นี่ก็อีก
เรื่องทัพเรือขอใช้ที่ป่าสงวนมาบตาพุด ๔,๖๐๐ ไร่ตั้งกองพันต่อสู้อากาศยาน ทีแรกอ้างไว้ป้องกันทางอากาศโครงการ
‘อีซีซี’ ทีหลังอ้างใหม่
ใช้มา ๓๐ ปีแล้ว ‘เรื่องของกรู’ ก็เออ
นึกว่า ทร.ใกล้น้ำจะมีนวลกับเขาหน่อย หามิใช่
พล.ร.ท. ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์
รองเสนาธิการกองทัพเรือและโฆษกกองทัพเรือ เป็นหน้าเสื่อแถลงเปิดเบิ่งก่อนเลยว่า
การนำเอกสารที่กองทัพเรือยื่นเสนอต่อกรมป่าไม้มาเปิดเผยสาธารณะ “เป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการละเมิดหรือเผยแพร่ความลับราชการเป็นอย่างยิ่ง”
พี่น้องลองตรองแล้วกัน
การกระทำของกองทัพที่อ้างความมั่นคงแห่งชาติ ต้องเงียบกริบงุบงิบปกปิด
วิจารณ์ติชมไม่ได้ นี่มัน ‘โปร่งใส’ ไหม ทั้งที่กรมต่อสู้อากาศยาน (ที่ ๑) “ยื่นขอใช้ประโยชน์ที่ดินป่าสงวน
ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง” ไปยังเทศบาลมาบตาพุด
ซึ่ง “นายถวิล โพธิบัวทอง
นายกเทศมนตรีเมืองมาบตาพุด ได้มีหนังสือไปยังผู้นำชุมชนต่าง ๆ
ในพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในแต่ละชุมชนทราบ
และพิจารณาตรวจสอบว่าจะได้รับผลกระทบจากการจัดตั้งกองพันต่อสู้อากาศยานฯ หรือไม่”
พอเป็นข่าวออกมา
ชาวบ้านวิจารณ์ขรมว่าเอาพื้นที่ เอ-๑ ไปตั้งกองพัน สมมุตินะ
ว่าต่อไปเห็นว่าไม่จำเป็นต้องตั้งปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานตรงนั้น
เพราะโลกพัฒนาใช้สงครามเชื้อโรคต่อสู้กันแล้ว ทร.จะเปลี่ยนไปเป็นมอลหรือสวนน้ำเล่นสนุก
ทำมาหากินแบบ ทบ.บ้างล่ะ
ตอนนี้จะอ้างแค่ว่าเคยได้รับอนุญาตใช้ที่ป่าแห่งนี้มา
๓๐ ปี แต่ตอนนี้ที่ใกล้เขตพัฒนาอุตสาหกรรม หมูจะหามใครอย่าเอาคานเข้ามาสอดงั้นหรือ
ทั่นรองเสธฯ ที่จริงยิ่งบอกว่าที่ผ่านมาใช้ “ในการซ่อนอำพรางหน่วย
อำพรางยุทโธปกรณ์” ด้วยแล้ว
หากจะมีศานุศิษย์ บินลาเด็น
ไฮแจ็คเครื่องบินไปถล่มอีอีซีเหมือน ‘ไนน์อีเล็ฟเว่น’
ล่ะ ไอ้ที่ซ่อนอำพรางย่อมพังไปด้วย แต่ก็งั้นแหละ สมัยนี้ถ้าจะโจมตีเขาใช้
‘ไอซีบีเอ็ม’ ยิงมาจากเปียงยางหรือไซบีเรียโน่น
จะสกัดได้ต้องใช้จรวดแบบเดียวกันยิงตัดตอนจากซินเกียงถึงจะเอาอยู่
เหตุผลทางยุทธศาสตร์ของ ทร.ว่า “มีความจำเป็นด้านนิรภัยการบินในการก่อสร้างรันเวย์หมายเลข
๒ ของสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งสัมพันธ์กับความสูงและเนื้อที่ขอบเขตของเขาโกรกตะแบก ที่ตั้งประชิดบริเวณหัวรันเวย์”
อันนี้จะจะ แจ้งๆ เลยว่าสนามบินของ
ทร.จะเข้าไปก้าวล่วงความบริสุทธิ์ของป่าสงวนฯ และชีวิตอันเป็นธรรมชาติของชาวบ้าน
ยิ่งอ้าง “เป็นการดำเนินงานที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลในอดีต
จึงไม่ใช่จะนำมาปกป้องพื้นที่ (อีอีซี)
...เพราะต่อให้ไม่มี EEC
กองทัพเรือก็ต้องปกป้องสนามบินอู่ตะเภาอยู่แล้ว”
ยิ่งเป็นการใช้ตรรกะแบบวางอำนาจ ในเมื่อสิ่งอันควรคำนึงในลักษณะของการเป็นวิญญูชนแห่งศตวรรษที่
๒๑ ก็คือ สภาพการณ์เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้วเป็นอย่างหนึ่ง
จะเอาใบอนุญาตของยุคเริ่มทำถนนลูกรังใหม่ๆ
มาใช้กับยุคคอนกรีตเสริมเหล็ก ต้องให้ไปอยู่กับ ‘บุญส่ง
กุลบุพผา’ แล้วละ สมัยนี้เขามีแต่ย้ายค่ายทหารออกไปห่างชุมชน
ดูอย่างหน่วยราบ หน่วยม้าในกรุงเทพฯ สิ แล้วยังมีหน้าตบท้าย
“กองทัพเรือขอให้กรุณารับฟังผลการพิจารณาตามกระบวนการของราชการ
ซึ่งจะประกอบไปด้วยหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและคณะทำงาน ที่เข้าถึงข้อมูลความมั่นคงและนโยบายของรัฐที่เป็นชั้นความลับ”
ที่กระทบความอยู่ดีและกินดีของประชาชนเนี่ยนะ
“ไม่ควรนำมาวิจารณ์ผ่านสื่อสาธารณะจนเกิดการละเมิด”
ละเมิดอย่างไร รูปการณ์อย่างนี้ทัพเรือต่างหากที่ละเมิดชาวบ้าน กับที่อ้างอีกว่า “ผลการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพเรือที่ผ่านมา
ได้ยึดมั่นต่อการดำเนินการเพื่อประเทศชาติและประชาชน
ที่ผ่านมาเป็นเช่นไร
ปัจจุบันและอนาคตก็จะเป็นเช่นนั้น” อย่างนี้ก็ตายห่ละซี หมายความว่าจะมีการสร้างบ้านพักผู้บัญชาการชั้นหรู
มูลค่าไม่แพง ๑๑๒ ล้านเท่านั้น เพื่อทดแทนหลังเก่าที่สร้างมาแล้ว ๓๐ ปี อย่างที่เคยทำอีกสิ
ตรรกะแบบเดียวกับสหภาพการบินไทยไหมล่ะ “เพื่อประเทศชาติและประชาชน”
ก็ตอนที่ต้องการเพิ่ม ไม่อยากถูกลดนี่ละนะ