วันอาทิตย์, กันยายน 01, 2562

"ช่วยไม่ได้ที่มีคนคิดมาก" จาก ‘ไม่ยืนในโรงหนัง’ ถึง 'ทหารเกณฑ์พระราชทาน'

ประเด็น ไม่ยืนในโรงหนัง ระหว่างเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี กลับมาเป็นปัญหาทางสังคมอีกครั้ง เมื่อมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวนมาก (ประมาณ ๒๐ คน) ไปควบคุมและตรวจตราไม่ให้มีคนนั่งเฉย ไม่ยอมลุกขึ้นยืนถวายความจงรักภักดี

ทั้งนี้เนื่องจากมีการนัดหมายโดยกลุ่มรณรงค์ทางเฟชบุ๊คชื่อ นักการมีมซึ่งต่อมาได้ปิดตัวเองลง หลังจากที่มีเจ้าหน้าที่ไปสอบสวน ผู้เป็น แอ็ดมินกล่าวกับ บีบีซีไทย ว่า “ไม่คาดคิดว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปในโรงภาพยนตร์เยอะขนาดนี้”

การรณรงค์ Not Stand at Major Cineplexครั้งดังกล่าวเมื่อวันที่ ๓๑ ส.ค. ที่โรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนาเพล็ก สาขาสยามพารากอนนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีการเปิดเผยโดยเพจ ศาสนวิทยา ของ dr.Sinchai Chaojaroenrat แจ้งว่า

“ทางเมเจอร์มีมาตรการให้พนักงานตรวจเช็คผู้ใช้บริการ ในช่วงเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนหนังฉาย หากพบว่ามีบุคคลที่ไม่ประสงค์ที่จะยืน จะขอให้ออกจากโรงหนังก่อน แล้วค่อยกลับเข้ามานั่งใหม่ในช่วงที่หนังเริ่มฉาย”

ทำให้เกิดการนัดหมายไม่ยืนในโรงหนังระหว่างเปิดเพลงสรรเสริญฯ “ครั้งแรก Paragon Cineplex ครั้งต่อไป โรงใกล้บ้านคุณ” มีผู้แสดงความสนใจไปที่เพจจะร่วมกิจกรรมด้วยถึง ๔,๙๐๐ ราย จึงปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ไปตรวจตรามากกว่าจำนวนผู้ไม่ยืนกว่าเท่าตัว

อย่างไรก็ดีบีบีซีไทยบอกว่าได้สอบถามไปยังกระทรวงวัฒนธรรมถึงการไม่ลุกขึ้นยืนระหว่างเพลงสรรเสริญพระบารมีฯ ว่าเป็นความผิดหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า “กำหนดให้ประชาชนยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งมีโทษปรับและจำคุกหากใครไม่ปฏิบัติตามนั้น ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว”

ประชาไทเสนอรายงานในเรื่องเดียวกันนี้ว่า เคยมีผู้ถูกดำเนินคดีจากการไม่ยืนแสดงความเคารพต่อเพลงสรรเสริญฯ ในรัชกาลที่ ๙ สามราย รายแรกเมื่อปี ๒๕๒๑ ถุกตัดสินจำคุก ๒ ปีในความผิดมาตรา ๑๑๒ ฐานที่ตะโกนระหว่างการบรรเลงเพลงสรรเสริญฯ ว่า “เฮ้ย เปิดเพลงอะไรโว้ย ฟังไม่รู้เรื่อง”

อีกรายในปี ๒๕๕๑ ผู้ต้องหาถูกพิพากษาความผิดตาม ม.๑๑๒ ให้จำคุก ๓ ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน แต่ “เนื่องจากมีเหตุว่า จำเลยมีประวัติมีอาการทางจิตและเคยผ่านการรักษาจากโรงพยาบาลจิตเวช” จึงให้รอการลงอาญาไว้ ๒ ปี

อีกคดีเรื่องนี้เกิดขึ้น ๑๒ ปีมาแล้ว และอัยการสั่งไม่ฟ้อง เมื่อ ๑๙ ก.ค. ๒๕๕๕ โดยมีความเห็นคล้อยตามพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ว่าการนั่งเฉยๆ ของ โชติศักดิ์ อ่อนสูง จำเลยนั้น “ไม่ปรากฏพฤติการณ์อันจะมีลักษณะความผิด

ในฐานแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ “ผบ.ตร. มีความเห็นพ้องกับพนักงานอัยการ คดีจึงเป็นอันยุติไม่ฟ้องคดี”


ในทศวรรษใหม่ รัชสมัยนี้ หากจะมีใครต้องถูกดำเนินคดีฐานไม่ยอมลุกขึ้นยืนระหว่างที่มีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนการฉายหนังและการแสดงมหรสพต่างๆ ก็จะกลับเป็นการสั่นสะเทือนสร้างความหวั่นไหว ในการแสวงหาความสุขตามอัตภาพของประชาชนเข้าไปอีก

ในภาวะข้าวยากหมากแพง เดี๋ยวฝนแล้ง เดี๋ยวน้ำท่วม เช่นที่เป็นอยู่ในยุค คสช. ๑ ต่อ ๒ นี้ ผู้คนยังรำลึกถึงคำของ หนูดีจากโพสต์เก่าแก่ก่อนยุค คสช. ที่ว่า “พูดแล้วจะร้องไห้ น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...เพราะพวกเราจะตายกันหมด” ขึ้นมาอ้างอิงอยู่เสมอ
 
จากที่ @Pat_ThaiPBS รายงาน “หัวอกชาวนา” ต.วังโพรง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก กำลังจะลงมือเกี่ยวข้าว “แปลงนาสีทองเหลืองอร่าม” เมื่อ ๓๐ ส.ค. “ชั่วคืนเดียว เจอฝนหนัก-น้ำไหลท่วมนามิด ๓๐ ไร่” อนาคตมลายไปต่อตา

แล้วยังดั่งว่า ทัพบกกำลังจะเปิดยุทธการรุกฆาต ‘Blitzkrieg’ กับประชาชนอีกครั้ง เมื่อปรากฏว่าพรรคอนาคตใหม่ประกาศจะเสนอร่างกฎหมาย ยกเลิกการเกณฑ์ทหารซึ่ง พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค ชี้แจงว่า

เป็น “การยกเลิกเกณฑ์ทหารแบบปัจจุบัน โดยจะใช้วิธีการสมัครใจแทน​ แต่ยังคงไว้ซึ่งวิธีการเกณฑ์ทหารยามเกิดศึกสงคราม” ส่วนการรับสมัครนั้นกำหนดให้ต้องจบมัธยมศึกษาตอนปลาย แล้วทำการฝึก ๕ ปี (ปัจจุบันปีครึ่ง) และสามารถสอบบรรจุตำแหน่งได้ถึงยศพันโท

ทหารสมัครใจเหล่านี้เมื่อจบการฝึกจะกลายเป็นกำลังพล สำรอง ที่เข้มแข็ง ผู้เสนออ้างว่าวิธีนี้จะทำให้ลดจำนวนกำลังพลลงได้ แล้ว “นำงบประมาณในส่วนนี้ไปเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ ได้ประมาณ ๒ เท่า รวมทั้งให้เป็นทุนการศึกษาจนสามารถเรียนได้จนจบปริญญาตรี”


ทว่าผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารแทนที่จะรับพิจารณาข้อเสนอ กลับออกมาคัดค้านด้วยการอ้างว่าการเกณฑ์ทหารเป็นการช่วยชาติ ทั้งที่ในความเป็นจริงทางปฏิบัติทหารเกณฑ์กลายเป็นคนรับใช้แม่ทัพนายกอง ทำงานบ้าน ล้างรถให้เจ้านาย ซักผ้าให้คุณนายกันเสียมากกว่า
 
มิหนำซ้ำ ทบ. เพิ่งประกาศ “เตรียมเปลี่ยนการฝึกทหารเกณฑ์ เป็นหลักสูตรพระราชทาน” ดังรายละเอียดที่ https://www.facebook.com/100001454030105/posts/2503424976382612?sfns=mo%2585

จึงช่วยไม่ได้ที่มีคนคิดมาก Justin o-cha @CrazyRichTH ทวี้ตไว้ว่า “ใครจะยกเลิกเกณฑ์ทหาร = หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีคำว่าพระราชทานแล้วนะ”