ถ้าใครซีเรียสกับคำขู่ของ ‘เหรียญทอง’ ต้องไปอ่านทวิตเตอร์ของ อินทิรา เจริญปุระ เธอว่า “จัดให้ บริษัทไหนเลือกปฏิบัติตามที่หมอนี่ชี้ชวน เจอกันศาลรัฐธรรมนูญได้เลย” เพราะว่าความสามารถแห่งมาตรา ๒๗ ของรัฐธรรมนูญ
“ไล่บี้กันตั้งแต่ HR (ฝ่ายบุคคลของบริษัท) ไปจนถึงผู้บริหาร ถ้ามีพาร์ตเนอร์กับต่างประเทศ ก็ระวังจะถูกแจ้งให้พาร์ตเนอร์ทบทวนการร่วมงานด้วย ส่วนพนักงาน HR นี่ควรจะถูกร้องเรียนไปที่สมาคมวิชาชีพ (อีก) ต่างหาก”
ในความเห็นของ ‘ทราย’ “จริงๆ การชักชวนให้มีการคุกคามบุคคลอย่างเปิดเผยแบบนี้ รัฐควรมาดูแลนะ เจ้าหน้าที่มากมายที่บอกว่าไป ‘อำนวยความสะดวก’ ‘ดูแลความปลอดภัย’ ให้กับผู้ชุมนุม นี่ไง” หากแต่เหรียญทองก็เป็นอีกคนที่โหนสถาบัน ห้อยรัฐประหารโดยไม่คิดเท่านั้น
อย่าว่าแต่จะมีบริษัทไหนออกมาแห่ด้วยกี่มากน้อยเลย แค่คำถามแบบท้าๆ เนิบๆ จาก อานนท์ นำภา “บริษัทห้างร้านอะไรหรือครับ ที่จะไม่รับคนชุมนุมเข้าทำงาน ช่วยเอ่ยชื่อมาที คนจะได้ร่วมกันประนาม แบนสินค้าพวกนั้น” ก็จบข่าวแล้ว
ยิ่งเรื่อง ‘ช่วยแม่ล้างจาน’ ของ ส.ส.พลังประชารัฐ สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ยิ่งเป็นการใช้ปากนอกเหนือคำสั่งของนาย ในเมื่อรู้ๆ กันถ้วนทั่วแล้วว่า ภาระหลักของการเป็นนักการเมืองสังกัดพรรคสืบทอดอำนาจรัฐประหาร อยู่ที่ ‘ล้างก้นนาย’
เพราะการแสดงออกในจิตวิญญานประชิปไตยของ ‘เด็กๆ’ ที่สมองทำงานสมกับเป็นแหล่งสร้างเสริมสติปัญญาเปี่ยมด้วยคุณภาพมากกว่าของ ‘ผู้ใหญ่’ ในวุฒิสภาตู่ตั้งหลายเท่า มิฉะนั้นการชุมนุมของชนรุ่นมัธยมเหล่านั้นคงไม่กระหึ่มและกว้างไกลเช่นนี้
ต้องสำเหนียกอย่างยิ่งว่าปรากฏการณ์เวลานี้ล้ำหน้าอดีตที่ผ่านๆ มาอย่างเบิ่งฟ้า บากดิน ดูได้จากที่ Thanapol Eawsakul “สรุปการชุมนุมต้านเผด็จการที่พะเยา ถิ่นมาเฟียอย่างธรรมนัส พรหมเผ่า...แกนนำคือเด็กมัธยม
คนปราศรัยคือเด็ก ม.ต้น (อ่าน ‘สมศักดิ์’–เจียมฯ-มาด้วย) คนอยู่รอบ ๆ เยอะกว่าตรงกลาง” พูดอีกอย่างก็ว่า การชุมนุมเรียกร้องยุบสภา และแก้รัฐธรรมนูญ ของเด็กมัธยมนี้ ‘มีมวลชนโอบอุ้ม’ ส่วนประเด็นให้ประยุทธ์ออกไป มีพี่ๆ บางคนชี้ว่าน่าจะชลอไว้ก่อน
เพราะอะไรเหรอ “เพราะผมเห็นว่าคุณประยุทธเป็นเงื่อนไขสำคัญทำให้คนในชาติ โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน ประชาชน เกิดความสมัคคีกัน ดูดี” คำพูด สมบัติ บุญงามอนงค์ เมื่อไปทำกิจกรรมกินแม็คดอนัลด์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันก่อน
ประเวศ ประภานุกูล เอามาขยายต่อ “ผมเห็นด้วยนะครับ อย่าเพิ่งออกนะประยุทธ รอตีนออกมาให้หมดก่อน” ในเมื่อ ‘หนูหริ่ง’ ชี้สะเด็ด “ใครจะดึงเด็กออกมาได้ขนาดนี้ พูดตรงๆ นะถ้าเขาเปลี่ยนตัว ผมนึกไม่ออกว่าผู้นำคนใหม่จะดึงให้เด็กพวกนี้ออกมาได้มากขนาดนี้หรือเปล่า”
แม้นว่า ‘เดอะรีจีม’ ผู้ครองเมืองทำไม่รู้ไม่ชี้ การพยายามใช้ความรุนแรงสยบสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไป โผล่ออกมาทันใด ‘กลุ่มอาชีวะช่วยชาติ’ กลับมาป่วนกระแสบ้าง นัดหมายรวมพลที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมะรืนนี้ ๓๐ ก.ค.
รวดเร็วทันใด ฝ่ายประชาธิปไตยจับไต๋คาเพจได้ว่า คนเป็นตัวการคืออดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรค รปช.ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ชื่อ ดนัย ทิพย์ยาน (นาควานิช) เลือกตั้งปี ๖๒ ขณะนั้นอายุ ๓๓ ปี ลงเขต ๔ เมืองคอน “ได้คะแนนเพียง ๑,๓๙๔ สอบตกไม่เป็นท่า
ก่อนหน้านั้นเมื่อปี ๕๗ มีตำแหน่งแห่งหนว่าเป็นโฆษกกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ และเมื่อเดือนนี้ของปี ๕๘ พาพวกออกมาสนับสนุนนายกฯ ตู่และรัฐบาลคณะรัฐประหาร ยกป้าย “...ตู่สู้สู้” และ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ประชาชนขอร้อง”
วันนี้พออ้าปากเห็นฟันผุ เลยรีบปิดเพจแล้วจัดการแก้ไขเนื้อความ “แถลงการณ์และนัดหมายชุมนุมหายไป รวมทั้งเบอร์โทรคุณดนัยก็หายไปเช่นกัน” แม้กระทั่งทัวร์ยังไม่ทันได้ลงจริงจัง หากแต่มีการสืบสาวท้าวความอดีตเรื่อง ‘กองกำลังหลักสี่’
กุมภา ๕๗ เกิดเสียงโป้งป้างดังลั่นบริเวณสี่แยกหลักสี่ กลุ่มผู้ประท้วงของ นปช.เจอฝ่ายต่อต้านอีกสามกลุ่มยกเข้าไปเผชิญหน้า นอกจากการ์ด กปปส.ซึ่ง “ถือปืนลูกโม่สวมปลอกแขนสีเขียวซึ่งเป็นสัญลักษณ์” แล้วก็มี “กลุ่มของคนมีสี หรืออาจจะเป็นคนมีสีเอง”
กองกำลังมีสีนั้นราว ๔๐-๕๐ คน พร้อมพรั่งไปด้วยอาวุธหนัก “ทั้งอาก้า ลูกซองยาว ปืนเคบิน รวมถึงปืนทราโว่ที่แอบไว้ในกระสอบปุ๋ย” (มือปืนป็อปคอร์นไง) แล้วยังมีกลุ่มที่เหมือนดั่งเลียนแบบ ๖ ตุลา เรียกชื่อพวกตนว่า ‘ซีลราชสิทธิ์’
“เป็นกลุ่มนักเรียนอาชีวะและอดีตนักเรียนช่าง ซึ่งอยู่กับกลุ่ม คปท.มานานแล้ว ตำรวจสืบทราบว่าได้มีการฝึกและเรียนรู้เกี่ยวกับอาวุธปืนสั้นมาพอสมควร...พวกนี้จะใช้อาวุธปืนสั้นพกเป็นหลัก และอาวุธที่ใช้กันน่าจะมาจากกลุ่มคนมีสี”
นั่นละรายงานจาก ‘โพสต์ทูเดย์’ ที่ไม่ได้ระบุไว้หรอกว่ากลุ่มนั้นกลายร่างมาเป็น ‘อาชีวะช่วยชาติ’ หลังจากคณะทหารยึดอำนาจได้เบ็ดเสร็จ และโฆษกกลุ่มดังกล่าวกำลังพยายามจะสร้างความปั่นป่วนต่อต้านขบวนการประชาธิปไตยอีกครั้ง
(https://www.posttoday.com/politic/report/275955 และ https://twitter.com/quote_wiwata)