วันจันทร์, มิถุนายน 02, 2557

แถลงการณ์ กลุ่มคนงาน ต้านรัฐประหาร

2 มิถุนายน 2557

แถลงการณ์ กลุ่มคนงาน ต้านรัฐประหาร

การรัฐประหารในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นการกระทำที่เหยียบย่ำหัวใจของผู้ใช้แรงงานและของประชาชนทั้งชาติ เป็นการกระทำที่ทำลายประชาธิปไตยเป็นครั้งที่ 12 ซึ่งการรัฐประหารครั้งนี้ส่งผลต่อการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกและการรวมตัวของประชาชน รวมทั้งเสรีภาพในการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานที่ในสภาวะปกติก็ถูกขัดขวางจากบรรดานายจ้างกันอย่างหนักอยู่แล้ว

เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจยิ่งว่า แม้ว่าจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาขบวนการแรงงานมีส่วนสำคัญในการต่อต้านรัฐประหารและระบอบเผด็จการทหารไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์การรัฐประหารโดย รสช. ในปีพ.ศ.๒๕๓๔ จนถึงการต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของสุจินดาในปีพ.ศ.๒๕๓๕ และการต่อต้านรัฐประหารโดย คมช.ในปีพ.ศ.๒๕๔๙ ชนชั้นแรงงานคือคนกลุ่มแรกๆ ที่ออกไปคัดค้านรัฐประหาร และหากเราจำได้ ภายหลังจากรัฐประหารปีพ.ศ.๒๕๓๔ นายทนง โพธิ์อ่าน ผู้นำแรงงานที่ออกมาแสดงจุดยืนต้านรัฐประหาร โดนอุ้มฆ่าเป็นคนแรก นอกจากนั้น ภายใต้รัฐบาลของ รสช. ได้ออกกฎหมายหลายฉบับที่เป็นการลิดรอนสิทธิทำลายการรวมตัวและจิตสำนึกทางชนชั้นของคนงาน

แต่นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ขบวนการสหภาพแรงงานฝ่ายก้าวหน้าของประเทศไทยต่างก็อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ที่ต้องทนเห็นขบวนการแรงงานไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กลุ่มสหภาพแรงงานยานยนต์ และสภาแรงงานต่างๆ มีส่วนร่วมอยู่ในขบวนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ประท้วงอย่างรุนแรง ทั้งยึดท้องถนน ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินเพื่อเปิดทางให้กลุ่มอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ ทำการโค่นรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งมาต่อเนื่อง และมีส่วนสำคัญในการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไปได้อีกครั้ง ในการสนับสนุนให้ทหารภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ในนาม รัฐประหารโดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำการรัฐประหารได้สำเร็จเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

พวกเราคนงานต่างก็มีบทเรียนทางตรงกันมาหลายครั้ง ทั้งจากในรอบรั้วโรงงาน และจากการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ที่จะตระหนักได้อย่างชัดแจ้งว่า ระบอบเผด็จการทหารขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับหลักสิทธิเสรีภาพในการรวมตัวต่อรอง และการเรียกร้องให้ได้มาซึ่งสวัสดิการและความมั่นคงของชนชั้นแรงงานในทุกๆ ด้าน

ทุกครั้งที่อำนาจเผด็จการขยายตัว ขบวนการแรงงานจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกๆ ที่โดนปิดกั้นเสรีภาพและโดนปราบปราม รัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะการที่ประกาศของ คสช. หลายฉบับนั้นได้ทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานในเรื่องเสรีภาพการแสดงความเห็น เสรีภาพในการรวมตัว เสรีภาพในการเข้าถึงข่าวสารอย่างเสรี รวมถึงทำลายสิทธิในการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่คนงานใช้เลือกตัวแทนภายในสหภาพแรงงาน และใช้ในการเลือกตัวแทนในระดับชาติ ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับคณะรัฐประหาร ถูกปิดปากและปิดกั้นไม่ให้เคลื่อนไหว กว่า 300 คนถูกทหารเชิญตัวไปสอบปากคำและหลายคนยังถูกคุมขังโดยไม่ทราบชะตากรรม นักคิด นักเขียน อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยจำต้องหลบหนีภัย และหยุดให้การศึกษากับสังคมถึงหลักการพื้นฐานแห่งกฎหมายและประชาธิปไตย ทหารได้มีมาตรการที่รุนแรงในการจับกุมคุมขัง ปราบปราม และข่มขู่ผู้คนทั้งประเทศ

พวกเราสหภาพแรงงานฝ่ายประชาธิปไตย ขอแถลงจุดยืนไม่ยอมรับการรัฐประหารในครั้งนี้ และขอเรียกร้องต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดังนี้

๑. ยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกทันที เพราะทำให้ชีวิตประชาชนอยู่แบบไม่ปกติสุข โดยเฉพาะคนงานที่ทำงานผลัดกลางคืน รวมทั้งคนงานภาคบริการเช่น ทำงานเซเว่น ปั้มน้ำมัน ขายก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสงั่ ข้าวต้มโต้รุ่ง)

๒. คนงานไม่เอารัฐประหาร เพราะคนงานยังคงเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ผู้บริหารประเทศต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนทหารเป็นตัวทำลายระบอบประชาธิปไตยที่ชัดเจน และไม่เชื่อว่าทหารจะเป็นผู้ยุติความรุนแรง เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มาจากทหารทั้งนั้น

๓. คืนอำนาจให้ประชาชนทันที เพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

๔. ปล่อยตัวประชาชนที่ทหารจับไปทั้งหมดในทันที

๕. หยุดทหารล้างความผิดตนเองโดยใช้การนิรโทษกรรม ทหารควรยอมรับการกระทำผิดของตนเองไม่ต่างจากนักการเมืองและประชาชนทั่วไป

ด้วยใจรักประชาธิปไตยและความสมานฉันท์ของชนชั้นแรงงาน

กลุ่มคนงานต้านรัฐประหาร