วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 23, 2563

“บิ๊กแดงขยับ" ‘ตู่’ พลอยว่า “ก้าวล่วงสถาบันฯ" อย่างนี้ “สู้ไม่ได้ก็ไปเป็นบริวารเขา” เสียไม่ดีกว่าหรือ


“บิ๊กแดงขยับ เตรียมเปิด ทบ.คุย สาธิต เซกัล และคนรักสถาบันฯ” นี่คำของ วาสนา นาน่วม เปิดฉากให้ ผบ.เรื่อง “ได้รับการร้องเรียนถึงความเคลื่อนไหวของ กลุ่มล่วงละเมิดก้าวล่วงสถาบัน” เจาะจง “โดยเฉพาะป้ายข้อความ”

ในระหว่าง “การชุมนุมของเยาวชนปลดแอกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และแฟล้ชม้อบที่เชียงใหม่” วาสนาบอกว่าสาธิตเป็น “นักธุรกิจชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมายาวนาน” แต่ละไว้ ที่เขาเป็นผู้สนับสนุนตัวยง (ทางการเงิน) แก่ กปปส. กวักมือเรียกทหารออกมายึดอำนาจ ปี ๕๗

ฉะนั้นบทบาทของสาธิตตอนนี้ไม่มีอะไรใหม่ จะใหม่ตรงว่า เบื้องลึก ผบ.ทบ. น่ะกวักมือเรียกสาธิตเข้าพบหรือเปล่า ส่วน ผบ.จะให้โฆษกแก้ต่างภายหลังว่าวาสนาไม่เกี่ยว แค่เป็นสื่อ (เส้น) สายกองทัพ ก็ว่าไป แต่ข้อกล่าวหาของสาธิตแค่ เต้นในสไตล์ กปปส.

ส่วนจตุพร พรหมพันธุ์ จะ ตู่ว่า “ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์” ก็เป็นเรื่องของประธาน นปช.ซึ่งหมดยุคสมัยไปแล้ว ถ้าอยากเป็น ทส.เหมือนแรมโบ้ เด็กๆ รุ่นใหม่คงไม่ใส่ใจสิ่งล้าหลังทางประวัติศาสตร์ ถึงอย่างไร นปช.ก็แพ้มาแล้วราบคาบ เพราะสู้ด้วยข้อจำกัดครอบหัวตัวเอง

แน่นอนว่าในปรากฏการณ์ม็อบนักเรียน-นักศึกษาที่กำลังเป็นไฟลามทุ่ง กรุ่นไปด้วยความ “หมดศรัทธา” หรือแม้แต่ “ไม่ได้ศรัทธามาก่อน” มันเป็นความหมิ่นเหม่ที่สะท้อนความจริงแห่งยุคสมัยนี้ ในบริบทที่น่าจะเป็นจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อน
 
ตารางกิจกรรมไล่เผด็จการ เต็มเพียบ “คึกคัก ทั้งมหาสารคาม ชลบุรี แพร่ สงขลา ต่อเนื่องจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เชียงใหม่ อุบล มีผลอย่างมากในแง่ยุทธศาสตร์ยุทธวิธี” ดังที่ Sa-nguan Khumrungroj ทวี้ต “#ใกล้ที่ไหนไปไล่ที่นั่น

สำหรับวันนี้ (๒๓ ก.ค.) -ปทุมธานี ท่ารถ ตจว.ตรงข้ามฟิวเจอร์ฯ รังสิต -อยุธยา บึงพระราม -ขอนแก่น สวนรัชดานุสรณ์ -ม.อ.ปัตตานี หน้าตึกส้ม -สกลนคร ลานกิจกรรมคณะมนุษยฯ มรภ.สกลนคร” และขอนำข้อความของ Atukkit Sawangsuk มาเสริม

“ครั้งนี้ต่างออกไป หนึ่ง คนเข้าร่วมคึกคักในทุกที่ มากกว่าที่เคยมี สอง ม็อบแฝงสาระแหลมคม พุ่งตรง... เรียกร้องยุบสภาแก้รัฐธรรมนูญไม่กระเทือน กระเทือนที่ชูป้าย...ออกมาไล่กันมากๆ ไม่อย่างนั้นมันก็ยื้อลากถูไปอีกโดยไม่ยอมเปลี่ยนอะไรเลย”

ในความพ่ายแพ้ของจตุพรจนต้องเปลี่ยนมา อยู่เป็นก็เพราะสยบยอมต่อ ข้อกล่าวหา“ว่าล้มล้างสถาบัน ก่อการร้าย และเผาบ้านเผาเมือง” ภาวะการณ์มันต่างกับในเวลานี้ประดุจ ส้น กับ ฝ่าเพราะเด็กรุ่นนี้รู้ดี ด้วยจิตสำนึกแม่นมั่นกว่าหนุ่มรุ่นก่อน

ในเมื่อพวกเขาไม่ได้เป็นเช่นข้อกล่าวหา แล้วไฉนจำต้องยอมรับแบบเดียวกับพวกหนุ่มๆ รุ่นจตุพร ที่พยายามจะ (เอาอย่างสาธิต เซกัล) ก่นว่าและปรามาสพวกเขา เพียงเพื่อจะทำให้คนรุ่นใหม่ไขว้เขว ในเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนที่พวกเขาดื่มด่ำ

ว่าไปทำไรมี หากประธาน นปช.จะพินอบพิเทาให้ เจ้าของใหม่ ซึ้งใจ เข้าใจได้ไม่ว่ากัน แต่การบิดเบือนความจริงเอาการพ่ายแพ้มาเป็นจุดแข็ง ในเมื่อข้อเรียกร้อง ๓ ข้อที่อ้าง ไม่ได้อะไรสักอย่าง

เช่นนี้พูดว่า “สู้ไม่ได้ก็ไปเป็นบริวารเขา” เสียไม่ดีกว่าหรือ