วันศุกร์, กรกฎาคม 24, 2563

ทำไมหนอ มนุษย์ก็ดี หมู่บ้านก็ดี เมืองก็ดี ชาติก็ดี กลับไปสนับสนุนทรราชย์ได้... อ่าน "ความเป็นทาสโดยใจสมัคร" - Étienne de la Boétie




[ความเป็นทาสโดยใจสมัคร - Étienne de la Boétie]

"ในตอนนี้ ผมอยากทำความเข้าใจว่า ในบางครั้ง มนุษย์ก็ดี หมู่บ้านก็ดี เมืองก็ดี ชาติก็ดี กลับไปสนับสนุนทรราชย์ได้อย่างไร ทรราชย์เพียงคนเดียวผู้ซึ่งมีอำนาจได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้มอบอำนาจให้แก่ทรราชย์ไป ทรราชย์ผู้ซึ่งทำร้ายพวกเขาได้ตราบที่พวกเขายอมทน ทรราชย์ผู้ซึ่งไม่อาจทำชั่วกับพวกเขาได้หากพวกเขาไม่นิยมชมชอบความทุกข์ทนมากกว่าการตอบโต้ทรราชย์นั้นเสีย สิ่งที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องปกติ จนน่าเศร้ามากกว่าแปลกใจ คือ ผู้คนนับล้านอยู่ในสภาพรันทด ผู้คนนับล้านถูกสนตะพาย สภาพการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดจากการที่พวกเขาถูกบังคับด้วยกำลัง แต่มันเป็นเพราะพวกเขากลับซาบซึ้งต่อเหล่าทรราชย์นั้นราวกับว่าต้องมนต์สะกดเพียงเพราะได้ยินชื่อของทรราชย์คนใดคนหนึ่ง เอาเข้าจริงแล้ว พวกเขาไม่ควรกลัวทรราชย์ เพราะมันเป็นแค่คนคนเดียว พวกเขาไม่ควรรักทรราชย์ เพราะมันได้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไร้มนุษยธรรมและโหดร้าย นี่คือความอ่อนแอของมนุษย์ ได้แก่ ถูกบังคับให้เชื่อฟัง ถูกบังคับให้เฝ้าคอยรอเวลา พวกเขาไม่อาจเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดได้

(...)

เราไม่เคยเสียใจเลยในสิ่งที่เราไม่เคยมี ความเศร้ามาหลังความสุข เมื่อเผชิญกับความทุกข์ เราก็นึกถึงความสุขที่ผ่านพ้นไปแล้วเสมอ ธรรมชาติของมนุษย์ คือ ความเป็นอิสระและความต้องการเป็นอิสระ แต่มนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงอย่างง่ายดายเมื่อการศึกษาทำให้เขาเปลี่ยน ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเขาเคยชิน สิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ในธรรมชาติ คือ มนุษย์ปรารถนาอะไรที่ง่ายและไม่เปลี่ยนแปลง เหตุผลประการแรกของความเป็นทาสโดยใจสมัคร คือ ความเคยชิน นั่นแหละ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับม้าที่กล้าหาญที่สุด เริ่มแรก มันกัดเหล็กปากม้า แต่ไม่นาน มันกลับเล่นสนุกสนานกับเหล็กนั้น เริ่มแรก มันไม่ยอมให้ใครเอาอานมาใส่หลัง แต่ตอนนี้ มันกลับวิ่งเข้าไปให้ใส่บังเหียนด้วยความภาคภูมิใจ และโอ้อวดในชุดเกราะ

พวกเขากล่าวว่าพวกเขาเคยเป็นไพร่มาโดยตลอด และพ่อของพวกเขาก็เคยเป็นไพร่มาก่อนด้วย พวกเขาคิดว่าพวกเขาต้องยอมทนกับความเลวร้าย พวกเขาโน้มน้าวตนเองด้วยการยกตัวอย่างต่างๆ และพวกเขายังทำให้อำนาจของทรราชย์มั่นคงขึ้นด้วยระยะเวลา ในความเป็นจริงแล้ว ระยะเวลาที่ผ่านไปไม่ได้ให้สิทธิแก่ทรราชย์ในการทำความผิด แต่ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเขากลับถูกเหยียดหยามมากขึ้น

แน่นอน ต้องมีบางคนเกิดมาดีกว่าคนอื่น เขารู้สึกได้ถึงความหนักของแอกและไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะปลดแอก เขาไม่มีวันเชื่องกับความเป็นไพร่

(...)

คือเขาเหล่านี้ผู้มีมันสมองเป็นเลิศ ได้พัฒนาสติปัญญาให้แหลมคมด้วยการศึกษาและความรู้ เมื่อไรที่เสรีภาพมลายหายไปทั้งหมดและถูกละทิ้งจากโลกใบนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงจินตนาการและรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณแห่งเสรีภาพและลิ้มรสมัน พวกเขารู้สึกขยะแขยงความเป็นทาส แม้ว่าความเป็นทาสจะถูกคลุมด้วยอาภรณ์ชั้นดีก็ตาม”

Étienne de la Boétie, Discours de la servitude volontaire, 1576

(https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/photos/a.2260389780911559/2763521567265042/)