วันเสาร์, กรกฎาคม 18, 2563

ชุมนุมเย็นนี้ (๑๘ ก.ค.) “เราไม่ทนอีกแล้ว...ให้มันจบในรุ่นของเรา” ดูซิ กินพิซซ่า ๑๑๒ ชิ้นสะเทือนไหม


จากปากของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล “ในช่วงนี้เป็นช่วงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่มีการอนุญาตให้มีการชุมนุมอยู่แล้ว” แจ่มแจ้งในเจตนาของการต่ออายุ พรก.ฉุกเฉิน จะได้ใช้สมใจหมายเย็นนี้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

องค์กรนักเรียน-นักศึกษาสองแห่ง สนท.กับเยาวชนปลดแอก นัดหมายอย่างเปิดเผยชุมนุมกันที่บริเวณลานริมทางรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เริ่ม ๕ โมงเย็นวันนี้ (๑๘ ก.ค.) เรียกร้องรัฐบาล ๓ ข้อ ๑.ต้องประกาศยุบสภา เพราะ “ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ”

๒.“หยุดคุกคามประชาชน” ตัวอย่างสดๆ ที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ขอร้องแกมขู่ “อย่าให้มีการฝ่าฝืน พ.ร.ก....อย่าไปกระทบสิทธิ์ของผู้อื่น” และ “ในเบื้องต้น ยังไม่มีการทำเรื่องขออนุญาตชุมนุมมาแต่อย่างใด” ล้วนเป็นข้ออ้างยัดข้อหาให้ผู้ไปชุมนุมทั้งนั้น

ตรงกับที่กลุ่ม Free YOUTH แจงแล้วในถ้อยแถลง “การคุกคามทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยายังคงดำเนินต่อไปแทบไม่ต่างจากเมื่อสมัยที่ คสช.ยังมีอำนาจอยู่...มีการอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม”

ตัวอย่างมีเยอะ เฉพาะที่ยังสดๆ ร้อนๆ ขณะนี้ กรณีนักกิจกรรมเพื่อความยุติธรรมในสังคม สวมเสื้อยืดพิมพ์ข้อความบนอกว่า “หมดศรัทธาต่อสถาบันฯ” ถูกตำรวจควบคุมตัวไปกักไว้ที่โรงพยาบาลจิตเวช ขอนแก่น นานกว่าอาทิตย์แล้วยังไม่มีผลตรวจออกมา

กลุ่มรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยยกขบวนกันไปขอเข้าเยี่ยม ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาต และอ้างว่าผลตรวจเป็นความลับ ขณะที่เจ้าตัวโพสต์ทางโซเชียลมีเดียเล่าเหตุการณ์จับกุม ไม่มีหมายจับ ไม่มีข้อหา

วิธีการข่มเหงด้วยการจับกุมโดยไม่มีข้อหา เวลานี้เพิ่มกลเม็ด วิชามารขึ้นมาอีกอย่าง ใครที่ประท้วงและแสดงความไม่พอใจหรือโจมตี การบริหารประเทศของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช.ชุดนี้ จะถูกจับทันทีไปก่อน แล้วให้ยอมรับความผิดเป็นภาคทัณฑ์ไว้ 
อีกสองคน หนุ่มนักกิจกรรมเช่นกัน ไปปักหลักดักประท้วงประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนลงพื้นที่ทำพีอาร์หลังจากโดนด่ายับให้แสดงการรับผิดชอบความผิดพลาด ปล่อยทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิดเพ่นพ่าน จนคนไทยตื่นตระหนกไปทั้งจังหวัดและประเทศ

ตำรวจกลุ้มรุมล็อคคอโดยไม่ได้แจ้งข้อหาหรือแสดงหมายจับ ถูกถามว่าจับทำไม “ตำรวจกลับบอกว่าเดี๋ยวมีข้อหาเอง” เอาตัวไปควบคุมที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษหลายชั่วโมงก่อนปล่อยตัว แล้วยัดข้อหาภายหลังว่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่และขัดขืนการจับกุม

อ้อ แล้วตำรวจยังอ้างอย่างไม่ทางการและไม่ลายลักษณ์อักษรด้วยว่า เข้าจับกุมเพราะเกรงว่าผู้ประท้วงจะนำเชื้อโควิดไปติดนายกฯ ผู้ต้องหาทั้งสองเลยไปฟ้องกรรมาธิการยุติธรรมสภาผู้แทนฯ แล้วแจ้งความเอาผิดกลุ่มตำรวจที่ใช้กำลังเข้าจับกุม

ฟ้องกลับ ๔ ข้อหาของแท้ ตั้งแต่ “ทำร้ายร่างกาย” ระหว่างการจับกุม “ลักพาตัว” ลากขึ้นรถ แทนที่จะไป สน.กลับเอาไป “กักขังหน่วงเหนี่ยว” ไว้ที่ค่ายฝึกยิงปืน รวมความทั้งสิ้นตำรวจ “ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ” เห็นชัดๆ น่าจะบวกตำรวจ แจ้งความเท็จมั่วข้อหาด้วย

อีกข้อเรียกร้องของพลังนักเรียน-นักศึกษา ให้จัดการ “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” เพราะ “เนื้อหาของรัฐธรรมนูญก็เป็นไปเพื่อรักษาระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย” แม้จะผ่านประชามติ แต่ระหว่างการรณรงค์กลับไม่ยอมให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ใครคัดค้าน “ถูกคุกคามและยัดข้อหากันไปหลายคน”

แถลงการณ์ประกาศด้วยว่า “เราไม่ทนอีกแล้ว...อย่าให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องของลูกหลานเราที่ต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมไม่จบสิ้น ให้มันจบในรุ่นของเรา” และภายใน ๒ อาทิตย์จากนี้ “หากไม่มีการตอบรับใด ๆ จากทางรัฐบาล...เราจะทำการยกระดับการชุมนุมต่อไป”
 
อย่างไรก็ดีคณะผู้จัดเตรียมการรักษาระเบียบป้องกันการแพร่เชื้อโควิดแล้วอย่างเคร่งครัด ประกาศให้ผู้ชุมนุม “เตรียมเจลล้างมือและสวมหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งมีพิซซ่า ๑๑๒ ชิ้น สำหรับผู้ที่มาถึงที่นัดหมายก่อนอีกด้วย” ทั่น ผบ.นครบาลโปรดรับทราบ


ไม่แน่ว่าเย็นนี้จะออกมารูปใด คนมากหรือน้อยถึงขั้นมีพนันไวน์ ๑ ขวด ทายจำนวนผู้ชุมนุม ธนพล ฟ้าเดียวกันว่ามากกว่า ๑,๕๐๐ แต่ภควดี (เมื่อก่อนไม่มีนามสกุล) คิดว่าน่าจะน้อยกว่านั้น ถึงอย่างไรใครไปร่วมไม่ได้ แต่ใจปฏิพัทธ์ต่อกระบวนการ

มีข้อเสนอแนะระบายความอัดอั้น “พี่น้องทั้งหลาย ปากกาแมจิกแท่งละ ๑๐ บาท เขียนด่า” ไอ้เฮีย กันเถิดในห้องน้ำทั่วประเทศ” อันนี้จะเป็นบ่อเกิดใหม่ของ ‘Thai Graffiti’ ไหมน้อ