จากปากของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล “ในช่วงนี้เป็นช่วงการประกาศใช้
พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่มีการอนุญาตให้มีการชุมนุมอยู่แล้ว” แจ่มแจ้งในเจตนาของการต่ออายุ
พรก.ฉุกเฉิน จะได้ใช้สมใจหมายเย็นนี้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
องค์กรนักเรียน-นักศึกษาสองแห่ง
สนท.กับเยาวชนปลดแอก
นัดหมายอย่างเปิดเผยชุมนุมกันที่บริเวณลานริมทางรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เริ่ม ๕
โมงเย็นวันนี้ (๑๘ ก.ค.) เรียกร้องรัฐบาล ๓ ข้อ ๑.ต้องประกาศยุบสภา เพราะ “ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ”
๒.“หยุดคุกคามประชาชน” ตัวอย่างสดๆ ที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์
พงษ์เภตรา ผบช.น.ขอร้องแกมขู่ “อย่าให้มีการฝ่าฝืน พ.ร.ก....อย่าไปกระทบสิทธิ์ของผู้อื่น”
และ “ในเบื้องต้น ยังไม่มีการทำเรื่องขออนุญาตชุมนุมมาแต่อย่างใด”
ล้วนเป็นข้ออ้างยัดข้อหาให้ผู้ไปชุมนุมทั้งนั้น
ตรงกับที่กลุ่ม Free
YOUTH แจงแล้วในถ้อยแถลง “การคุกคามทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยายังคงดำเนินต่อไปแทบไม่ต่างจากเมื่อสมัยที่
คสช.ยังมีอำนาจอยู่...มีการอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม”
ตัวอย่างมีเยอะ เฉพาะที่ยังสดๆ ร้อนๆ
ขณะนี้ กรณีนักกิจกรรมเพื่อความยุติธรรมในสังคม สวมเสื้อยืดพิมพ์ข้อความบนอกว่า “หมดศรัทธาต่อสถาบันฯ”
ถูกตำรวจควบคุมตัวไปกักไว้ที่โรงพยาบาลจิตเวช ขอนแก่น นานกว่าอาทิตย์แล้วยังไม่มีผลตรวจออกมา
กลุ่มรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยยกขบวนกันไปขอเข้าเยี่ยม
ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาต และอ้างว่าผลตรวจเป็นความลับ ขณะที่เจ้าตัวโพสต์ทางโซเชียลมีเดียเล่าเหตุการณ์จับกุม
ไม่มีหมายจับ ไม่มีข้อหา
วิธีการข่มเหงด้วยการจับกุมโดยไม่มีข้อหา เวลานี้เพิ่มกลเม็ด
‘วิชามาร’ ขึ้นมาอีกอย่าง
ใครที่ประท้วงและแสดงความไม่พอใจหรือโจมตี การบริหารประเทศของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ
คสช.ชุดนี้ จะถูกจับทันทีไปก่อน แล้วให้ยอมรับความผิดเป็นภาคทัณฑ์ไว้
อีกสองคน หนุ่มนักกิจกรรมเช่นกัน
ไปปักหลักดักประท้วงประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตอนลงพื้นที่ทำพีอาร์หลังจากโดนด่ายับให้แสดงการรับผิดชอบความผิดพลาด
ปล่อยทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิดเพ่นพ่าน จนคนไทยตื่นตระหนกไปทั้งจังหวัดและประเทศ
ตำรวจกลุ้มรุมล็อคคอโดยไม่ได้แจ้งข้อหาหรือแสดงหมายจับ
ถูกถามว่าจับทำไม “ตำรวจกลับบอกว่าเดี๋ยวมีข้อหาเอง” เอาตัวไปควบคุมที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษหลายชั่วโมงก่อนปล่อยตัว
แล้วยัดข้อหาภายหลังว่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่และขัดขืนการจับกุม
อ้อ
แล้วตำรวจยังอ้างอย่างไม่ทางการและไม่ลายลักษณ์อักษรด้วยว่า
เข้าจับกุมเพราะเกรงว่าผู้ประท้วงจะนำเชื้อโควิดไปติดนายกฯ ผู้ต้องหาทั้งสองเลยไปฟ้องกรรมาธิการยุติธรรมสภาผู้แทนฯ
แล้วแจ้งความเอาผิดกลุ่มตำรวจที่ใช้กำลังเข้าจับกุม
ฟ้องกลับ ๔ ข้อหาของแท้ ตั้งแต่ “ทำร้ายร่างกาย”
ระหว่างการจับกุม “ลักพาตัว” ลากขึ้นรถ แทนที่จะไป สน.กลับเอาไป “กักขังหน่วงเหนี่ยว”
ไว้ที่ค่ายฝึกยิงปืน รวมความทั้งสิ้นตำรวจ “ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ” เห็นชัดๆ น่าจะบวกตำรวจ
‘แจ้งความเท็จ’ มั่วข้อหาด้วย
อีกข้อเรียกร้องของพลังนักเรียน-นักศึกษา ให้จัดการ
“ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” เพราะ “เนื้อหาของรัฐธรรมนูญก็เป็นไปเพื่อรักษาระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย”
แม้จะผ่านประชามติ แต่ระหว่างการรณรงค์กลับไม่ยอมให้มีการวิพากษ์วิจารณ์
ใครคัดค้าน “ถูกคุกคามและยัดข้อหากันไปหลายคน”
แถลงการณ์ประกาศด้วยว่า “เราไม่ทนอีกแล้ว...อย่าให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องของลูกหลานเราที่ต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมไม่จบสิ้น
ให้มันจบในรุ่นของเรา” และภายใน ๒ อาทิตย์จากนี้ “หากไม่มีการตอบรับใด ๆ
จากทางรัฐบาล...เราจะทำการยกระดับการชุมนุมต่อไป”
อย่างไรก็ดีคณะผู้จัดเตรียมการรักษาระเบียบป้องกันการแพร่เชื้อโควิดแล้วอย่างเคร่งครัด
ประกาศให้ผู้ชุมนุม “เตรียมเจลล้างมือและสวมหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งมีพิซซ่า ๑๑๒ ชิ้น
สำหรับผู้ที่มาถึงที่นัดหมายก่อนอีกด้วย” ทั่น ผบ.นครบาลโปรดรับทราบ
(https://www.facebook.com/FreeYOUTHth/photos/a.115688233213576/286665579449173/?type=3&__tn__=H-R1.g
และhttps://prachatai.com/journal/2020/07/88630?utm_source=dlvr.it&utm_medium=twitter)
ไม่แน่ว่าเย็นนี้จะออกมารูปใด
คนมากหรือน้อยถึงขั้นมีพนันไวน์ ๑ ขวด ทายจำนวนผู้ชุมนุม ธนพล ‘ฟ้าเดียวกัน’ ว่ามากกว่า ๑,๕๐๐ แต่ภควดี
(เมื่อก่อนไม่มีนามสกุล) คิดว่าน่าจะน้อยกว่านั้น ถึงอย่างไรใครไปร่วมไม่ได้ แต่ใจปฏิพัทธ์ต่อกระบวนการ
มีข้อเสนอแนะระบายความอัดอั้น “พี่น้องทั้งหลาย
ปากกาแมจิกแท่งละ ๑๐ บาท เขียนด่า” ไอ้เฮีย กันเถิดในห้องน้ำทั่วประเทศ”
อันนี้จะเป็นบ่อเกิดใหม่ของ ‘Thai Graffiti’ ไหมน้อ