วันอาทิตย์, พฤษภาคม 17, 2563

อุ้มน่ะอุ้มอยู่แล้ว ‘การบินไทย’ ทั้งที่ ‘ล้มละลาย’ ได้เวลาเผาจริง


อุ้มน่ะอุ้มอยู่แล้ว การบินไทยไม่งั้นจะเก็บชื่อนี้ไว้ทำไม ไม่เปลี่ยนเป็นการบิน (อัล) ไต การบินเสียม (ไซแอม) รู้แล้วรู้รอดไป แต่อุ้มแบบไหนนี่สิสำคัญ อุ้มกระเตง อุ้มแนบอก หรืออุ้มแบบกระชับใต้รักแร้ยกให้เดินเตาะแตะตั้งไข่

ทั้งที่ เดอะ สแตนดาร์ดออกประกาศวันนี้ว่า “การบินไทยแจง คณะกรรมการบริษัทฯ ไม่มีมติยื่นศาลล้มละลาย” โดยไม่ระบุแหล่งข่าว โดยย้ำ “ขณะนี้แผนฟื้นฟูของบริษัทฯ (๒๙ เมษา ๖๓) อยู่ระหว่างนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี”

แต่ ผลการประชุมคณะกรรมการการบินไทยเมื่อ ๑๕ พฤษภา ที่ Banyong Pongpanich อดีตบอร์ดคนหนึ่ง พูดถึงแนวทางแก้ไขอาการ เจ๊งไม่เป็นท่าของสายการบิน แห่งชาตินี้ในที่สาธารณะมากกว่าใครๆ ว่า “มาถูกทางแล้วครับ...”

ก็คือ “การยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลาย” รวมทั้งยื่น “Chapter 11 ด้วยก็เพราะเจ้าหนี้ leasing บางรายอาจไม่ถูกบังคับด้วย กม.ไทย ต้องพึ่งกฎหมายอเมริกัน” ทั้งนี้ “ระหว่างดำเนินการสามารถประกอบกิจการต่อไปได้ ไม่ต้องหยุด”

ประชากรทั่วไปที่ต่างจ่ายคนละมากบ้างน้อยบ้าง ป้อนบริษัทการบินไทย ผู้บริหาร และพนักงานกว่าสองหมื่นคนเรื่อยมา แล้วคงจะยังต้องจ่ายอยู่แต่น้อยหน่อย ต้องเข้าใจกับภาษากฎหมาย ล้มละลาย และ ‘Chapter 11’ จะได้ไม่ดราม่า

อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.เกษตรฯ มีบทบาทมากหน่อยตอนนี้ เพราะพา ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พรรคเนรวินเหมือนกัน พร้อมด้วย รมช.พรรค ปชป.ไปคุยกับเฮียตู่เค้าที่ทำเนียบ กลับออกมาประกาศว่านายกฯ เห็นด้วยให้ ฟื้นฟู

พูดบ่ายเบี่ยง “ฟื้นฟู ไม่ใช่ล้มละลาย” พยายามอธิบายว่า “แทนที่จะขายทรัพย์สินหรือขายทอดตลาด แล้วนำมาแบ่งเฉลี่ย อาจจะได้คนละนิดหน่อย แต่การให้โอกาสในการฟื้นฟูกิจการภายใต้กฎกติกามารยาทใหม่ทั้งหมด กิจการนี้ก็อาจจะรอด”

ทั้งๆ เหล่านั้นอยู่ภายใต้กฎหมายล้มละลาย ต่างกับที่กระทรวงการคลังผู้ถือหุ้น ๕๑% เสนอไว้ ค้ำประกันเงินกู้แก้สภาพคล่อง ๕๔,๐๐๐ ล้าน ตามด้วยเพิ่มทุนอีก ๘ หมื่นล้าน ที่ใครๆ ร้องยี้ทั้งนั้น ยกเว้น สหภาพฯ การบินไทย

แต่ข้อเสนอของ คลังฯมีติ่งให้ปรับสภาพบริษัทออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยขายหุ้นของตนออกไป ๒ เปอร์เซ็นต์เหลือแค่ ๔๙% (จะได้ไม่โดนสหภาพฯ คอยไถ ว่างั้นเถอะ) แม้ว่าพวกที่จะมาซื้อก็ยังเป็นประเภทวิสาหกิจของรัฐอยู่ดี (ธ.ออมสิน งี้)

โดยหลักกว้างๆ ทั้ง พรบ.ล้มละลายไทยและ ‘Chapter 11’ อเมริกัน ล้วน อุ้ม คนที่ล้มละลายเหมือนกัน แต่เป็นการอุ้มให้ตั้งไข่ หนี้ล้นพ้นตัวชะลอไม่ให้เจ้าหนี้ทึ้งคนละชิ้นคนละอันเหมือนหมาไน ฮายีน่าจนกว่าจะเดินได้แล้วค่อยผ่อนจ่ายคืน
 
ทั้งนี้จากคำของ บรรยง พงษ์พานิช ว่า “แม้กิจการมีปัญหา แต่การบินไทยยังมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ...ต้องขึ้นอยู่กับการจัดทำแผนฟื้นฟู ซึ่งเป็นกระบวนการสากลที่หลายสายการบินทั่วโลกเคยผ่านมาแล้ว หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เจแปนแอร์ไลน์”

ข้อสำคัญต้องมีการ อัดฉีด(ที่บรรยงชี้ว่า ๕.๔ หมื่นล้านไม่พอ) พร้อมๆ ไปกับ “ถูกบังคับให้โปร่งใสภายใต้กฎหมายล้มละลาย” รวมถึง “เลือกคนที่เข้ามาเป็นผู้นำในการพลิกฟื้นธุรกิจ...ในเวลา ๒ ปีเศษ” ตามแบบ เจแปนโมเดล

หากแต่ เสี่ยหนูออกลูกกร่างนิดๆ “แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นกระทรวงคมนาคมที่ผมกำกับดูแล เพียงได้แต่เสนอเท่านั้น แต่ทั้งหมดอยู่ที่ผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะกระทรวงการคลังก็ต้องไปพูดคุยกันอีกที” ไม่รู้ มติชน โคว้ตผิดคนหรือเปล่า

ในข่าวบอกอนุทินแจง “ผมคิดว่าตอนนี้เหลือเพียงซอยเดียวแล้ว...ถ้าไม่ฟื้นฟูเราไปต่อไม่ได้ ตอนนี้เรามีสถานการณ์โควิด สายการบินก็ไม่ได้บิน เดินทางเข้าประเทศต่างๆ ก็ไม่ได้ สายการบินในประเทศรายได้ก็หายไปมาก”

เป็นอันว่าที่ บอร์ด เคาะออกมาจะเอาไปเสนอคณะกรรมการกำกับรัฐวิสาหกิจ (ที่เฮียตู่เป็นประธาน) ในวันที่ ๑๘ พ.ย.นี้ เรื่องสำคัญคือขอให้แก้ “มติ คนร.เมื่อวันที่ ๒๙ เม.ย.ที่ผ่านมา ที่เน้นการแก้ปัญหาสภาพคล่อง” แล้วเข้าสู่กระบวนฟื้นฟูต่อไป

เน้น “ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย” ในเมื่อ “ภาระหนี้สินที่การบินไทยมีอยู่ในขณะนี้ พบว่ามีสูงกว่า ๒ แสนล้านบาท โดยสัดส่วนมากกว่า ๓๐% เป็นภาระหนี้สินเกี่ยวกับค่าเช่าเครื่องบิน มีเจ้าหนี้ คือ บริษัทต่างชาติที่เป็นเจ้าของเครื่องบิน เช่น แอร์บัส”

ซึ่ง “การบินไทยสามารถเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อพักชำระ ยืดเวลาชำระหนี้ หรือจ่ายหนี้คืนด้วยหุ้น” ที่บรรยง บอกว่า “ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ทำแผนล่ะครับ” โดย คมนาคม ตั้งแล้ว “ให้นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย จัดทำรายละเอียด”


ลงเอยท้ายที่สุด การบินไทยก็ยังได้รับการอุ้มต่อไป ทั้งที่ ล้มละลายจะเผาจริงอยู่แล้ว จะเพราะจากที่ “ลือว่ารัฐมนตรี ๓๓ คนต่างโหวตให้การบินไทยล้มละลาย มีเพียง ๓ คนเท่านั้นที่โหวตให้การบินไทยไปต่อ ได้แก่ ประยุทธ์-สมคิด-อุตตม”

ดัง Piangdin Rakthai ปูดไว้เรื่อง “ใครสั่งอุ้ม ใครโทรมา...ถือเป็นการตบหน้าประชาชนครั้งใหญ่ เพื่อเอาใจอภิสิทธิ์ชน” แหม่ เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องสั่ง แค่เมื่อไรจะทำไม่ถูกใจก็ห้ามเท่านั้นเอง โมเดล ๑๐ ต่างจากโมเดล ๙ ตรงที่

เมื่อก่อนคนรับใช้คอยถาม ได้ ไม่ได้ แล้วค่อยทำ เดี๋ยวนี้รู้ดีอ่านใจขาด พลาดจริงๆ เขาห้ามเอง