ที่เรียกว่าการต่อสู้ ขอโทษ......
"ไม่ติดขี้ตีน" นักเรียนอาชีวะ!
นักเรียนอาชีวะ มีภาพเป็นอันธพาล เกเร ชอบก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ยกพวกฆ่ากัน ถึงขนาดนายกฯ ประยุทธ์ออกปาก...ต่อไปนี้ สถาบันไหนปล่อยให้ก่อเหตุอีก จะปิดสถาบันนั้นทันที
ผมไม่เถียงว่านักเรียนอาชีวะมันเฮี้ยว มันอันธพาล แต่อยากให้มองบางมุมจากพฤติกรรมเฮี้ยวของพวกนักเรียนอาชีวะ
ข้อแรกที่ผมเห็น นักเรียนอาชีวะมีจิตสำนึกสูง รู้จักแยกชั่วของตัวเองออกจากความดี-ความสูงส่งของนามสถาบันศึกษา ให้ความ รัก-เคารพ-เทิดทูน สถาบันศึกษาตัวเองสูงมาก
ข้อที่สอง นักเรียนอาชีวะ จะไม่อาศัยรั้วสถาบันคุ้มหัว ไม่ก่ออันธพาลฆ่าแกง บู๊ล้างผลาญให้เป็นที่แปดเปื้อนสถาบัน หรือหวังเงาสถาบันคุ้มหัวในชั่วที่ตัวเองทำ
ข้อที่สาม เวลาจะออกไปบู๊ล้างผลาญ เขาจะถอดเครื่องแบบหรือพรางเครื่องหมายสังกัดสถาบันศึกษาไม่ให้คนภายนอกเห็น
ข้อที่สี่ ผิด-ยอมรับผิด ไม่วอแว ไม่อ้างสภาพนักเรียน ไม่อ้างสิทธิเสรีภาพนักเรียน ไม่เข้าบัญชีหางว่าวเป็น "นักรบหมู่" เอาชื่อมากไปข่มขู่ใครๆ
นี่....ถึงจะอันธพาล แต่รูปแบบที่ทำ เป็นรูปแบบ "นักเลง-นักสู้" ไม่ทำให้สถาบันส่วนรวมเปรอะเปื้อน ไม่ทำให้นักเรียนและครูอาจารย์ซึ่งไม่เกี่ยวข้องด้วยเดือดร้อน
จะฆ่า-แกงกัน ก็ฆ่าแกง ในนาม "กู-มึง" ไม่ประกาศนามสถาบันให้ใครรู้ แต่ที่รู้ เพราะสื่อไปทำข่าวเอามาเผยแพร่เองตะหาก!
เอ้า...พวกอาจารย์มหาวิทยาลัยระบอบทักษิณ ประเภท "นักรบหมู่" ทั้งหลาย เมื่ออยากจะสู้กับรัฐบาลเผด็จการ คสช.ก็จำเยี่ยงนักเรียนอาชีวะไปสู้ให้เปิดเผย-โอ่อ่า
อย่าซุกหัวอยู่ในกระดองมหาวิทยาลัยสู้อย่างที่ทำกันอยู่ตอนนี้เลย...มันเสื่อมเสียสถาบันอันเป็นส่วนรวม!
ย้อนกลับมาที่อาจารย์วิโรจน์ อาลี อีกซักนิด เหตุผลเต็มๆ ของเขาที่เอาปี๊บคลุมหัว เขาบอกว่า
"นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงเสรีภาพทางวิชาการที่ถูกคุกคาม และเรียกร้องความรับผิดชอบนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีธรรมศาสตร์ ที่ควรแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาควบคุมตัวอาจารย์ และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในงานเสวนาห้องเรียนประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา"
..........................
"ผมก็จะเอา 'ปี๊บ' คลุมหัวเรื่อยๆ หากมีโอกาสที่จะสามารถแสดงออกเชิงสัญลักษณ์นี้ได้ ที่สำคัญคือ เรื่อง เสรีภาพทางวิชาการ และผู้บริหารที่ควรจะมีสามัญสำนึกในเรื่องนี้"
สรุป แยกเจตนานายวิโรจน์ได้ ๒ เจตนา เจตนาแรก แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงเสรีภาพทางวิชาการ
เจตนาที่สอง แสดงออกเพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบนายสมคิด ฐานปล่อยให้ตำรวจเชิญตัวหัวโจก-หัวหงอกแต่ไม่มีสำนึกไปอบรม โดยอธิการบดีไม่ปกป้องคุ้มครองพวกเขา
ในเมื่อคนเรียนมาก พลิ้วด้วยมากลีลาอย่างนี้ ผมเป็นคนเรียนน้อย ไม่มีลีลา ก็อยากจะพูดด้วยเนื้อหาตรงๆ ว่า
๑.ไม่ใช่สัญลักษณ์ถึงเสรีภาพทางวิชาการ แต่มันเป็นสัญลักษณ์กวนโอ๊ย คสช.โดยใช้รูปแบบวิชาการหุ้มเกือกสำหรับพลิ้ว
๒.ไม่ใช่เรียกร้องความรับผิดชอบอธิการบดี แต่มันเป็นการสร้างเหตุโจมตี-ขับไล่นายสมคิด ที่ไม่ยอม "หางด้วน" ด้วย และก็หาเหตุโจมตีนายสมคิดมาตลอด
มันก็เท่านี้แหละ .....!
และถ้าพิเคราะห์ตามคำพูดนายวิโรจน์ ที่โกรธนายสมคิด เป็นอธิการบดี กลับปล่อยให้ตำรวจมาเชิญตัวอาจารย์ผู้ร่วมเสวนาไป จึงต้องเอาปี๊บคลุมหัวประท้วง
ตรงนี้ยิ่งส่อชัด ที่ไม่กล้าไปจัดกิจกรรมนอกรั้ว ก็หวังเงาสถาบันและบารมีอธิการบดีคุ้มกระบาลให้
ในนิยามนี้ เมื่อนายสมคิดผู้เป็นอธิการบดี ให้เสรีภาพจัดในมหาวิทยาลัยได้ ก็แล้วทำไมล่ะ จะให้เสรีภาพตำรวจเข้ามาเชิญตัว "นักรบในรั้ว" ไปเบิ๊ดกระบาลหงอกบ้างไม่ได้?
พูดถึงธรรมศาสตร์วันนี้ ย้อนหลังไป พ.ศ.๒๕๐๐ ท้ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม และยุค ๑๔ ตุลา ๑๖ รัฐบาลจอมพลถนอม
นั่นคือธรรมศาสตร์ที่ "สอนให้รักประชาชน" แท้จริง
แต่ไม่เชื่อ มันก็ประจักษ์คาตา จาก พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๖-๒๕๕๗ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงรัฐบาล คสช.ประยุทธ์
ธรรมศาสตร์วันนี้ "เป็นที่สิงของพวกสร้างภาพวิชาการให้ประชาชนเกลียดชาติและสถาบัน"!?
เสรีภาพธรรมศาสตร์ออกมาในรูปแบบนี้ได้อย่างไร....ทุกคน ตั้งแต่อธิการบดีลงไปถึงภารโรง ต้องรับผิดชอบ และตอบคำถามนี้ให้ได้
-รัฐบาลโกงข้าว-โกงประเทศไปกว่า ๕ แสนล้าน ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-รัฐบาลครอบงำศาลให้อยู่ในอำนาจไม่ได้ ก็ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาล ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-รัฐบาลสมคบ ส.ส.-วุฒิฯ แก้เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเพื่อช่วยคนคนเดียว ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-รัฐบาลสมคบรัฐสภาออกกฎหมายกันตี ๔ ตี ๕ แถมกดบัตรลงคะแนนแทนกัน ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-รัฐบาลเอาโจรตั้งเป็นข้าราชการฝ่ายการเมือง แฝงเข้าไปอยู่ในทุกกระทรวง-ทบวง-กรม ซึ่งล่อแหลมต่อความมั่นคง และการทำงานในระบบราชการ ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-โกงกิน ฉ้อราษฎร์-บังหลวง จนฉาวโฉ่ โด่งดังติดอันดับโลก ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
ต่างกันนิดเดียว วันนั้น รัฐบาลเลือกตั้ง โจรเฟื่องฟู มันแดกชาติเกือบเกลี้ยง แต่วันนี้ รัฐบาลเผด็จการ โจรจมฟุบ ชาติกำลังได้รับการฟื้นฟู
วิโรจน์เอ้ย....ที่บอก "จะเอาปี๊บคลุมหัวไปเรื่อยๆ" น่ะ มันไม่สมศักดิ์ศรีระดับอาจารย์รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์หรอก
เปลี่ยนจากปี๊บ ไปเป็นปลอก "ส้วมซึม" คลุมหัว จะรับใบหน้าและปัญญาในกะโหลกสมศักดิ์-สมศรีมากกว่า
อยากได้ก็บอก เหลือจากปลูกมะนาวอยู่ ๒ ปลอก จะผูกโบมอบให้ ระดับ'จารย์มหา'ลัยผู้เรียกหาเสรีภาพ มันจะน้อยกว่านี้ได้อย่างไร จริงมั้ย...'จารย์?
Tuesday, 23 September, 2014 - 00:00
'เสรีภาพของนักวิชาการหางว่าว'
อืมมมม...ผมว่าเท่ดีนะ....แต่ถ้าใครรู้ตัวว่า "งั่ง" ไม่ถึงขั้น ก็ไม่ควรเลียนแบบ ปล่อยให้ "นายวิโรจน์ อาลี" ทำเท่ด้วยการเอาปี๊บขนมปังคลุมหัว แล้วโชว์วิสัยทัศน์ระดับ "อาจารย์รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์" ว่า.....
"นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงเสรีภาพทางวิชาการที่ถูกคุกคาม" ไปคนเดียวเถอะ!
ความจริง ถ้าใครเป็นคอเสื้อแดง หรือคอวอยซ์ทีวีของคุณพานทองแท้ ก่อนที่ คสช.สั่งจอดำ จะเห็นอาจารย์วิโรจน์กับคณะ มาให้ความรู้รัฐศาสตร์ระบอบทักษิณ-ยิ่งลักษณ์เป็นขาประจำ
เมื่อเสรีภาพทางวิชาการสไตล์ระบอบทักษิณที่เขาชินและชอบถูก คสช.ควบคุม มันก็แน่อยู่แล้วที่นักวิชาการกลุ่มนี้ต้อง "ดิ้น" ด้วยลีลา ยั่ว-ยุ-หลอก-ล่อ
"ให้ คสช.ถลำเข้าทาง"!
โบราณก็บอกอยู่แล้ว ชาวบ้านการศึกษาน้อยน่ะ จะทำอะไรก็ทื่อๆ ไม่มีเล่ห์-มีเหลี่ยม เปิดช่องโหว่ให้ฝ่ายบ้านเมืองใช้แง่กฎหมายจัดการได้ง่าย
ผิดกับพวกมีการศึกษา ยิ่งเรียนมาก เหลี่ยม-เล่ห์ก็ยิ่งแพรวพราว เต็มไปด้วยลูกล่อ-ลูกชน ขืนผลีผลามใช้แง่มุมกฎหมายเข้าจัดการ เผลอๆ ถูกลูกศอกยักเยี่ยงเอาหน้าตาแหกเปล่าๆ
กลุ่มวิชาการระบอบทักษิณก็ประมาณนั้น....!
เขารู้จุดอ่อนรัฐบาลเผด็จการ คสช.ดีว่าอยู่ตรงจุด "เสรีภาพ" เมื่อยังถล่มให้แตกหักไม่ได้ ก็ต้องใช้แผน "กัดเซาะ" ตรงจุดอ่อนให้เป็นแผลเรื้อรัง ลากขากะโผลก-กะเผลกไปทีละน้อย
ไอ้นักวิชาการมหาวิทยาลัยประเภทนี้น่ะ มันสูงส่งทางสถานภาพนักวิชาการ แต่ต่ำเตี้ยทางศักดิ์ศรีนักเลง-นักสู้
เวลาสู้ นักวิชาการพวกนี้ ไม่กล้าสู้นอกรั้วสถาบันหรอก จะมุดเข้าไปสู้อยู่แต่ในรั้ว อาศัยรั้ว แผ่นหลังนักศึกษา และชื่อสถาบัน เป็นปลอกคอจัดกิจกรรมกวนโอ๊ย ซึ่งปลอดภัยกว่าจะทำโอ่อ่า ด้วยเกียรติยศนักสู้ ไปเดี่ยวกลางแดดอยู่นอกรั้วสถาบัน
คสช.จะไปทำอะไร มันก็จะตีเกราะเคาะไม้ ร้องวี้ดว้ายกระตู้วู้ จนไม่รู้ใครชายแท้-หญิงเทียม.....
"อ๊ะ..อ๊ะ..อย่านะ นี่เป็นการเรียน เป็นการสอน เป็นการเสวนาทางวิชาการนะ อย่ามาห้าม-มาจับนะ ถือเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ เดี๋ยวฉันไปฟ้องพ่อที่ยูเอ็นนะ!"
นี่แหละ...คนเรียนมาก-รู้มาก ก็ร้อยเล่มเกวียน ทั้งที่รู้กันทางชั้นเชิงว่า ด้วยหัวข้อที่จัดเสวนานั้น เจตนาหาเรื่องด่า หาเรื่องเสียดสี-โจมตีรัฐบาลเผด็จการ คสช. แต่ก็...จับไม่ติด
ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า....กวนโอ๊ย!
นักวิชาการประเภท "นักรบบัญชีหางว่าว" พวกนี้น่ะ ถ้าพูดถึงความโอ่อ่าในการแสดงออกในสิ่งที่เขาต้านต่อ ที่เรียกว่าการต่อสู้ ขอโทษ......
"ไม่ติดขี้ตีน" นักเรียนอาชีวะ!
นักเรียนอาชีวะ มีภาพเป็นอันธพาล เกเร ชอบก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ยกพวกฆ่ากัน ถึงขนาดนายกฯ ประยุทธ์ออกปาก...ต่อไปนี้ สถาบันไหนปล่อยให้ก่อเหตุอีก จะปิดสถาบันนั้นทันที
ผมไม่เถียงว่านักเรียนอาชีวะมันเฮี้ยว มันอันธพาล แต่อยากให้มองบางมุมจากพฤติกรรมเฮี้ยวของพวกนักเรียนอาชีวะ
ข้อแรกที่ผมเห็น นักเรียนอาชีวะมีจิตสำนึกสูง รู้จักแยกชั่วของตัวเองออกจากความดี-ความสูงส่งของนามสถาบันศึกษา ให้ความ รัก-เคารพ-เทิดทูน สถาบันศึกษาตัวเองสูงมาก
ข้อที่สอง นักเรียนอาชีวะ จะไม่อาศัยรั้วสถาบันคุ้มหัว ไม่ก่ออันธพาลฆ่าแกง บู๊ล้างผลาญให้เป็นที่แปดเปื้อนสถาบัน หรือหวังเงาสถาบันคุ้มหัวในชั่วที่ตัวเองทำ
ข้อที่สาม เวลาจะออกไปบู๊ล้างผลาญ เขาจะถอดเครื่องแบบหรือพรางเครื่องหมายสังกัดสถาบันศึกษาไม่ให้คนภายนอกเห็น
ข้อที่สี่ ผิด-ยอมรับผิด ไม่วอแว ไม่อ้างสภาพนักเรียน ไม่อ้างสิทธิเสรีภาพนักเรียน ไม่เข้าบัญชีหางว่าวเป็น "นักรบหมู่" เอาชื่อมากไปข่มขู่ใครๆ
นี่....ถึงจะอันธพาล แต่รูปแบบที่ทำ เป็นรูปแบบ "นักเลง-นักสู้" ไม่ทำให้สถาบันส่วนรวมเปรอะเปื้อน ไม่ทำให้นักเรียนและครูอาจารย์ซึ่งไม่เกี่ยวข้องด้วยเดือดร้อน
จะฆ่า-แกงกัน ก็ฆ่าแกง ในนาม "กู-มึง" ไม่ประกาศนามสถาบันให้ใครรู้ แต่ที่รู้ เพราะสื่อไปทำข่าวเอามาเผยแพร่เองตะหาก!
เอ้า...พวกอาจารย์มหาวิทยาลัยระบอบทักษิณ ประเภท "นักรบหมู่" ทั้งหลาย เมื่ออยากจะสู้กับรัฐบาลเผด็จการ คสช.ก็จำเยี่ยงนักเรียนอาชีวะไปสู้ให้เปิดเผย-โอ่อ่า
อย่าซุกหัวอยู่ในกระดองมหาวิทยาลัยสู้อย่างที่ทำกันอยู่ตอนนี้เลย...มันเสื่อมเสียสถาบันอันเป็นส่วนรวม!
ย้อนกลับมาที่อาจารย์วิโรจน์ อาลี อีกซักนิด เหตุผลเต็มๆ ของเขาที่เอาปี๊บคลุมหัว เขาบอกว่า
"นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงเสรีภาพทางวิชาการที่ถูกคุกคาม และเรียกร้องความรับผิดชอบนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีธรรมศาสตร์ ที่ควรแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาควบคุมตัวอาจารย์ และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในงานเสวนาห้องเรียนประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา"
..........................
"ผมก็จะเอา 'ปี๊บ' คลุมหัวเรื่อยๆ หากมีโอกาสที่จะสามารถแสดงออกเชิงสัญลักษณ์นี้ได้ ที่สำคัญคือ เรื่อง เสรีภาพทางวิชาการ และผู้บริหารที่ควรจะมีสามัญสำนึกในเรื่องนี้"
สรุป แยกเจตนานายวิโรจน์ได้ ๒ เจตนา เจตนาแรก แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงเสรีภาพทางวิชาการ
เจตนาที่สอง แสดงออกเพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบนายสมคิด ฐานปล่อยให้ตำรวจเชิญตัวหัวโจก-หัวหงอกแต่ไม่มีสำนึกไปอบรม โดยอธิการบดีไม่ปกป้องคุ้มครองพวกเขา
ในเมื่อคนเรียนมาก พลิ้วด้วยมากลีลาอย่างนี้ ผมเป็นคนเรียนน้อย ไม่มีลีลา ก็อยากจะพูดด้วยเนื้อหาตรงๆ ว่า
๑.ไม่ใช่สัญลักษณ์ถึงเสรีภาพทางวิชาการ แต่มันเป็นสัญลักษณ์กวนโอ๊ย คสช.โดยใช้รูปแบบวิชาการหุ้มเกือกสำหรับพลิ้ว
๒.ไม่ใช่เรียกร้องความรับผิดชอบอธิการบดี แต่มันเป็นการสร้างเหตุโจมตี-ขับไล่นายสมคิด ที่ไม่ยอม "หางด้วน" ด้วย และก็หาเหตุโจมตีนายสมคิดมาตลอด
มันก็เท่านี้แหละ .....!
และถ้าพิเคราะห์ตามคำพูดนายวิโรจน์ ที่โกรธนายสมคิด เป็นอธิการบดี กลับปล่อยให้ตำรวจมาเชิญตัวอาจารย์ผู้ร่วมเสวนาไป จึงต้องเอาปี๊บคลุมหัวประท้วง
ตรงนี้ยิ่งส่อชัด ที่ไม่กล้าไปจัดกิจกรรมนอกรั้ว ก็หวังเงาสถาบันและบารมีอธิการบดีคุ้มกระบาลให้
ในนิยามนี้ เมื่อนายสมคิดผู้เป็นอธิการบดี ให้เสรีภาพจัดในมหาวิทยาลัยได้ ก็แล้วทำไมล่ะ จะให้เสรีภาพตำรวจเข้ามาเชิญตัว "นักรบในรั้ว" ไปเบิ๊ดกระบาลหงอกบ้างไม่ได้?
พูดถึงธรรมศาสตร์วันนี้ ย้อนหลังไป พ.ศ.๒๕๐๐ ท้ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม และยุค ๑๔ ตุลา ๑๖ รัฐบาลจอมพลถนอม
นั่นคือธรรมศาสตร์ที่ "สอนให้รักประชาชน" แท้จริง
แต่ไม่เชื่อ มันก็ประจักษ์คาตา จาก พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๖-๒๕๕๗ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงรัฐบาล คสช.ประยุทธ์
ธรรมศาสตร์วันนี้ "เป็นที่สิงของพวกสร้างภาพวิชาการให้ประชาชนเกลียดชาติและสถาบัน"!?
เสรีภาพธรรมศาสตร์ออกมาในรูปแบบนี้ได้อย่างไร....ทุกคน ตั้งแต่อธิการบดีลงไปถึงภารโรง ต้องรับผิดชอบ และตอบคำถามนี้ให้ได้
-รัฐบาลโกงข้าว-โกงประเทศไปกว่า ๕ แสนล้าน ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-รัฐบาลครอบงำศาลให้อยู่ในอำนาจไม่ได้ ก็ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาล ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-รัฐบาลสมคบ ส.ส.-วุฒิฯ แก้เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเพื่อช่วยคนคนเดียว ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-รัฐบาลสมคบรัฐสภาออกกฎหมายกันตี ๔ ตี ๕ แถมกดบัตรลงคะแนนแทนกัน ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-รัฐบาลเอาโจรตั้งเป็นข้าราชการฝ่ายการเมือง แฝงเข้าไปอยู่ในทุกกระทรวง-ทบวง-กรม ซึ่งล่อแหลมต่อความมั่นคง และการทำงานในระบบราชการ ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
-โกงกิน ฉ้อราษฎร์-บังหลวง จนฉาวโฉ่ โด่งดังติดอันดับโลก ไม่มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใดๆ จากนักวิชาการหางว่าว-หัวหงอก
ต่างกันนิดเดียว วันนั้น รัฐบาลเลือกตั้ง โจรเฟื่องฟู มันแดกชาติเกือบเกลี้ยง แต่วันนี้ รัฐบาลเผด็จการ โจรจมฟุบ ชาติกำลังได้รับการฟื้นฟู
วิโรจน์เอ้ย....ที่บอก "จะเอาปี๊บคลุมหัวไปเรื่อยๆ" น่ะ มันไม่สมศักดิ์ศรีระดับอาจารย์รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์หรอก
เปลี่ยนจากปี๊บ ไปเป็นปลอก "ส้วมซึม" คลุมหัว จะรับใบหน้าและปัญญาในกะโหลกสมศักดิ์-สมศรีมากกว่า
อยากได้ก็บอก เหลือจากปลูกมะนาวอยู่ ๒ ปลอก จะผูกโบมอบให้ ระดับ'จารย์มหา'ลัยผู้เรียกหาเสรีภาพ มันจะน้อยกว่านี้ได้อย่างไร จริงมั้ย...'จารย์?
ooo