“ก็นี่ไง ก็จะไปหาทางสิ เออ
จะมาตอบตอนนี้ไม่ได้หรอก ท่านก็รู้ว่ารายได้รายจ่ายเป็นอย่างไรอยู่
มันมีหลายวิธีการน่ะ นะ วันหน้าก็ติดตามแล้วกัน” ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตอบผู้สื่อข่าวเรื่องรัฐบาลจะทำอย่างไรกับ ‘ค่าโง่โฮ้ปเวลล์’ ๒.๕ หมื่นล้านกว่าๆ
วิสัยทัศน์ของทั่นผู้นัมพ์ไทยกับเรื่องที่ ‘ทุกคนรู้ดี’ แล้ว แค่ “ผมให้กระทรวงคมนาคมไปแก้ปัญหาอยู่”
เท่านั้นเหรอ “เรื่องที่เกิดขึ้นไม่อยากจะโทษใคร” แต่ถ้าจะต้องจ่ายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหามาจากไหน
ทุกวันนี้เงินที่ใช้อยู่ก็มาจากเงินกู้นะ
อ้าว ชิ_หา_ ตายห่_สิ เป็นนายกรัฐมนตรีไหงผลักความรับผิดชอบอย่างนี้
แถมพูดจาวางก้ามยังกับพระราชาในอมตะนิยาย ซ้ำพระราชาสมัยนี้มีแต่มธุรสวาจาทั้งนั้น
(แค่ไม่พอใจก็สั่งค็อก) เพราะคดีโฮ้ปเวลล์มันมาถึงเกือบที่สุดของที่สุดแล้ว
ความหวังที่เหลืออยู่ก็คือจะยืดคดีออกไปอีกหน่อย
(เผื่อว่าเลือกตั้งคราวหน้า คสช.ไม่มา ก็สบายไปมั้ง) ถาม รมว.คมนาคมก็บอกว่า เฮ้ย
ยังมีคดีแพ่งอยู่อีก ๙๐ วัน เรื่องที่อ้างว่าบริษัทโฮ้ปเวลล์ (ไตแลนเดีย)
จดทะเบียนไม่ถูกต้องตามคำสั่งคณะปฏิวัติ (สมัยนั้น)
แต่เรื่องนี้ศาลปกครองสูงสุดสั่งเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อ
๒๒ ก.ค.แล้วว่าไม่รับอุทธรณ์เพื่อเปิดการพิจารณาคดีใหม่ ให้ยืนตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นเมื่อ
มีนา ๖๒ ว่ารัฐต้องจ่ายชดเชยบริษัทโฮ้ปเวลล์ ๑๑,๘๘๘ ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ๗.๕%
ซึ่งเมื่อรวมดอกเบี้ยแล้วตอนนั้น (เมื่อสิ้นเมษา
๖๒) รวมวงเงิน ๒๕,๔๑๑ ล้านบาท ต้องจ่ายภายใน ๑๘๐ วัน กระทรวงคมนาคมและ
รฟท.ก็ใช้ชั้นเชิงอุทธรณ์จนยืดเวลามาถึงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเมื่อวานซืน
แล้วต่อไปเห็นว่าจะหาทางไปร้องศาลอื่นยืดเวลาต่อไปอีก
ก็เออนะ รัฐบาล คสช.ทั้ง ๑ และ ๒
นี่ชั้นเชิงเยอะจริงๆ รวมทั้ง “เจรจากับโฮปเวลล์เพื่อลดยอดชำระความเสียหายดังกล่าว”
ตามที่ รมว.คมนาคมพรรคภูมิใจไทย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ แย้มพรายให้ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ เอามาผาย
เช่น ค่าก่อสร้างที่โฮ้ปเวลล์ลงไปแล้วราว ๙
พันล้านบาทนั้น “ร.ฟ.ท.ไม่ได้ใช้งานสิ่งก่อสร้างดังกล่าวเลย
จึงขอให้โฮปเวลล์ปรับลดมูลค่าชดเชยลง” กับขอลดอัตราดอกเบี้ยจากที่ผูกพันไว้ ๗.๕% น่ะมากไป๊ “หากเทียบกับดอกเบี้ยปัจจุบันที่เฉลี่ย ๒.๕%” เท่านั้นนะเธอว์
ลองดูแล้วกันว่าลิ้นการทูตจะปลิ้นกันไปได้แค่ไหน
กับการต่อรองกับนักธุรกิจเขี้ยวลากดินตอนน้ำขึ้นให้รีบตัก “เราเชื่อว่ายังมีลู่ทางที่จะสู้ได้อีก”
แหล่งข่าวของกรุงเทพธุรกิจให้กำลังใจ ‘ไอทู้บ’
ว่าดอกแพงอย่างนั้น “จะทำให้รัฐเกิดความเสียหายจากสิ่งที่ไม่ได้นำมาใช้งาน”
ฝันไปสิ เขาแค่บอกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ตกลงกัน
วัดจากค่าเงินที่เขาต้องจ่ายไปในตอนนั้นก็จบแล้ว แต่ผู้ว่าการ รฟท.ก็ยังเสียงแข็ง “ว่า
กระทรวงคมนาคมมีคณะทำงานทางด้านกฎหมายที่วางยุทธศาสตร์การดำเนินคดีนี้ไว้แล้ว”
ขอเวลานี้ดนึง
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ยังมั่นใจว่าจะหาศาลอื่นมายื่นอุทธรณ์ใหม่ได้
ประเด็นเดิมๆ นี่แหละ ตอนนี้ก็ “ร.ฟ.ท.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง
เพื่อขอให้ตรวจสอบการจดทะเบียนของบริษัทโฮปเวลล์” ไว้อีกเมื่อวันที่ ๑๗ มิ.ย.๒๕๖๓
รอดูสิว่าศาลปกครองกลางจะทนตื๊อได้แค่ไหน
(https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/890561 และ https://www.prachachat.net/property/news-495425)
แต่เอ๊ะ
ถึงตรงนี้ไม่ยักมีใครพูดถึงกรณีใครกันวะที่เป็น ‘ตัวกระทำ’
ให้เกิดการฟ้องร้องอนุญาโตตุลาการ
จนถูกตัดสินว่าต้องจ่ายค่าเสียหายแก่บริษัทโฮ้ปเวลล์ไตแลนเดีย ถ้าเป็นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
(ชินวัตร) นี่โดนอีกดอกไปแล้ว (เธอเพิ่งโดนสองดอกจาก ปปช.ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน)
ถามกันแซ่ดว่าถ้างั้นใครวะ Jessada
Denduangboripant ให้คำตอบ “สุเทพ เทือกสุบรรณ รมว.คมนาคม ระหว่างปี
๒๕๔๐-๒๕๔๓ (รัฐบาลชวน หลีกภัย)” ไงล่ะ เป็นผู้ปักลิ่ม “เซ็นยกเลิกสัญญาสัมปทานอย่างเป็นทางการ”
เอาดื้อๆ
อจ.เจษฎาบอกด้วยว่า “ไปเก็บเงิน ๒.๕ หมื่นล้านบาทจากสุเทพ
และคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลคุณชวน ได้ไหมครับ...ทำไมคนไทยทั้งประเทศต้องมารับกรรมเป็นหนี้มหาศาลแทนคนพวกนี้ด้วย
ไม่งั้นก็ยกเลิกการซื้ออาวุธซัก ๑๐ ปี
เอามาใช้หนี้ตรงนี้ก่อนได้ไหม”
แกพูดจริงแฮะ ใครไม่แน่ใจไปดูไทม์ไลน์ที่ thematter.co ทำไว้ว่าวันยกเลิกสัมปทาน ๒๐ มกราคม ๒๕๔๑ ซึ่งทั้งกระบวนมีนักการเมือง ๓
คนเป็นเอี่ยวเกี่ยวข้อง คนแรก มนตรี พงษ์พานิช รมว.คมนาคมรัฐบาลชาติชาย ชุณหวัณ
เริ่มเปิดประมูลโครงการ
ทั้งมนตรี ชาติชาย
แม้แต่ลูกชาติชายจากโลกกันไปนานแล้ว ที่ยังอยู่ผู้เกี่ยวข้องช่วงสองระหว่าง ๒๕๓๙-๒๕๔๐
รัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธ์ รมว.คมนาคมสมัยนั้น สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นผู้เสนอให้ยกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการ
แล้วคนที่มาปิดฝาโลงยกเลิกสัญญาอย่างเด็ดขาด
ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมจนกอร์ดอน วู เอาไปฟ้องอนุญาโตก็ เสี่ยเทือก ‘เทพสุบรรณ’ นี่แหละ คนนี้กวนเมืองกวักมือเรียกทหารมายึดอำนาจจนถึงประยุทธ์
๒ ขณะนี้ ส่วนสุวัจน์ก็พรรคชาติพัฒนาร่วมรัฐบาลอยู่
แล้วอย่างนี้จะไม่ทำให้ตู่โบ้ยบ้าย ไม่รู้จะโทษใครได้อย่างไร