กู้เงิน 1 ล้านล้าน ไม่ให้ประชาชนตรวจสอบ พบเอกสารขอกู้มีแค่ 7 หน้า ‘ประยุทธ์’ ยอมรับเงินหมดประเทศแล้ว
ในรัฐสภาซึ่งถ่ายทอดไปทั่วประเทศ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศชัด จะไม่ยอมให้มีการตั้งคณะกรรมการภาคประชาชน หรือ คณะกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ออกแนว ‘กู้มาโกง’ เพราะ รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งมีการคัดเลือกกันเอง ตรวจสอบกันเอง แม้จะมีตัวแทนจากภาคธุรกิจ แต่ก็คงลงท้ายเหมือนกับซูเปอร์บอร์ดการบินไทย ที่เป็นร่างทรงนักการเมืองเข้าไปรุมทึ้งโกงกินผลประโยชน์กันสามฝ่าย ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ
“ร่างพรก.เงินกู้มาโกง มีเอกสารเพียง 7 หน้าคิดเป็นหน้าละ 1.4 แสนล้านบาท มี 148 บรรทัด บรรทัดละ 6800 ล้านบาท มี 10375 ตัวอักษร เดียวคิดเป็นเงินละ 96 ล้านบาท” วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
มีเงินกู้ที่ไหนในโลก มาขอกู้แล้วส่งเอกสารมา 7 แผ่น สะท้อนถึงจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าจะทำอะไรกัน เป็นวิธีโกงกินกันแบบหน้าด้านและตรวจสอบไม่ได้ คำว่าเราไม่ทิ้งกันแต่แท้จริง คือ พวกเราไม่ทิ้งกันพวกมันให้ทิ้งไป ใครชนะไม่รู้แต่ตอนนี้ประชาชนเป็นผู้พ่ายแพ้ และกำลังจะมีผู้พ่ายแพ้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆภายใต้ผู้นำประยุทธ์
พอรัฐบาลจมอยู่กับปัญหาเฉพาะหน้าจนแก้ไม่ไหวก็ต้องขู่ประชาชนและใช้อำนาจพระราชกำหนดฉุกเฉินไปเรื่อยๆ พิมพ์เอกสารเอสี่ใส่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนฟ้องร้องไม่ได้ เป็นการแก้ปัญหาแบบอันธพาลคุมซอย ดังนั้น การกู้เงินไม่ใช่ปัญหาแต่อยู่ที่วิธีคิด หากรัฐบาลทำอย่างนี้จะทำให้ความเหลื่อมล้ำบานปลาย
>>ประยุทธ์ ยอมรับ เงินหมดประเทศแล้ว
“รัฐบาลมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้เงินเร่งด่วนประมาณ 1 ล้านล้านบาท เป็นกรณีฉุกเฉิน และเป็นทางเลือกสุดท้ายรัฐบาลในการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเงินงบประมาณไม่พอแล้ว รองบ(เงินภาษี)ถึงปีหน้าไม่ได้” ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวรายงานในรัฐสภา
“การกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ไม่ถือว่าขัดต่อระเบียบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดกรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไว้ที่ ไม่เกินร้อยละ 60 การกู้ครั้งนี้จะมีสัดส่วนร้อยละ 59.96 ยังไม่ถือว่าเลยกรอบที่กำหนดไว้”
>>>ไทยเจ๊งหนักสุดในอาเซียน
Bloomberg รายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่าติดลบ 6.62% เลวร้ายสุดในอาเซียน รัฐบาล ประยุทธ์ ใช้งบมากสุดตั้งแต่ก่อตั้งประเทศไทย คือ 21 ล้านล้านบาท แต่เป็นยุคที่มีคนจนมากที่สุด
...
...ความคิดเห็นต่อการประชุมสภาผู้แทนราษฏรเพื่อพิจารณาอนุมัติพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 3ฉบับ ดำเนินมาเป็นวันที่2 แล้ว สะท้อนความจริงพื้นฐาน 4 ประการ
1 รัฐไทย รัฐบาลประยุทธ์ ไม่มีเงิน หนี้สินจะล้นพ้นตัว กำลังล้มละลาย แล้ว
2 การต่อสู้ต่อต้านโคโรนาไวรัส ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ยิ่งใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เศรษฐกิจถดถอย ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้นทวีคูณ ประเทศต่างๆ ต้องกู้เงิน แต่ประเทศประชาธิปไตยจะเสนอแผนและขออนุมัติกู้เงินจากสภาฯก่อนมาเป็นระยะๆ มิใชใช้วิธีออกพ.ร.ก. รวบหัวรวบหางบังคับรัฐสภาอนุมัติในคราวเดียว ดังที่รัฐบาลประยุทธ์ ทำอนู่ในเวลานี้
3 เนื่องจากรัฐธรรมนูญบังคับให้รัฐบาลหรือฝ่าบริหารต้องขออนุมัติจากสภาผู้แทนราษฏร รัฐบาลจึงต้องเสนอต่อสภาผู้แทนฯ และจำต้องนั่งรับฟังความคิดเห็นโดยเฉพาะส.ส. พรรคฝ่ายค้านอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์ เสนอความคิดเห็น และใช้อำนาจซึ่งมีอยู่น้อยนิด อนุมัติ หรือไม่อนุมัติ พ.ร.ก. แม้สุดท้าย ก็ต้องแพ้ตามสภาพที่เป็นฝ่ายเสียงข้างน้อย แต่ก็ขอให้แสดงบทบาทอย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ
4 พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ดังกล่าว คงจะช่วยต่ออายุรัฐบาลเผด็จอำนาจประยุทธ์-ประวิตร ไประยะหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวโน้มสถานการณ์การเมืองหลังโควิด19 ประการหนึ่ง ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต้องติดตาม ตาวจสอบการใช้เงินกู้ การชำระหนี้ เพราะจะมาจากภาษึของประชาชนและเงินในอนาคตของลูกหลานไทยทุกคน
พรรคฝ่ายค้านจะต้องไม่อนุมัติพ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับ
Jaran Ditapichai