วันจันทร์, พฤษภาคม 11, 2563

"ก็เออ นึกว่า ทร.ใกล้น้ำจะมีนวลกับเขาหน่อย หามิใช่"

นี่ก็อีก เรื่องทัพเรือขอใช้ที่ป่าสงวนมาบตาพุด ๔,๖๐๐ ไร่ตั้งกองพันต่อสู้อากาศยาน ทีแรกอ้างไว้ป้องกันทางอากาศโครงการ อีซีซีทีหลังอ้างใหม่ ใช้มา ๓๐ ปีแล้ว เรื่องของกรูก็เออ นึกว่า ทร.ใกล้น้ำจะมีนวลกับเขาหน่อย หามิใช่

พล.ร.ท. ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองทัพเรือและโฆษกกองทัพเรือ เป็นหน้าเสื่อแถลงเปิดเบิ่งก่อนเลยว่า การนำเอกสารที่กองทัพเรือยื่นเสนอต่อกรมป่าไม้มาเปิดเผยสาธารณะ “เป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการละเมิดหรือเผยแพร่ความลับราชการเป็นอย่างยิ่ง”

พี่น้องลองตรองแล้วกัน การกระทำของกองทัพที่อ้างความมั่นคงแห่งชาติ ต้องเงียบกริบงุบงิบปกปิด วิจารณ์ติชมไม่ได้ นี่มัน โปร่งใส ไหม ทั้งที่กรมต่อสู้อากาศยาน (ที่ ๑) “ยื่นขอใช้ประโยชน์ที่ดินป่าสงวน ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง” ไปยังเทศบาลมาบตาพุด

ซึ่ง “นายถวิล โพธิบัวทอง นายกเทศมนตรีเมืองมาบตาพุด ได้มีหนังสือไปยังผู้นำชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในแต่ละชุมชนทราบ และพิจารณาตรวจสอบว่าจะได้รับผลกระทบจากการจัดตั้งกองพันต่อสู้อากาศยานฯ หรือไม่”

พอเป็นข่าวออกมา ชาวบ้านวิจารณ์ขรมว่าเอาพื้นที่ เอ-๑ ไปตั้งกองพัน สมมุตินะ ว่าต่อไปเห็นว่าไม่จำเป็นต้องตั้งปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานตรงนั้น เพราะโลกพัฒนาใช้สงครามเชื้อโรคต่อสู้กันแล้ว ทร.จะเปลี่ยนไปเป็นมอลหรือสวนน้ำเล่นสนุก ทำมาหากินแบบ ทบ.บ้างล่ะ

ตอนนี้จะอ้างแค่ว่าเคยได้รับอนุญาตใช้ที่ป่าแห่งนี้มา ๓๐ ปี แต่ตอนนี้ที่ใกล้เขตพัฒนาอุตสาหกรรม หมูจะหามใครอย่าเอาคานเข้ามาสอดงั้นหรือ ทั่นรองเสธฯ ที่จริงยิ่งบอกว่าที่ผ่านมาใช้ “ในการซ่อนอำพรางหน่วย อำพรางยุทโธปกรณ์” ด้วยแล้ว

หากจะมีศานุศิษย์ บินลาเด็น ไฮแจ็คเครื่องบินไปถล่มอีอีซีเหมือน ไนน์อีเล็ฟเว่นล่ะ ไอ้ที่ซ่อนอำพรางย่อมพังไปด้วย แต่ก็งั้นแหละ สมัยนี้ถ้าจะโจมตีเขาใช้ ไอซีบีเอ็มยิงมาจากเปียงยางหรือไซบีเรียโน่น จะสกัดได้ต้องใช้จรวดแบบเดียวกันยิงตัดตอนจากซินเกียงถึงจะเอาอยู่

เหตุผลทางยุทธศาสตร์ของ ทร.ว่า “มีความจำเป็นด้านนิรภัยการบินในการก่อสร้างรันเวย์หมายเลข ๒ ของสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งสัมพันธ์กับความสูงและเนื้อที่ขอบเขตของเขาโกรกตะแบก ที่ตั้งประชิดบริเวณหัวรันเวย์”

อันนี้จะจะ แจ้งๆ เลยว่าสนามบินของ ทร.จะเข้าไปก้าวล่วงความบริสุทธิ์ของป่าสงวนฯ และชีวิตอันเป็นธรรมชาติของชาวบ้าน ยิ่งอ้าง “เป็นการดำเนินงานที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลในอดีต จึงไม่ใช่จะนำมาปกป้องพื้นที่ (อีอีซี)

...เพราะต่อให้ไม่มี EEC กองทัพเรือก็ต้องปกป้องสนามบินอู่ตะเภาอยู่แล้ว” ยิ่งเป็นการใช้ตรรกะแบบวางอำนาจ ในเมื่อสิ่งอันควรคำนึงในลักษณะของการเป็นวิญญูชนแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ก็คือ สภาพการณ์เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้วเป็นอย่างหนึ่ง

จะเอาใบอนุญาตของยุคเริ่มทำถนนลูกรังใหม่ๆ มาใช้กับยุคคอนกรีตเสริมเหล็ก ต้องให้ไปอยู่กับ บุญส่ง กุลบุพผา แล้วละ สมัยนี้เขามีแต่ย้ายค่ายทหารออกไปห่างชุมชน ดูอย่างหน่วยราบ หน่วยม้าในกรุงเทพฯ สิ แล้วยังมีหน้าตบท้าย

“กองทัพเรือขอให้กรุณารับฟังผลการพิจารณาตามกระบวนการของราชการ ซึ่งจะประกอบไปด้วยหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและคณะทำงาน ที่เข้าถึงข้อมูลความมั่นคงและนโยบายของรัฐที่เป็นชั้นความลับ” ที่กระทบความอยู่ดีและกินดีของประชาชนเนี่ยนะ

“ไม่ควรนำมาวิจารณ์ผ่านสื่อสาธารณะจนเกิดการละเมิด” ละเมิดอย่างไร รูปการณ์อย่างนี้ทัพเรือต่างหากที่ละเมิดชาวบ้าน กับที่อ้างอีกว่า “ผลการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพเรือที่ผ่านมา ได้ยึดมั่นต่อการดำเนินการเพื่อประเทศชาติและประชาชน
 
ที่ผ่านมาเป็นเช่นไร ปัจจุบันและอนาคตก็จะเป็นเช่นนั้น” อย่างนี้ก็ตายห่ละซี หมายความว่าจะมีการสร้างบ้านพักผู้บัญชาการชั้นหรู มูลค่าไม่แพง ๑๑๒ ล้านเท่านั้น เพื่อทดแทนหลังเก่าที่สร้างมาแล้ว ๓๐ ปี อย่างที่เคยทำอีกสิ

ตรรกะแบบเดียวกับสหภาพการบินไทยไหมล่ะ “เพื่อประเทศชาติและประชาชน” ก็ตอนที่ต้องการเพิ่ม ไม่อยากถูกลดนี่ละนะ

(https://www.dotproperty.co.th/blog/99, https://www.mcot.net/viewtna/5eb7c111e3f8e40aef4382b9 และ https://hilight.kapook.com/view/202041)