#ให้จบที่รุ่นเรา #เยาวชนปลดแอก #ทายาทกระทิงแดง
ด่วน!! ความจริงเปิดเผยที่แรก แฉข้อมูลลับกลางม็อบ ทำไม?ทายาทคนดังรอดคุก
Jul 24, 2020
9 SIAM-ข่าวเด่น
ด่วน!! ความจริงเปิดเผยที่แรก แฉข้อมูลลับกลางม็อบ ทำไม?ทายาทคนดังรอดคุก
...
จดหมายเปิดผนึกถึงอัยการสูงสุดและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาในคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ ซึ่งเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ในการสั่งคดี ข้าพเจ้าในฐานะราษฎรที่มีความสนใจและติดตามคดีนี้ ตั้งคำถามต่อกระบวนการสอบสวนคดีนี้ดังนี้
๑. เพราะเหตุใดพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการจึงไม่ตั้งข้อหาเสพโคเคนซึ่งเป็นสารเสพติดประเภทสอง และไม่ดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยเสพสารเสพติดประเภทสองในคดีนี้ตั้งแต่แรกของการดำเนินคดี
๒.เพราะเหตุใดอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด(โดยนายเนตร นาคสุข) และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทั้งที่อัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว และทำไมทั้งพนักงานตำรวจและพนักงานอัยการจึงโอนอ่อนผ่อนตามให้ผู้ต้องหาโดยการไม่ออกหมายจับตั้งแต่ ๒ ครั้งแรกที่มีหมายเรียก แต่รอถึงต้องมีหมายเรียกถึง ๗ ครั้ง กระทั่งคดีบางส่วนขาดอายุความและผุ้ต้องหาหลบหนีไป
ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
๑. จากหนังสือแจ้งผลการตรวจสารแปลกปลอมของโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ น.๓๙๕/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ที่ตรวจสารแปลกปลอมที่พบในร่างกายของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ปรากฏว่าพบสาร Benzoylecgonine ซึ่งเป็นผลมาจากการเสพโคเคน ( สารนี้จะไม่พบในอาหารและยาอื่น) และพบสาร Cocaethyene ซึ่งเป็นผลมาจากการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานฉบับนี้จากแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์แล้ว มีเหตุผลอะไรที่พนักงานสอบสวนไม่ตั้งข้อหาเสพโคเคนซึ่งเป็นสารเสพติดประเภทสอง และไม่ดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยเสพสารเสพติดประเภทสองในคดีนี้ตั้งแต่แรกของการดำเนินคดี ทั้งที่มีความชัดเจนของผลตรวจ
๒. คดีนี้ ผู้ต้องหาไม่ได้ให้ความร่วมมือตั้งแต่ก่อเหตุชนคนตายแล้วหลบหนี ทั้งยังส่งพ่อบ้านซึ่งเป็นบุคคลอื่นเข้ามอบตัวแทน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการจับกุมจากบ้านพัก และมีการสอบสวนจนนำไปสู่การตั้งข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและข้อหาอื่น ๆ ซึ่งจากผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดย พ.ต.ต.ธนสิทธิ แตงจั่น กองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรากฏว่ารถของผู้ต้องหาใช้ความเร็วถึง ๑๗๗ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนนำไปสู่การสั่งฟ้องของอัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ จากนั้น ผู้ต้องหาก็บ่ายเบียงการเข้าพบอัยการเพื่อส่งตัวฟ้องต่อศาลมาโดยตลอด โดยมีการออกหมายเรียกถึง ๗ ครั้ง และมีการออกหมายจับ กระทั้งทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีออกต่างประเทศ ระหว่างนั้น ฝ่ายผู้ต้องหาได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบสวนพยานฝ่ายผู้ต้องหาคือ พ.ต.ท.สมยศ แอบเนียน และ พ.ต.ท.สุรพล เดชรัตนวิไชย พยานทั้งสองปากกลับให้การโดยดูเพียงจากสภาพความเสียหายของรถทั้งสองคันเมื่อเปรียบเทียบกับคดีอื่นกลับให้ความเห็นว่ารถยนต์ของผู้ต้องหาใช้ความเร็วไม่เกิน ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง และพนักงานสอบสวนได้สอบ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ตามที่ผู้ต้องหาร้องขอเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นเวลาเกือบ ๕ ปี หลังเกิดเหตุ กลับได้ความว่ารถยนต์ของผู้ต้องหาใช้ความเร็ว ๗๖.๑๗๕ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคำให้การของพยานทั้งสามขัดกับผลตรวจของกองพิสูจน์หลักฐานโดยพ.ต.ต.ธนสิทธิ ซึ่งได้ตรวจจากกล้องวงจรปิดหลังเกิดเหตุว่ารถยนต์ของผู้ต้องหาใช้ความเร็วถึง ๑๗๗ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙ อัยการสั่งสอบพ.ต.ต.ธนสิทธิ์ ใหม่ทำไมมีการให้การใหม่และแก้ไขคำให้การเดิมของ พ.ต.ต.ธนสิทธิ จากเดิม ๑๗๗ กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็น ๗๙.๒๓ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระหว่าง ๔ ปีก่อนเข้าให้การใหม่เกิดกระบวนการไม่ชอบมาพากลกับ พ.ต.ต.ธนสิทธิ หรือไม่ ?
จากนั้นวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ อัยการสำนักงานอัยการสูงสุดจึงสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมพยานอีก ๒ ปากคือ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร และนายจารุชาติ มาดทอง ซึ่งอ้างว่าเป้นคนขับรถยนต์ในที่เกิดเหตุ เห็นรถยนต์ของผู้ต้องหาใช้ความเร็วเพียง ๕๐ถึง ๖๐ กิโลเมตรเท่านั้น
จากนั้นเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๓ นายเนตร นาคสุข อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานกรพทำโดยประมาทเป้นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยทุกอย่างปิดเงียบกระทั่งประชาชนมาทราบเรื่องจากสำนักข่าวต่างประเทศและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
เพราะเหตุใดทั้งสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงกลับคำสั่งเดิมที่เคยสั่งฟ้องแล้วกลับมาสั่งไม่ฟ้องในภายหลัง ทั้งสององค์กรเชื่อพยานฝ่ายผู้ต้องหามากกว่าภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดและสอบสวนทันทีหลังเกิดเหตุกระนั้นหรือ ?
ด้วยข้อเท็จจริงและด้วยความสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ข้างต้น จึงเรียนมาเพื่อขอให้อัยการสูงสุดและผุ้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงข่าวชี้แจง เพื่อไขข้อสงสัยของประชาชน ก่อนที่ประชาชนจะหมดความศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมไปมากกว่านี้
ลงชื่อ อานนท์ นำภา
ในฐานะราษฎร
...
ในสายตาของ ปปช. กรณีตำรวจที่สอบสวนช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ด้วยพฤติการณ์ต่อไปนี้ ปปช.เห็นว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง
1. เจตนาละเว้นไม่ดำเนินคดีกับวรยุทธในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
2. ไม่นำรายงานผลการคำนวณความเร็วของกองพิสูจน์หลักฐานซึ่งพบว่า วรยุทธ ขับขี่รถยนต์ ด้วยความเร็วโดยเฉลี่ย 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาประกอบการทำความเห็นในทางคดี
3. ละเว้นไม่ดำเนินการออกหมายจับวรยุทธ
4. ไม่กำกับดูแล ติดตามเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปโดยถูกต้องรอบคอบและเป็นธรรมเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายอันถือเป็นความบกพร่อง
ปปช.ต้องมีคำตอบให้กับสังคมถึงการใช้ดุลพินิจครั้งนี้ด้วย
https://prachatai.com/journal/2020/07/88734
...
ooo
ประยุทธ์หนาว กรณีอัยการไม่สั่่งฟ้อง 'บอส กระทิงแดง' กระทบความอยู่รอดของรัฐบาล นักกฏหมายดังระดับเปิดชื่อแล้วครางฮือระบุคือจุดเริ่มต้นการพังทลาย ชาวบ้านเชื่อเกี่ยวเงินบริจาค 300 ล้าน ความเชื่อกฎหมายและยุติธรรมพินาศ พังยิ่งกว่าน้ำผึ้งหยดเดียว #บอสอยู่วิทยาhttps://t.co/g2VHNLEmC6— sirote klampaiboon (@sirotek) July 25, 2020