รอบแรกผ่านไป เจอกันใหม่อีกสองอาทิตย์ เพราะแน่นอนว่ารัฐบาลไม่มีทางแม้กระทั่งรับพิจารณาข้อเรียกร้อง
๓ ข้อของกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา
ในการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวานนี้ (๑๘ ก.ค.)
คราวหน้าจะเป็นอย่างไรทำไปไม่ต้องเดา เรามาถูกทางแล้ว
หากจะเดินแนว ‘สันติประชาธรรม’ ดังที่ Charnvit Kasetsiri แนะ “ทำดีแล้ว ครับ flash mob มาเร็ว จบเร็ว 'รักยาว ให้บั่น' (จงอย่า) 'รักสั้น ให้ (อยู่) ต่อ ๆ' เกมต้องยาว”
ก็ต้องพร้อมสรรพ ยกระดับได้เมื่อสถานการณ์อำนวย บทเรียน ‘สลาย’ ราชประสงค์เป็นอุทธาหรณ์
สองแกนนำจากเยาวชนปลดแอกกับ สนท.ประกาศ ‘ยุติการชุมนุม’ เมื่อเวลาเที่ยงคืนหลังจากพบว่ามี “เหตุการณ์ความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง”
โดยเฉพาะ “เมื่อ ๒๑.๑๙ น. แกนนำแจ้งบนเวทีว่า บริเวณข้าง
แมคโดนัลด์อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบพยายามควบคุมตัวผู้ชุมนุมไป”
แมคโดนัลด์อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบพยายามควบคุมตัวผู้ชุมนุมไป”
ตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนพยายามจะเข้าควบคุมตัวผู้ร่วมชุมนุมสองคน
แต่ฝูงชนเห็นเข้าจึงกรูเข้าไปขัดขวางเป็นผลสำเร็จ
นอกนั้นยังมีทั้งนอกเครื่องแบบและ ‘กึ่ง’ นอกเครื่องแบบ ล้วนหัวเกรียนจำนวนไม่น้อยปะปนอยู่ในบริเวณ
หลายคนสวมเสื้อยืดสีเหลืองมีข้อความสกรีนบนเสื้อด้านหลังว่า
‘Commando’ ซึ่ง Pruay Saltihead ตั้งข้อสังเกตุว่าเป็น “ตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
‘904’ มาปะทะกับประชาชนโดยตรงรึเปล่าก็ไม่ทราบ”
เพราะหน่วยนี้เพิ่งเปลี่ยนชื่อ
มาเป็น ‘กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ’
ปรับบทบาทหน้าที่ เพิ่มอำนาจ ‘ต่อต้านก่อการร้าย
ระงับเหตุฉุกเฉิน ปราบวินาศกรรม’ และ ควบคุมฝูงชน
ป้องปรามการก่อจลาจล อ้างว่าเพื่อไม่ให้เหตุเหล่านั้น “มีผลกระทบต่อการถวายความปลอดภัยรอบเขตพระราชฐาน”
เบี้ยร่ายปลายทางยังมีคนจับภาพ ‘ชายชุดดำ’ สองคนบนหลังคาตึก ช่วงเริ่มชุมนุมตอนเย็นมีบุรุษมือ
(ไม่) ดีเที่ยวเอาถุงดำคลุมกล้องวงจรปิดตามเสาไฟ ช่วงหัวค่ำมีการชุลมุนในเต๊นแกนนำเล็กน้อย
กำลังตำรวจจำนวนหนึ่งเข้าออกโรงเรียนสตรีวิทย์
หลังจากเลิกชุมนุมแล้วพบว่ามีรถตู้ตำรวจจอดรออยู่ในนั้น
โดยรวมสรุปได้ว่าการชุมนุมครั้งนี้ ‘จุดติด’ กิจกรรมเรียกร้อง (๓ ข้อ) ประกาศเจตนาเพื่อการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยแท้จริง
มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางชนิดรวมดาวนักต่อต้านอำนาจรัฐประหารรุ่นใหม่ถ้วนหน้า
นอกจากบรรดาแกนนำนักเรียน-นักศึกษาแล้ว อานนท์
นำภา ‘ไผ่’ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา
สองเยาวชนที่ไปยกป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ระยองก็มา
แถมดนตรีจากกลุ่ม ‘Rap Against Dictator’ สร้างบรรยากาศฮึกเหิมเต็มที่
บรรยากาศซึมซับจิตสำนึกและอุดมการณ์ก็มี
ดังที่ Ruampond Foungfuloy เขียนเล่าภาพประทับใจ “พ่อลูกคู่นี้ นังฟังน้องนักศึกษาปราศรัย “เด็กน้อยดูท่าทางสนใจการปราศรัย
ใจจดจ่อไปที่เวที...แต่ละช่วงของการปราศรัย ฉันเห็นเด็กน้อยก็ยังคงตั้งคำถามใส่ผู้เป็นพ่อ...
#ขอบคุณจากหัวใจ ที่คุณบ่มเพาะ ปลูกฝังประชาธิปไตยให้กับต้นไม้ต้นนี้ ฉันเชื่อว่าเด็กคนนี้จะเติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง
เติบโตมาพร้อมกับหัวใจที่พองโตไปด้วยประชาธิปไตย...พวกเค้าได้เรียนรู้ถึงความเลวร้ายที่คุณได้หยิบยื่นให้ประชาชน”
‘บีบีซีไทย’ ระบุว่าแกนนำใช้แอ้ปพลิเคชั่นคำนวณ จำนวนคนมากเกินกว่าคาด “มีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ
๒,๓๖๗ คน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุม (แค่) ๕๐๐ คน”
(นับหัวคนจากรูปยังได้มากกว่า)
“แม้จำนวนยังไม่เท่าแฟล้ชม็อบก่อนโควิด
แต่นี่คือการท้าทายอำนาจฉุกเฉินกลางราชดำเนิน” Atukkit
Sawangsuk ชี้
“#เยาวชนปลดแอก ได้จุดประกายขึ้นมาใหม่ ด้วยความกล้าหาญ ยอมเอาตัวเข้าเสี่ยง
พิสูจน์ว่าถ้าประชาชนออกมากันมากๆ ก็ส่งผลสะเทือนได้
...เมื่อรัฐบาลและอำนาจหนุนหลังเสื่อมหนัก
ถ้าประชาชนไปกันมากๆ ทหารทั้งกองทัพก็ทำอะไรไม่ได้ นี่ไม่ใช่ยุคสมัยที่มันจะสามารถปิดกั้นสื่อปลุกความเกลียดชัง
‘ผังล้มเจ้า’
ได้เหมือนปี ๕๓” ดังนั้นครั้งต่อไปเตรียมตัว เตรียมพลังกันไว้ให้แน่นหนา
จากที่ Thanapol
Eawsakul คาดหมาย “แต่ถ้ารัฐบาลต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเข้าไปอีก
ด้วยหวังว่าจะใช้เพื่อควบคุมคน แน่นอนว่าเมื่อถึงจุดนั้นคนก็จะไม่กลัว
และจะออกมาด้วยความโกรธยิ่งกว่าเดิม” ขึ้นอยู่กับ จะมีการป่วนสถานการณ์จากพวก ‘นอกเครื่องแบบ’ ขนาดไหน
(ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมนอกจากที่อ้างแล้ว
ได้แก่ ประชาไท Prachatai.com 35m Thitivada Clanjiu และ iLaw)