![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQPG91BCzqImp5sEMNnNpLrTYDI496ySWaL2KlinvYOVcihzEij6eTVCDMSE9TAGg22NuDWmaN3J8qLyxOymVB5vmatDO5Byei2rtVd-Luq-xMeB06xxo7ecBGZFHEvY6Xj_t5k3Xs2Y3n1RJ0W97LlHv2eBFyQdblRnY_JMJJes8Zs2FgSaNIkg/w392-h392/379006106_718784293425377_3187284654826891061_n.jpg)
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
15h
·
รับสารภาพ แล้วทำไมต้องได้สิทธิประกัน?: การขอประกันตัวหลังรับสารภาพในคดีอาญา
.
.
การต่อสู้คดีอาญาในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยนั้น โจทก์และจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้ 3 ชั้นศาล ได้แก่ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา การให้สิทธิคู่ความต่อสู้คดีได้ 3 ชั้นศาล ก็เพื่อให้โอกาสได้ต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบและทบทวนคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยศาลสูงตามลำดับ ดังนั้นคำพิพากษาของศาลจึงไม่ใช่ประกาศิตที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อีกทั้ง คำพิพากษาของศาลก็อาจผิดหลงและบกพร่องได้เช่นกัน จึงต้องมีวิธีการถ่วงดุลตรวจสอบการใช้อำนาจตุลาการดังกล่าว
.
สำหรับการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอาญาในศาลชั้นต้น แม้จำเลยรับสารภาพว่ากระทำความผิดตามฟ้องจริง จำเลยก็ยังมีสิทธิต่อสู้คดีต่อไปได้อีก หากจำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวไปยังศาลอุทธรณ์ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์ทบทวนตรวจสอบว่า การใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินสมควรหรือไม่ และมีเหตุผล ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จะรอการลงโทษจำเลยได้หรือเปล่า
.
หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีของจำเลยอาจรอการลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ก็ย่อมเป็นประโยชน์กับจำเลยที่จะไม่ต้องถูกจำคุกตามคำพิพากษา และได้โอกาสในการกลับตัว ไม่กลับไปกระทำความผิดนั้นอีก
.
ในคดีอาญาที่จำเลยรับสารภาพและศาลพิพากษาลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ หรือที่เข้าใจโดยทั่วไปว่าไม่รอลงอาญา ถ้าจำเลยประสงค์จะโต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว ทำให้คดีของจำเลยจึงยังไม่ถึงที่สุด จำเลยจึงมีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้คดีได้ ลำพัง “การรับสารภาพ” หรือ “การถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษว่ากระทำความผิด” มิได้เป็นเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ที่จะนำมาเป็นเงื่อนไขในการไม่อนุญาตให้ประกันตัวจำเลยในคดีอาญาได้
.
ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 29 บัญญัติไว้ว่า “…ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทําความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้…” ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่เมื่อคดีของจำเลยยังไม่ถึงที่สุด จึงจะปฏิบัติกับจำเลยเสมือนว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดแล้วไม่ได้ จำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีต่อไป
.
การคุมขังจำเลยไว้เพียงเพื่อรอฟังคำพิพากษาศาลสูงจึงย่อมเป็นการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพเกินสมควร และเมื่อภายหลังหากศาลสูงมีคำพิพากษาให้รอการลงโทษจำเลย การที่จำเลยถูกคุมขังไว้ก็ไม่อาจได้รับการเยียวยาหรือแก้ไขได้
.
ขณะที่ในหลายคดี ก็พบว่าการคุมขังจำเลยไว้โดยคดียังไม่ถึงที่สุด มีแนวโน้มจะกลายเป็นการบีบให้จำเลยตัดสินใจยุติการอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษา เพื่อทำให้คดีจบสิ้นลง และมีกำหนดรับโทษที่แน่นอน ทั้งได้รับสิทธิหากมีการอภัยโทษในโอกาสสำคัญ แทนที่จะถูกคุมขังไปเรื่อยๆ เพื่อรอฟังคำพิพากษาของศาลสูง
.
ชีวิตและเสรีภาพที่ถูกพรากไปจากการถูกจองจำ อาจทำให้คนคนหนึ่งหรือครอบครัวหนึ่งต้องสูญสิ้นและพังทลายลงไปได้ คำกล่าวที่ว่าศาลเป็นที่พึ่งพาที่สุดท้ายของประชาชนนั้นจึงเป็นคำที่ไม่ไกลจากความเป็นเป็นจริง หากศาลนั้นดำรงและสถิตไว้ซึ่งความยุติธรรม
.
--------------------
บทความโดย กิตติศักดิ์ กองทอง
.
อ่านบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/59489
·
รับสารภาพ แล้วทำไมต้องได้สิทธิประกัน?: การขอประกันตัวหลังรับสารภาพในคดีอาญา
.
.
การต่อสู้คดีอาญาในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยนั้น โจทก์และจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้ 3 ชั้นศาล ได้แก่ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา การให้สิทธิคู่ความต่อสู้คดีได้ 3 ชั้นศาล ก็เพื่อให้โอกาสได้ต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบและทบทวนคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยศาลสูงตามลำดับ ดังนั้นคำพิพากษาของศาลจึงไม่ใช่ประกาศิตที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อีกทั้ง คำพิพากษาของศาลก็อาจผิดหลงและบกพร่องได้เช่นกัน จึงต้องมีวิธีการถ่วงดุลตรวจสอบการใช้อำนาจตุลาการดังกล่าว
.
สำหรับการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอาญาในศาลชั้นต้น แม้จำเลยรับสารภาพว่ากระทำความผิดตามฟ้องจริง จำเลยก็ยังมีสิทธิต่อสู้คดีต่อไปได้อีก หากจำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวไปยังศาลอุทธรณ์ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์ทบทวนตรวจสอบว่า การใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินสมควรหรือไม่ และมีเหตุผล ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จะรอการลงโทษจำเลยได้หรือเปล่า
.
หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีของจำเลยอาจรอการลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ก็ย่อมเป็นประโยชน์กับจำเลยที่จะไม่ต้องถูกจำคุกตามคำพิพากษา และได้โอกาสในการกลับตัว ไม่กลับไปกระทำความผิดนั้นอีก
.
ในคดีอาญาที่จำเลยรับสารภาพและศาลพิพากษาลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ หรือที่เข้าใจโดยทั่วไปว่าไม่รอลงอาญา ถ้าจำเลยประสงค์จะโต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว ทำให้คดีของจำเลยจึงยังไม่ถึงที่สุด จำเลยจึงมีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้คดีได้ ลำพัง “การรับสารภาพ” หรือ “การถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษว่ากระทำความผิด” มิได้เป็นเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ที่จะนำมาเป็นเงื่อนไขในการไม่อนุญาตให้ประกันตัวจำเลยในคดีอาญาได้
.
ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 29 บัญญัติไว้ว่า “…ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทําความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้…” ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่เมื่อคดีของจำเลยยังไม่ถึงที่สุด จึงจะปฏิบัติกับจำเลยเสมือนว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดแล้วไม่ได้ จำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีต่อไป
.
การคุมขังจำเลยไว้เพียงเพื่อรอฟังคำพิพากษาศาลสูงจึงย่อมเป็นการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพเกินสมควร และเมื่อภายหลังหากศาลสูงมีคำพิพากษาให้รอการลงโทษจำเลย การที่จำเลยถูกคุมขังไว้ก็ไม่อาจได้รับการเยียวยาหรือแก้ไขได้
.
ขณะที่ในหลายคดี ก็พบว่าการคุมขังจำเลยไว้โดยคดียังไม่ถึงที่สุด มีแนวโน้มจะกลายเป็นการบีบให้จำเลยตัดสินใจยุติการอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษา เพื่อทำให้คดีจบสิ้นลง และมีกำหนดรับโทษที่แน่นอน ทั้งได้รับสิทธิหากมีการอภัยโทษในโอกาสสำคัญ แทนที่จะถูกคุมขังไปเรื่อยๆ เพื่อรอฟังคำพิพากษาของศาลสูง
.
ชีวิตและเสรีภาพที่ถูกพรากไปจากการถูกจองจำ อาจทำให้คนคนหนึ่งหรือครอบครัวหนึ่งต้องสูญสิ้นและพังทลายลงไปได้ คำกล่าวที่ว่าศาลเป็นที่พึ่งพาที่สุดท้ายของประชาชนนั้นจึงเป็นคำที่ไม่ไกลจากความเป็นเป็นจริง หากศาลนั้นดำรงและสถิตไว้ซึ่งความยุติธรรม
.
--------------------
![](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/tac/1/16/1f4cc.png)
.
![](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/tac/1/16/1f4cc.png)