วันพุธ, พฤศจิกายน 01, 2566

ชีวิตไม่ได้มีไว้ผลิตลูก ...ทำไม ...การไม่มีลูก... จงเจริญ !

.....
เดชา ปิยะวัฒน์กูล
6h·

1. ทำไมผมไม่สามารถพูดถึงสาเหตุของวิกฤตประชากรเกิดน้อยในเชิงลึกได้อย่างที่อยากจะพูดในรายการคุณจอมขวัญ
คุณจอมขวัญเป็นพิธีกรที่พัฒนามาจากสาย news reporter ที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในเมืองไทย ถ้าเป็นงานข่าวเชิงลึกด้านสังคมและการเมือง ผมถือว่าคุณจอมขวัญเก่งที่สุด แต่คุณจอมขวัญไม่ใช่นักวิชาการหรือมาสาย documentarist ดังนั้นพอผมดันทุรังจะไปในเชิงลึกในรายการ เราก็จะจูนกันไม่ติดเป็นธรรมดา
ผมพยายามจะ discourse ปัญหาทางสาธารณสุขในรายการหลายครั้งแต่ failed เกือบหมด ดังนั้นไม่ต้องไปถึงเรื่อง Medical Gaze ของฟูโกต์ที่ผมรับปากไว้เลย เอาแค่เรื่อง Medicalization (แปลเป็นไทยแบบชุ่ยๆได้ว่า อะไรก็ทำให้เป็นเรื่องทางการแพทย์) ก็ไปไม่รอดแล้วครับ
ก็เหมือนกับที่ผมเคยเตือนอาจารย์ทางนี้ไว้หลายครั้งแต่ตัวเองดันมาทำซะเอง คุณจะไปสลายโครงสร้างของอำนาจรัฐในขณะที่ประชาชนยังเรียกร้องอำนาจรัฐให้ดูแลสวัสดิการของตนอยู่ ...ไม่ง่ายครับ
ผมจึงได้ข้อสรุปว่า ออกรายการ ต้องพูดเรื่องที่ง่าย เรื่องที่คนอยากฟัง เราทำได้แค่ให้ความรู้เชิงสุขศึกษากับประชาชน
อยากวิเคราะห์เชิงลึก ต้องมาเขียนใน facebook เพราะอย่างมากก็ไม่มีคนอ่าน แต่ไม่ไปเดือดร้อนรายการคนอื่น
ดังนั้นผมขอมาพูดเรื่อง low birth rate crisis ตรงนี้ดีกว่า
...
2. คำแนะนำต่อรัฐสำหรับวิกฤตอัตราการเกิดต่ำ
2.1 ผมจะไม่ขอให้คุณเชื่ออย่างที่ผมเชื่อ ผมเลิกหวังกับคุณในด้านนี้ไปแล้ว ถ้าคุณไม่ยอมเชื่อว่ามันเกี่ยวกับความเครียดของสังคม ไม่ยอมเชื่อว่ามันเป็นการระบาดของความสิ้นหวังในคนรุ่นใหม่ ก็แล้วแต่คุณเลย ...ผมขอร้องอย่างเดียว
อย่าได้ใช้ Draconian Policy แบบอิหร่านในการแก้ปัญหาเป็นอันขาด (อิหร่านใช้วิธีจำกัดการเข้าถึงยาคุมด้วยกลไกทางกฎหมาย)
ต่อให้อัตราการเกิดต่ำเป็น side effect ของเสรีภาพ แต่ไม่มีทางที่คุณจะแก้มันได้ด้วยการเอาเสรีภาพกลับคืน อิหร่านล้มเหลวในการนี้จนถึงขนาดต้องเลือกใช้สงครามเป็นการแก้ปัญหา ซึ่งเดี๋ยวผมจะอธิบายต่อไป
2.2 Pro-Natalist Funding (การแจกเงินให้คนมีลูก) ที่เกือบทุกประเทศที่เจอปัญหานี้เลือกใช้นั้น คุณก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าได้ผลแค่ 2 ประเทศ
ที่ฝรั่งเศสกับสวีเดนได้ผลนั้น ผมเชื่อว่าได้ผลจาก Social Campaign & State Attitude มากกว่าแค่เรื่อง Funding เพียงอย่างเดียว แล้วแม้กระทั่งว่ามันได้ผลจริง แต่ตอนนี้ตัวเลขออกมาแล้วว่าผลนั้นอาจจะไม่ยั่งยืน มีความเป็นไปได้สูงมากว่าฝรั่งเศสและสวีเดนอาจจะหมดตูดกับการนี้ แล้วทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิม
ปัญหาของเราซับซ้อนกว่านั้นอีก ประเทศเราจนกว่าฝรั่งเศสและสวีเดนมหาศาล คุณก็รู้
คุณจะเอาเงินที่ไหนมาแจกได้อีก 50 ปี 100 ปี แค่เรื่องคนแก่คุณเอาตัวให้รอดก่อน นั่นก็หายนะรออีกด้านนึง ระวังแก้กันไปกันมาจะพัวพันอีรุงตุงนังเป็นวัวพันหลักแล้วแก้อะไรไม่ได้เลย
ซึ่งผมดูแววจากความเข้าใจปัญหาด้านนี้ของคุณแล้ว มีสิทธิ์สูงมากที่คุณจะพันหลักจนหกคะมำในเวลาอันใกล้นี้
2.3 มีแค่ 2 ประเทศในโลกนี้เท่านั้นที่แก้ปัญหานี้ได้ผลจริงด้วยการแก้ที่จุดอื่น ด้วยการยอมรับความจริงว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาด้วยตัวของมันเอง
คนเกิดน้อย คนน้อยลง จะเป็นอะไรไปล่ะ? เศรษฐกิจหดตัว ใครเดือดร้อนเหรอ?
สหรัฐและอังกฤษแก้ปัญหานี้ด้วย Immigration Policy (การนำเข้าประชากร) ได้ผลดีเยี่ยม ...แต่แล้วพวกเขาก็พบความจริงว่าประชากรนำเข้านั้นพอเข้ารุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 ก็อัตราเกิดต่ำลงจนเท่ากับประชากรดั้งเดิมอยู่ดี
เหมือนอย่างถ้าเราแก้ปัญหานี้ด้วยการยอมเปลี่ยนสัญชาติให้แรงงานพม่ามีฝีมือด้านที่เราต้องการเป็นคนไทย มันก็จะแก้ได้เพียงแค่ 1-2 ชั่วคน พอคนไทยเชื้อชาติพม่าเหล่านี้อยู่ในไทยผ่านไป 2-3 รุ่น ก็จะเกิดน้อยลงจนเท่ากับคนไทยอยู่ดี
แต่แก้ได้ 30 ปี 50 ปีเพื่อรอหาวิธีอย่างอื่น (ใจผมอยากจะบอกมากว่าเพื่อรอให้กระโหลกมึงบางลงหน่อยจะได้เข้าใจปัญหาดีกว่านี้) ก็โอเคอยู่นะครับ ในทัศนะของผม วิธีนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ใช้ได้เลย การลด sovereign power on population migration ลง ไม่ได้แปลว่าเราสูญเสียอธิปไตยซะหน่อย เลิกคิดอะไรแบบโบราณคร่ำครึเสียทีน่ะ (ซึ่งจริงๆสมัยโบราณพวกมึงก็เคยทำนะ ไปเผาบ้านเผาเมืองเขาทิ้งแล้วจับคนเขามาเป็นไพร่เนี่ย เดี๋ยวนี้คนเขามาเองเลย ...กลัวอะไรวะ)
2.4 และอย่ามัวแต่ไปศึกษาเฉพาะในประเทศที่แก้ปัญหาได้บางด้าน กรุณาศึกษาประเทศที่แก้ปัญหาได้ผลเป็นความบรรลัยด้วย
ประเทศแรกคือรัสเซีย น่าสนใจเพราะเรามีหลายอย่างเหมือนเขา ถึงรัสเซียจะคนมากกว่าเราแต่ก็แค่เท่าตัว ไม่ห่างกันมากเกินไป ระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจก็เช่นเดียวกัน รัสเซียดีกว่าเราไม่มากนัก ทัศนคติของรัฐก็ใกล้เคียงกัน รัฐไทยสารเลวกว่ารัสเซียแค่นิดหน่อยเอง แล้วนโยบายที่เลือกใช้ หลายๆอย่างก็เลือกคล้ายกัน ดังนั้นที่ตัวเลขการหดตัวของประชากรรัสเซียนำล่วงหน้าเราไปหลายปี รัสเซียจึงเป็น role model ที่เราควรศึกษา ผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ อัตราการยุบตัวลงของประชากรไทยจะรุนแรงใกล้เคียงกับรัสเซีย
ก่อนอื่นเลยไม่ต้องอะไรมาก.. รัสเซียตายไหมครับ?
ไม่เป็นไรเลย ...อยู่ดีมีสุข แค่ไม่รู้จะทำยังไงก็หาเรื่องตีกับชาวบ้านไปเรื่อยๆก็แค่นั้น ประเทศสิ้นหวังไม่มีอนาคต ประชากรก็อพยพหนีไปที่อื่นสิ ...เป็นไรไปล่ะ
ดังนั้นแทนที่จะคิดมาก กลัวจะเป็นอย่างรัสเซีย ควรเตรียมรับมือกับปัญหาแบบรัสเซียไว้บ้างจะดีกว่ามั้ย ถ้าประเทศเราจะแตกเป็นล้านนา ล้านช้างใต้ ไทยอยุธยาเดิม มลายูเหนือ จะเป็นอะไรไปไหม
น่าสนใจออก..
ส่วนอีกประเทศที่ควรดูไว้เป็นตัวอย่างคือจีน จีนเป็นเจ้าพ่อ Draconian ของโลกใบนี้ บังคับประชาชนตัวเองมีลูกคนเดียวอยู่เป็นสิบปี แล้วหลงระเริงบันเทิงใจว่าโอ้โห..ทำไมได้ผลดีเยี่ยงนี้ พอสั่งเลิก อ้าว..ประชากรยังเสือกไม่หยุดการไม่มีลูก แจกเงินก็แล้ว หาผัวหาเมียให้ประชากรก็แล้ว ทำไมพวกมึงยังเกิดกันน้อยลงเรื่อยๆวะ
สรุปที่ผ่านมาทั้งหมด มึงแค่ตอแหลตัวเองว่าสั่งคนมีลูกคนเดียวได้ผล แต่ความจริงคือคนมีลูกน้อยของเขาเองครับ พอตอนนี้มาสั่งให้คนมีลูกมาก ไม่ได้ผลอะไรละ ..ชิบหายล่ะสิ
แต่ปัญหาจีนรอได้ อีกร้อยปีก็อาจยังไม่วิกฤตเพราะจีนคนเยอะครับ ประชากรลดลงสักครึ่งนึงก็ยังพอถูไถ
แต่ของไทยที่กะกันว่าประชากรจะเหลือ 30 ล้านภายใน 60 ปีนี่บันเทิงจริงๆ แต่ที่ให้ดูจีนคือปัญหานี้ของเรากับจีนเกิดในเวลาใกล้ๆกัน ทัศนคติของรัฐก็หลงตัวเอง นึกว่าตัวเองสั่งอัตราเกิดของประชากรได้คล้ายๆกัน
ยังกับประเทศ copy cat กันน่ะครับ
2.5 แล้วถ้าทำทุกอย่างแล้วไม่ได้ผล ...จะทำยังไงดี
วงจรประชากรขยายตัวหดตัวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดจากความตั้งใจของประชาชนเอง แต่ไม่มีอะไรที่แก้ไม่ได้ครับ ในประวัติศาสตร์ รัฐแก้ปัญหานี้ด้วยสงคราม
ถ้าสิ้นคิด คิดอะไรไม่ออกจริงๆ ผมเสนอแนะให้รัฐไทยสนับสนุนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แล้วบังคับเกณฑ์ผู้ชายที่พอเป็นทหารได้สัก 15 ล้านคน แล้วส่งมันไปทำสงคราม
เราสามารถคาดหวังได้ว่าน่าจะมีผู้ชายไทยตายทันทีสัก 5 ล้านคน
ผมรับประกันว่า 20 ปีหลังจากนั้น อัตราการเกิดของเราจะระเบิดระเบ้อเลย แก้ปัญหาได้ผลชงัดนัก แก้ได้มากกว่าไอ้วิธีตวักตะบวยทั้งหลายที่คุณคิดกันมาหลายปีรับรองว่าหลายเท่า
ไม่เชื่อจดไว้ก็ได้..
...
3. คำแนะนำต่อประชาชนสำหรับวิกฤตอัตราการเกิดต่ำ
นี่ไม่ใช่วิกฤตของเราครับ
มันคือวิกฤตของสิ่งประดิษฐ์ของเราที่ชื่อว่ารัฐชาติ
แต่ตัวเราจะอยู่ปกติสุขดีเหมือนเดิมทุกประการ อาจจะต้องรับภาระดูแลคนแก่มากขึ้นหน่อย ซึ่งถ้าดูไม่ไหวก็ไม่ต้องดูครับ ทำไงได้..
ตัวเลขทางประชากรศาสตร์และเศรษฐกิจต่างๆที่รัฐมันกลัวขี้แตกขี้แตนนั้น...ไม่มีผลอะไรกับชีวิตจริงมากมาย เผลอๆตัวเลขบางอย่างพอหารจำนวนประชากรที่น้อยลง อาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ เราทุกคนจะมีที่ดินมากขึ้น มีทรัพยากรมากขึ้น แน่นอนว่าอาจจะโดนไถภาษีหนักขึ้น แต่จ่ายไม่ไหวก็ไม่ต้องจ่าย มันจะจับเราไปติดคุกได้หมดทั้งประเทศก็ลองดู
จริงๆปรากฏการณ์นี้เป็นผลจากการปลดแอกของผู้หญิง นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่ผู้หญิงมีอำนาจเหนือมดลูกของตัวเองอย่างแท้จริง ไม่ต้องถูกกดหัวให้เป็นเครื่องมือผลิตเด็ก ถูกครอบงำว่ามึงต้องมีลูกอย่างนู้นอย่างนี้ ตั้งแต่เกิดจนตายเป็นได้แค่ทาสในเรือนเบี้ย
มันจึงโคตรดีสำหรับปัจเจกบุคคลโดยเฉพาะผู้หญิง คุณผู้หญิงทุกคนกรุณาระลึกรู้ไว้เสมอว่านี่คืออาวุธลับของเราที่รัฐชาติมันกลัวชิบหายวายป่วง
ด้วยมันคือผู้รับใช้เราที่ลืมกำพืด คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านาย ถ้าจะไม่มีไพร่ทาสเกิดใหม่ให้เจ้านายอย่างมันปกครอง ก็ให้มันไปเป็นเจ้านายหมูหมากาไก่ในเล้า เราจะไปเดือดร้อนแทนมันทำไม
ในเมื่อมันไม่เคยอยู่ร่วมโลกกับเราด้วยความจริงใจ ไม่เคยให้เกียรติเรา จำเป็นอะไรเราจะต้องไปเห็นใจมัน เรายอมมันมาขนาดไหนแล้ว ถูกมันรีดไถมาแต่เกิด แต่พอไม่ได้ดั่งใจอะไรก็จับเราไปติดคุก อ้างนู่นอ้างนี่อ้างโคตรพ่อโคตรแม่ หลอกล่อลวงเราต่างๆนานา
ในที่สุดถึงทีเรามั่ง..
ไม่อยากมีลูกก็ไม่ต้องมีครับ ไม่จำเป็น แสนสบายตัวสบายใจ ไม่มีภาระ ไม่มีลูกกวนตัวมีผัวกวนใจ เหงาขึ้นมานึกอยากจะไปนิ๊งหน่องกับใครก็ไป นึกอยากเที่ยวไหนก็เที่ยว ไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นควายให้มันสนตะพาย ทำพอมีเก็บสำหรับอยู่ตอนแก่ ถ้าอยู่ไม่ไหวก็ให้มันเลี้ยง มันไม่ยอมเลี้ยงก็แค่ตาย ...จะไปยากตรงไหน
เราเกิดมา ดำรงอยู่ มีคุณค่าที่เรามอบให้ตัวเอง แล้วก็ตายไป ..แสนจะดีงาม
มีแต่มันนั่นแหละเกิดมาจากความจอมปลอม ดำรงอยู่บนความจอมปลอม เลยกลัวประชาชนกบฏตลอดเวลา พอเจอว่าไม่มีใครมาให้กูกดขี่อีกต่อไป ทีนี้ล่ะมาเดือดร้อนจะเป็นจะตาย
โคตรสมน้ำหน้า
ดังนั้นสุดท้ายผมจึงสรุปคำแนะนำได้อย่างเดียวครับว่า จงไม่มีลูกต่อไป
...การไม่มีลูกจงเจริญ