วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 21, 2563

แผน ‘หิ้ว’ แขนการบินไทย ท่าจะกลายเป็น 'จุดตัด' กับ ‘สี่กุมาร’ ประชารัฐ

ไทยรัฐเขียนข่าวแบบนี้ เสี้ยม นี่หว่า เกี่ยวกับการ หิ้วแขนการบินไทย หนีบ้าง ล้างบ้างหนี้ที่มีอยู่ ๒ แสน ๕ หมื่นล้าน ด้วยแผน ฟื้นฟู ผ่านระเบียบกฎหมายว่าด้วยการ ล้มละลายโดยเชิดศักดิ์สยามว่า ทุบโต๊ะไม่เอาแผนเดิมของ คนร.

ข่าวนั้นแจ้งผลการประชุมระหว่างกระทรวงคมนาคมและการบินไทย เพื่อวางมาตรการปฏิบัติตามมติ ครม.เมื่อ ๑๙ พ.ค. ที่ให้แก้ปัญหาการบินไทยด้วยการฟื้นฟูผ่านศาลล้มละลายกลาง อันรวมถึง “กระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือครองหุ้น ๕๑% ลงเหลือ ๔๗%

โดยขายให้แก่กองทุนวายุภักษ์ในสัดส่วน ๖๕ ล้านหุ้นเศษ ในราคา ๔ บาทจากราคา ๑๔ บาท” พร้อมทั้งปรับองค์กร ลดจำนวนพนักงานลง อาจถึงหมื่นหรืออย่างน้อยกว่า ๓๐% ใกล้ ๗ พันคน ซึ่งวิธีนี้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ไม่เห็นด้วย

และขาดประชุมร่วมคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจมาแล้ว ๔ ครั้ง นัยว่ายืนกรานจะเอาแผนเดิมที่ให้กระทรวงคลังค้ำประกันหนี้ที่มีอยู่กับบริษัทเจ้าของฝูงบินและอุปกรณ์ต่างๆ จำนวน ๕.๔ หมื่นล้านบาท และป้องกันขาดสภาพคล่อง

รวมทั้งจะต้องอัดฉีดเพิ่มทุนอีก ๘ หมื่นล้านบาท ทว่า ครม.เลือกที่จะทำตามแนวทางของรัฐมนตรีคมนาคม ดังที่ รมช.คมนาคม ถาวร เสนเนียม อธิบายว่า “ผิด พ.ร.บ.การเงินการคลังฉบับใหม่” อีกทั้งในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา รัฐบาลทำแผนฟื้นฟูของตัวเองมาแล้ว ๘ ครั้ง

“แต่การบินไทยเองก็ทำแผนไม่เคยสำเร็จ” ยิ่งขณะนี้ เจ้าหนี้เริ่มเปิดฉากทวงเพื่อให้ได้รับหลักประกันการใช้หนี้ก่อนที่จะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของศาลล้มละลาย โดยเฉพาะบริษัทแอร์บัสที่การบินไทยเช่าเครื่องบินอยู่ ๓๐ ลำ

การหายหน้าหายตาของสมคิด อ้างว่าป่วยเบาหวานกำเริบ ประจวบเหมาะเจาะกับเสียงลืออื้ออึง สี่กุมารประชารัฐเตรียมแยกพรรค ซึ่งล่าสุดถึงขนาดลงรายละเอียดว่าสมคิด อุตตม สาวนายน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แถมด้วย วทันยา โอภาสี

นัดกันไปคุยที่โรงแรมหรรษาแถวหลังสวน ตกลงจะตั้งพรรคใหม่ชื่อ สร้างไทยทำให้สนธิรัตน์ต้องออกมาแก้ข่าว “ไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยข่าวหวังลดความน่าเชื่อถือ และสร้างความเสียหายแตกแยกแก่พรรค ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”

ถึงแม้ว่าจะมีการนัดพบกันเมื่อวันที่ ๑๙ พ.ค.จริง ก็แค่ “พูดคุยกันระหว่างนักการเมืองเป็นเรื่องปกติ” ที่มีอยู่บ่อยๆ ส่วนวันนั้น “พูดคุยกันจริงกับทีมงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการทำงาน แต่ยืนยันไม่มีเรื่องของการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่อย่างที่เป็นข่าว”


แต่กระนั้นว่าที่หัวหน้าพรรค พปชร.คนใหม่หน้าแก่และสังขารเก่า ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกเดินสายเยี่ยมโน่นเยี่ยมนี่ถี่ยิบ ลูกทีมทั้งในพรรคและพรรคร่วมต่างคึกคัก นอกจากสาย ชิดชอบแล้วยังมี พ่อค้าแป้งมันก็เล่นลูก ฟื้นฟู กับเขาด้วย

หลังจากที่อธิบดีกรมบังคับคดีให้เบาะแสว่า พวกบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-๑๙ จนใช้หนี้ไม่ทันอาจถูกฟ้องบังคับคดีหรือขอให้ล้มละลายขายทอดตลาดได้ ไม่ต้องตกใจ พากันไปเข้ากระบวนการฟื้นฟูได้
 
นางอรัญญา ทองน้ำตะโก ชี้แจงว่าถ้าไปเข้าโครงการแล้วศาลรับคำร้อง “ทําให้เกิดสภาวะพักชําระหนี้” ทันที “จะห้ามมิให้บรรดาเจ้าหนี้ฟ้องผู้ประกอบการเป็นคดีแพ่ง หรือคดีล้มละลายต่อศาล และห้ามมิให้บังคับคดีแก่ทรัพย์ของผู้ประกอบการ”

ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เลยเอาบ้าง อ้างว่าช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา อตก. หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เกิดการขาดทุนสะสมถึง ๒ พันล้านบาท แม้จะยังดำเนินกิจการไปได้เรื่อยๆ และไม่ได้ขาดสภาพคล่องก็ต้องฟื้นฟูเหมือนกัน

รมช.ที่ศาลออสเตรเลียรู้จักดีบอกว่า “อ.ต.ก. ต้องสะสางแจงบัญชีหนี้ทั้งหมดเพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ให้แล้วภายใน ๒-๓ เดือนนี้เพื่อที่จะขอตั้งงบประมาณปี ๖๔ ได้” แม้ไม่จำเป็นที่จะเข้ารับการฟื้นฟู ก็ต้องจัดการยืดหนี้และหยุดชำระก่อน

โดยเฉพาะหนี้เหล่านั้นไม่ได้เกิดจากผลประกอบการล้มเหลวเหมือนการบินไทย ที่องค์กรทำผิดพลาดเอง แต่หนี้ อตก.เกิดจากโครงการที่รัฐบาลสั่งให้ทำทั้งนั้น เช่นซื้อปุ๋ยและรับจำนำสินค้า เจ้าหนี้ อตก.ล้วนเป็นหน่วยงานรัฐบาล

อย่างไรก็ดีธรรมนัส พรหมเผ่า คุยว่าขระนี้ อตก.ยังทำกำไรได้ “ในปีที่ผ่านมามูลค่า ๘๐ ล้านบาท มีกำไร ๓%” จากการจำหน่ายสินค้าให้แก่เรือนจำ “ส่วนในปีนี้ที่ขายได้ตลอดทั้งปี คาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น”


อ้าว อย่างนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องร้องแรกแหกกะเฌอขอความช่วยเหลือนี่ แค่สร้างซีนให้ติดกระแส รอเสียบ ครม.ชุดใหม่หลังจากโควิดสงบ งั้นสิ