เตรียมต่ออายุ พรก.ฉุกเฉินไปอีก ๑ เดือน
วันนี้เสนอที่ประชุมใหญ่ ศบค.ที่มี ‘ประยุทธ์’ เป็นประธานเคาะโป๊ก รองประธานเฉพาะกิจ ‘คนชง’
อ้างจะไม่ใช้อำนาจจับกุมคุมขังตาม ม.๙(๒) ถ้ายังมีการชุมนุม
แต่จะใช้กฎหมายปกติแทน
มิสเตอร์จันทร์อะไรแบะท่าแล้วว่าเอาด้วย
กับข้อเสนอของพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ.ว่าจะใช้เฉพาะกฎหมายเกี่ยวข้อง เช่น
พรบ.ชุมนุม และ พรบ.ควบคุมโรค แบบว่าแค่จับไปปรับ ๒๐๐ อย่างที่สมาชิก ‘นวชีวิน’ ซึ่งไปอดข้าวหน้าทำเนียบโดน ฐานตั้งวางสิ่งของในที่สาธารณะ
ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมยังต้องต่ออายุอีกล่ะ อาจเป็นดังที่
ทราย เจริญปุระ แซะว่าเพราะนี่คือ พรก.ฉุกเฉิน ‘ชั่วโคตร’
ไม่ได้ชั่วคราว
หรือว่าเพราะจะทำให้รัฐบาลทำงานคล่องและง่ายในการผ่อนคลายสถานการณ์โควิดในระยะที่
๖ อย่างประยุทธ์อ้างจริงๆ ก็ได้
เนื่องจากจะมีการผ่อนคลายให้ดำเนินการได้ ๔
ด้าน คือเปิดรับแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ปล่อยกองถ่ายภาพยนตร์จากต่างประเทศ
กวักมือเรียกนักท่องเที่ยวเงินหนาเข้ามา เข้ามา และจัดอีเว้นต์ แสดงสินค้า
ให้มันฟู่ฟ่ากันอีก นอกนั้นอาจเป็นวาระซ่อนเร้น
การเมืองเรื่องปรับ ครม.ก็กำลังร้อนๆ อยู่
ยังหากูรูเศรษฐกิจ (ชนิดชาวบ้านไม่ร้องยี้) มาแทนสี่กุมารที่ลาออกไม่ได้ ดูเหมือนว่า
(เทียบเท่า) รัฐมนตรีกระทรวง ทส.ได้แล้ว ทำหน้าที่ถอดรองเท้าให้นายกฯ
หรืออะไรทำนองเป็นทหารคนสนิทรับใช้ (วาสนา นาน่วม ว่างั้น)
ข่าวหนาหูจะให้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ไปกุม ‘พลังงาน’ แทนตำแหน่งเดิมของ
‘สนธิรัตน์’ อดีตเลขาฯ พปชร. และร่ำๆ
ว่า ‘ตู่’ จะดึงว่าการกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมดไปอยู่ในมือ
‘ส่วนกลาง’ (นัยยะก็คือ คสช.๒)
ทำให้พรรค ‘นางรอง’ ทั้งหลายใจเต้น
ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย “ดูเหมือนว่าจะเริ่มเปิดเกมลองของ
เห็นได้จากการจับมือวอร์คเอาท์ออกจากห้องประชุม กมธ.งบประมาณ ๖๔” กรุงเทพธุรกิจ
หนังสือพิมพ์เครือเนชัวร์แย้ปๆ “สะท้อนให้เห็นถึง ‘รอยร้าว’ ภายในขั้วรัฐบาล”
แว่วๆ ว่า ‘เทพเทือก’
ก็ ‘เต้น’ เหมือนกันไม่เฉพาะที่ใจ
แต่ปากคันยิบๆ ประกาศสู้สุดฤทธิ์เก็บกระทรวงแรงงานไว้กับ รปช.ตลอดไป เมื่อข่าวซุบซิบขึ้นหน้าหนึ่งแล้วว่า
สุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้า พปชร.จะไปว่าการแทนหม่อมเต่าที่ลาออกไป
(https://www.matichon.co.th/politics/news_2275631, https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/890443 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2275642)
จะไม่ให้ ‘ระส่ำ’
อย่างที่กรุงเทพธุรกิจว่าได้อย่างไร
ในเมื่อเรือเอี้ยมจุ๊นรั่วทั้งลำกำลังจะดิ่งลงสะดือทะเล เพราะพวกฝีพายและลูกหาบยึดอำนาจจับกัปตันโยนขึ้นบก
แล้วเข้าไปเป็นไต้ก๋ง ต้นหนกันเองอย่างนี้ กระทั่งช่างเครื่องก็ยังขอโบกมือลา
รั่วหนักตอนนี้ก็ตรงห้องเครื่องแหละ “ช่วง
๘ เดือนแรกของปีงบประมาณ ๖๓ (ตั้งแต่ตุลา ๖๒ ถึงพฤษภา ๖๓) กรมภาษี ๓ กรมเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการไปถึง
๒.๑๘ แสนล้านบาท” แล้วนะ ช่างเครื่องคนปัจจุบัน
ผู้ว่า ธปท.ปลอบใจปีหน้าใช้ได้ ใช่สิก็คุณจะไม่อยู่แล้วนี่
รั่วมากที่สุดคือกรมสรรพากร “เก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าไป
๑.๓๙ แสนล้านบาท นอกนั้นลดหลั่นกันรั่ว สรรพสามิตทุนหาย
๗ หมื่นล้าน ศุลกากรแค่กำไรหด ต่ำกว่าที่ควรได้ไป ๘,๕๑๖ ล้าน กระทั่งภาษีมูลค่าเพิ่ม
หรือแว้ตที่ควรเพิ่มเพราะเจ้าของเซเว่นรวยเอาๆ
รายได้ VAT ดันไม่ถึงเป้าเหมือนกัน
หดไป ๑๓.๒% ต่ำกว่าประมาณการถึง ๗ หมื่นล้านครึ่งแน่ะ ค่อยยังชั่วก็ตรงรัฐวิสาหกิจ
“สูงกว่าเป้า ๔,๗๔๗ ล้าน” ทั้งที่ประเภทอื่นๆ ตกหมด จนทำให้โดยรวมของการจัดเก็บภาษีถึงมิถุนา
ต่ำกว่าที่ภาวนาเอาไว้เกือบสองแสนล้าน
แต่วิสาหกิจที่ทำให้รายได้ส่วนวิสาหกิจนี้ไม่ตก
อะไรรู้ไหม กองสลากกินแบ่งรัฐบาลไง ส่งเงินเข้าคลังช่วงนี้เกือบ ๑.๖ แสนล้าน
เกินเป้า ๗ พันล้าน ซึ่งกระทรวงการคลังอธิบายง่ายๆ เพราะ “การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙”
นั่นละ เศรษฐกิจฝืดเคืองอยู่แล้ว ยังมาเจอ ‘ล็อคดาวน์’ แบบมะงุมมะงาหรา ชาวบ้านตกงาน
หมดทางทำมาหากิน ก็ต้องหันเข้าหา ‘หวย’
สิ ขณะที่ ‘ผู้เป็นเจ้าเข้าครอง’ ไหนจะกระสุนต้องซื้อ
เครื่องบินเจ็ตสำหรับซีอีโอกองทัพต้องมี เงินในถุง ๕-๖ ปีควักใช้เพลินจนเกือบหมด จึงได้โอกาสกู้เพิ่มw’
