พูดกันหนักว่าความวุ่นวายภายในพรรคพลังประชารัฐเวลานี้เพราะ
‘สายการเมือง’ กำลังฮึกเหิม
จากการที่สยบฝ่ายค้านเกือบราบคาบ มีแต่สายตื๊อนอกสภาที่ยังไม่ยอมลดละ ฉกฉวยโอกาสขณะที่สาย
‘เทคโนแครท’ ไร้น้ำยา
‘สี่กุมาร’
พปชร.ตั้งแต่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อุตตม สาวนายน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
และสุวิทย์ เมษินทรีย์ เคยเป็นความหวังของ คสช.ว่าจะทำให้รัฐบาลคณะรัฐประหาร ‘ยั่งยืน’ ไปตลอดยุค ‘มั่งคั่ง’
หลังจากกุมอำนาจเบ็ดเสร็จด้วยเวทย์มนต์กฎหมายอย่าง ‘มั่นคง’ มาแล้ว ๕ ปี
โรคระบาด ‘โควิด-๑๙’
เป็นวิกฤตที่ให้โอกาสรัฐบาลสืบทอดอำนาจได้รักษาความมั่งคั่งจากการกู้นับจำนวนล้านล้าน
เมื่อเป็นที่ประจักษ์ (ก่อนโควิดจะมา) แล้วว่าทีมประชารัฐทั้งสี่ ‘บ่มี้ไก๊’ ไม่เป็นท่า การจะเปลี่ยนมือไปจากคนเหล่านี้จึงดูชอบธรรมอยู่
ว่าไปแล้ว ‘โหรวารินทร์’
นี่อ่านไต๋เก่งพอดู (‘กึ๋น’ ความแม่นยำทางโหราศาสตร์ไม่ได้มีหรอก) ที่บอกว่าดวงของ ‘ตูบ’ ยังแข็งโป๊กอยู่ โดยพ่วงกับอีกสอง ป.
แค่เหนื่อยหน่อย “จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” กับพี่ป้อม-พี่ป็อก ไม่ช้า “ภายในเดือนพฤษภา
ทุกอย่างน่าจะคลี่คลาย”
ก็คือหมายความว่าสามพี่น้องนี่เขารู้กัน
นั่งบนภูดูลิ่วล้อก่อหวอดไป เหมือนเมื่อก่อนยึดอำนาจพวกนั่งห้างหางแถวโหมกันนักหนา
ว่าน้องสาวจะแย่งพี่ น้องชายสายนาย พอเสร็จจาก ‘อักษะ’
ทุกอย่างเริ่มกระจ่าง มาฟันธงได้ตรงใจก็ตอนน้องชายหักดิบพี่สาว
ข้อสำคัญวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ แนะว่าต้องใช้
พรก.ฉุกเฉินต่อไป ถึงปลายมิถุนาโน่นละจึงจะปรับ ครม.ได้ (ตามข่าว ‘แนวหน้า’ ที่เป็นแฟนคลับ ‘ปวิน’) แต่สายการเมือง ไม่ว่า วิรัช รัตนเศรษฐ์ หรือ ธรรมนัส พรหมเผ่า ฉวยโอกาสก่อกระแสไว้ก่อน
ได้สาย ‘สามมิตร’ เข้ามาเสริม ทั้งอนุชา นาคาสัย และสมศักดิ์ เทพสุทิน ไปจนถึงสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ อุดส่าห์ ‘ดูด’
มากับมือแท้ๆ ทำท่าจะต้องไปยืนหลบเงา อนุทิน ชาญวีรกูล และศักดิ์สยาม ชิดชอบ แห่งภูมิใจไทย
ก็ใช่ที่ ปฏิบัติการ ‘เขียนใบลาออก’
เตรียมไว้ จึงเกิด
มีการวางตัวไว้ชิงเลขาธิการพรรคล่วงหน้ากันแล้วคึกคัก
สายเฮียป้อมให้ ‘อนุชา’ กรอกใบสมัครไว้แล้ว
โดยที่สายสามมิตรชู ‘สุริยะ’ สุดๆ
แต่มีสาย กปปส.ขอเทียบด้วยคน เมื่อผัวทยา ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ก็สนตำแหน่งนี้เหมือนกัน
(ทั้งที่ปากว่าไม่เอ๊า ไม่เอา)
อันพรรค ‘เนรวิน’
นี่เค้าบินสูงมาแต่อ้อนแต่ออก ฉวยจังหวะไม่ต้องรอโอกาสเมื่อ ตลก.ปักธงชัยเฉลิมพล
กำจัด ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยุบพรรคอนาคตใหม่ ตัดสิทธิสิบปีจารย์ป็อก-สาวช่อ ด้วยการกวาด
‘งูเห่า’ อนค. ไปไว้ในคอกสิบกว่าตัว
ทำให้กลายเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง
ภท.ยังเป็นพรรคการเมืองในสภาที่มีจำนวนมากเป็นอันดับสามรองจากเพื่อไทยและพลังประชารัฐ
ถีบประชาธิปัตย์หล่นไม่เป็นท่า เห็นว่า ส.ส.ที่ดูดมาคนหนึ่ง
ซึ่งทำให้คะแนนเสียงในพื้นที่โกรธขึ้งมาก ก่นด่ากันไม่เว้นแต่ละวัน
เนื่องจากเขาเลือกพรรค แต่เธอว์เอาไปขายกินซะนี่
เวลานี้ ‘เจ๊า’
ไล่ปิดปากแกนนำที่ตั้งหลักด่า นัยว่าใช้ตำรา คสช.
บวกกับเงินหนาเจ้าของ ‘ไอ-โมบาย’
เขียนเสือให้วัวกลัว ‘ฟ้องดะ’ เปิดทางไว้เผื่อว่ามีการเปลี่ยนภายหน้า
อาจจะมีโอกาสรับ ‘ส้มหล่น’
แบบเบี้ยร่ายปลายทาง
เหมือนอย่างที่พวก ‘แรมโบ้’ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ เอย ‘เอ๋’ ปารีณา ไกรคุปต์ เอย รวมทั้ง สิระ ‘เจนจาคะ’ กำลังใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ
จาบจ้วง ใส่ความ พวกต่อต้านเผด็จการ คสช.
สร้างราคาไว้พลอยได้รับอาณิสงค์กับเขาด้วย
ทีเด็ดของสายการเมืองใน
พปชร.ตอนนี้อยู่ที่ข่าวปล่อยเรื่องสนธิรัตน์ “เรียก ส.ส.ของพรรคหลายคนไปพบยังห้องทำงานที่กระทรวงพลังงาน
พร้อมได้เสนอความดูแลให้กับ ส.ส.เป็นตัวเลข ๘ หลัก” โดยใช้งบประมาณจากกองทุน ‘อนุรักษ์พลังงาน’
จะแก้เกมกันอย่างไรอาจต้องลากยาวไปกว่าที่ ‘โหร’ ว่า ตอนนี้ซื้อเวลาไปก่อนด้วยการเชื่อโหร
ยังไม่หยุดใช้ พรก.ฉุกเฉินบังคับ อย่างน้อยๆ ป้องกันเสียงครหานินทาความ ‘ไร้น้ำยา’ ซึ่งทีมเศรษฐกิจทำให้ตัวหัวโจกกลายเป็น ‘โจ๊ก’ ไม่พอ
ทั้งกระบวนการสืบทอดอำนาจกำลังถูกสนิมร้ายเนื้อใน
กัดกินเสียจนกร่อนใกล้ถึงกระดูกเข้าไปทุกทีนี่แล้ว