วันอาทิตย์, กันยายน 07, 2557

สัญญาณ"ตู่ 1" หนักตั้งแต่เริ่ม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" 5 ก.ย.57


ooo

สัญญาณ"ตู่ 1" หนักตั้งแต่เริ่ม


ที่มาข่าว ข่าวสดออนไลน์

ได้ฤกษ์เบิกชัยสำหรับครม.ประยุทธ์ 1 หลังการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา

จากนั้นเมื่อวันที่ 4 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้นำรัฐมนตรีใหม่ 32 คน เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้าทำหน้าที่

เป็นอันเรียบร้อยในเรื่องของขั้นตอนสำคัญ เหมือนเช่นรัฐบาลทุกชุดไม่ว่ามาจากการเลือกตั้งหรือด้วยวิธีพิเศษ ปฏิบัติสืบต่อกันทุก ยุคทุกสมัย

ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งในที่นี้หมายถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นวันใด

แต่ที่แน่นอนคือ การประชุมครม.ใหม่นัดแรกจะถือฤกษ์วันที่ 9 เดือน 9 เข้าประเดิม ใช้ห้องประชุมปรับปรุงใหม่สุดไฮเทค โต๊ะประชุม ครม. ติดตั้งจอแอลซีดีขนาดเล็กพร้อมไมโครโฟน 89 ตัว ราคาตัวละ 145,000 บาท

จากการสำรวจโพลหลายสำนักต่อโฉมหน้ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์นับว่ามีเสียงตอบรับในระดับดี

ความเชื่อมั่นประชาชนต่อตัวนายกรัฐมนตรี สูงกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อคณะรัฐมนตรีในภาพรวมอยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ และอีก 70 เปอร์เซ็นต์คาดหวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำงานดีกว่ารัฐบาลชุดก่อนๆ

สำหรับงานแรกที่อยากให้คณะรัฐมนตรีใหม่ทำมากที่สุด ลดหลั่นกันลงไป คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เช่น ข้าว ยางพารา และปัญหาคอร์รัปชั่น

จากตัวเลขโพลดังกล่าวเป็นเครื่องบ่งชี้ได้อย่างหนึ่งว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาโดยมีต้นทุนสูงพอสมควร แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนว่า

เมื่อเข้ามาแล้วต้องแบกน้ำหนักความคาดหวังของประชาชนไว้ไม่น้อยเช่นกัน

เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่าพล.อ.ประยุทธ์และคสช.นั้น จัดลำดับความสำคัญให้งานปฏิรูปอยู่ในอันดับต้นๆ

ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 กำหนดให้ "สภาปฏิรูปฯ" เป็น 1 ในแม่น้ำ 5 สาย ร่วมกับ สนช. นายกฯและรัฐบาล คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงคสช.ซึ่งถูกกำหนดให้ดำรงฐานะต่อไป แม้จะมีรัฐบาลเข้ามา บริหารประเทศแล้วก็ตาม

สำหรับสมาชิกสภาปฏิรูปฯ หรือ สปช. 250 คน อยู่ระหว่างการ "ฟักตัว"

จากการเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. ถึง 2 ก.ย. มียอดผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาทั่วประเทศ 7,355 คน แบ่งเป็นเสนอชื่อจากนิติบุคคล 4,575 คน ระดับจังหวัด 2,780 คน

ในจำนวนนี้มี "นายพล" 221 นาย

ขั้นตอนต่อไป กกต.จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอชื่อ เรียบร้อยแล้วส่งให้กรรมการสรรหา 11 ด้านที่มีฝ่ายกุนซือ คสช.เป็นประธาน 11 คณะ

ลุยคัดเลือกตั้งแต่วันที่ 13-22 ก.ย. ให้เหลือ ด้านละ 50 คน รวม 550 คน ส่งคสช.เลือกขั้นสุดท้ายเหลือ 173 คน ส่วนในระดับจังหวัดคัดเลือกจังหวัดละ 5 คน รวม 380 คน ส่ง คสช.คัดเลือกขั้นสุดท้ายเหลือ 77 คน รวมเป็น 250 คน 

ทุกขั้นตอนเสร็จสิ้นไม่เกินวันที่ 2 ต.ค.

สปช. 250 คนจะทำหน้าที่ศึกษาเสนอแนะประเด็นปฏิรูป 11 ด้าน ส่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญรับไปเขียนบรรจุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญที่จะเป็นกติกาใหม่ของประเทศไทยต่อไป

ในวันเป็นประธานประชุมมอบนโยบายสรรหา สปช. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับคณะกรรมการสรรหาทุกชุดว่า ต้องดำเนินการให้ดี สรรหาบุคคลอย่างละเอียด รอบคอบ โปร่งใส เป็นธรรม ก่อนส่งรายชื่อมาถึงมือคสช.

พร้อมทั้งยืนยันไม่มีการ "ล็อกสเป๊ก" เด็ดขาด เพื่อให้ได้บุคคลมีคุณภาพ มุ่งมั่น เสียสละเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริงเข้ามาทำงานปฏิรูปให้มีผลสมบูรณ์ เพื่ออนาคตและประชาธิปไตยที่เหมาะสม

ต้องจับตาต่อไปว่านโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จะถูกนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังแค่ไหน

เนื่องจากมีประธานสรรหาบางชุดให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า มีผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสปช.ติดต่อล็อบบี้คณะกรรมการบ้างแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำพารัฐบาล คสช.เข้าสู่โหมดบริหารประเทศเต็มตัว

ภายใต้สโลแกน "ทำก่อน ทำจริง เกิดผลสัมฤทธิ์ปี 58 และยั่งยืน" สำนวนไม่ค่อยสละสลวย แต่เข้าใจง่ายและตรงประเด็น

ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์พูดย้ำหลายครั้งที่มีโอกาสว่า ถึง คสช.จะยึดอำนาจเข้ามาแต่ก็ไม่คิดอยู่ยาว จึงได้กำหนดโรดแม็ป 3 ระยะ เน้นเรื่องปฏิรูปประเทศ มีจุดสิ้นสุดอยู่ในราวเดือนต.ค.2558

หมายถึงการจัดให้มีการเลือกตั้ง หรืออย่างช้าภายในต้นปี 2559 

แต่ที่กลายเป็นประเด็นขึ้นมา กรณีพล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุม คสช.ภายหลังการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งครม. ว่าการทำงาน ของครม.จะไม่กำหนดระยะเวลา 

เพราะไม่ต้องการให้เงื่อนไขเวลา มาเป็นอุปสรรคหรือสร้างความกดดันให้ครม. ที่ผ่านมามักถามถึงระยะเวลาในการทำงาน ซึ่งตรงนี้ไม่กำหนด

คำพูดดังกล่าวทำให้เกิดการตีความไป 2 ทาง

บางคนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์น่าจะหมายความว่าไม่กำหนดเวลาสร้างผลงานมากกว่า เพราะไม่ต้องการให้เกิดแรงกดดัน ส่วนเวลาของรัฐบาล น่าจะเป็นไปตามโรดแม็ปเดิมคือสิ้นสุดในปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559

แต่ก็มีบางคนมองว่าพล.อ.ประยุทธ์กำลังส่งสัญญาณว่า รัฐบาลอาจ "อยู่ยาว" กว่าที่กำหนด เพราะเริ่มเล็งเห็นแล้วว่า งานปฏิรูปประเทศยากกว่าที่คิด การทำให้สำเร็จลุล่วงทุกด้านไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี

ขณะที่กลุ่มต่อต้านก็แค่เงียบสงบ เพื่อรอจังหวะคสช.พลาด ก็จะออกมาเคลื่อนไหวทันที ตรงนี้เชื่อมโยงไปถึงอาการลังเลของ คสช.ในการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก

ที่สำคัญนับตั้งมีการแต่งตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เรื่อยมาถึงการแต่งตั้ง สนช. และครม. เริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์ และคสช. กำลังมีศัตรูเพิ่มมากขึ้น

ศัตรูที่เพิ่มเข้ามานี้ก็คือกลุ่มคนกันเอง ที่เคยมีบทบาทโค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำทุกอย่างเพื่อให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ ซึ่งย่อมหวังขอแบ่งปันผลประโยชน์

แต่เมื่อไม่ได้ดั่งใจจึงเริ่มออกมาเคลื่อนไหว วิพากษ์วิจารณ์ทหารมากขึ้น รวมถึงการเคลื่อนไหวรวมตัวอย่างลับๆ เพื่อต่อต้าน คสช. รวมถึงต่อรองผลประโยชน์ 

ไม่รวมปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ราคาพืชผลตกต่ำ สวนทางราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่รอกระหน่ำใส่รัฐบาลทันทีที่เข้าบริหารประเทศเต็มตัว

สถานการณ์อุทกภัยที่เริ่มก่อตัวจากภาคเหนือ-อีสาน คาดว่าจะแผ่วงกว้างมาถึงภาคกลางในเร็วๆ นี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลใหม่จะนิ่งนอนใจได้

มีการวิเคราะห์กันว่าเรื่องความมั่นคง ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของรัฐบาลชุดนี้ ที่เป็นปัญหาใหญ่คือเรื่องเศรษฐกิจ ไม่เพียงเป็นปัญหาใหญ่ยังเป็นปัจจัยกำหนดด้วยว่า

รัฐบาลจะอายุยาวหรือสั้นกว่าในโรดแม็ป

หน้า 3