วันศุกร์, มิถุนายน 07, 2562

พปชร.จะ 'ล้มดีล' กระทรวงเกรดเอ ก็ที "พวกคุณยังไม่รักษาคำพูดกับประชาชนที่เลือกคุณมา"


เขาคงนึกว่าคนไทยนี่ดักดานจริงๆ หรืออย่างน้อยผู้ที่ออกเสียงเลือกพรรคภูมิใจไทยโง่เง่าเต่าตุ่น ไม่เข้าใจความหมายของวลีอังกฤษ ‘Rest in Peace’ ในแฮ้สแท็ก #RIPTHAILAND อนุทิน ชาญวีรกูล ถึงได้บอกว่า “ประเทศจะได้สงบกันที เพราะ Peace แปลว่า สงบ”

มติชนสุดสัปดาห์รายงาน “ในทวิตเตอร์นั้น แฮชแท็ก #RIPTHAILAND พุ่งขึ้นมาติดอันดับทั้งเทรนด์ไทย และ เทรนด์โลก

นอกจากนี้ ยังมีแฮชแท็กที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นการเมือง อาทิ #NotMyPM #ธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ และ #นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ซึ่งประชาชนได้เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นทางการเมืองกันอย่างดุเดือด

สื่อทางเลือกอย่าง KonthaiUk ขยายผล เพิ่มแฮ้สแท็ก #NeverGiveUp พร้อมขยายความ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้โพสต์ facebook ใจความสำคัญว่า

ความมุ่งมั่นของพวกเรา ๗ พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งยึดมั่นต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในช่วงหาเสียงจนถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ และนำพาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกลับคืนมา

กาลเวลาพิสูจน์ว่าเราไม่เคยทรยศประชาชน และการยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องจะทำให้เรายืดอกได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใ
 
ขณะที่คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจก็กล่าวผ่าน twitter ว่า เผด็จการจะไม่สามารถต้านทานสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดไป ประชาชนจะร่ำร้องหาความเป็นธรรมเพื่อคนรุ่นต่อไป อย่าหมดหวัง มาร่วมกันสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ สร้างประชาธิปไตยด้วยกันต่อครับ”

ขณะที่ฟาก เดอะสแตนดาร์ดอีกสื่อออนไลน์ค่อนข้างขาใหญ่ทุนหนา สรุปว่า “นโยบายถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้พรรค #พลังประชารัฐ สามารถกวาดเก้าอี้ ส.ส. และส่งผลให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเลือกเป็น #นายกรัฐมนตรี อีกสมัย”

นโยบายเหล่านั้นได้แก่ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น ๔๐๐-๔๒๕ บาทต่อวัน ปรับอัตราเงินเดือนบัณฑิตอาชีวะ ๑๘,๐๐๐ บาท ปริญญาตรี ๒๐,๐๐๐ บาท แจกแม่เด็ก ๓ พันบาทต่อเดือน ออกลูกได้ ๑ หมื่นบาท เลี้ยงดูเด็กจนถึง ๖ ขวบอีกเดือนละ ๒ พัน (นี่ถือเป็นนโยบายเพิ่มประชากรก็ได้นะ)
 
ยังมีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ๑ พันบาทต่อเดือน ยกเว้นภาษีการค้าออนไลน์ ๒ ปี พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน ๔ ปี ลดภาษีส่วนบุคคล ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ตั้งกองทุนหมู่บ้านแห่งละ ๒ ล้านบาท ทั้งหมดนี่เรียกว่า ประชารัฐไม่เรียก ประชานิยมเพราะพวกคนที่กวักมือเรียก คสช.เข้าไปยึดอำนาจด่าสาดไว้มาก

ยังมีนโยบาย ดันถันฝรั่งเรียก ‘push up (bras)’ มาใช้กับราคาผลิตผลทางการเกษตร คุยว่าข้าวหอมมะลิจะได้ตันละ ๑ หมื่น ๘ พันบาท ข้าวเจ้าหมื่นสอง อ้อยพันบาทต่อตัน ยางกิโลละ ๖๕ บาท ปาล์มจะถึง ๕ บาท มันสัมปะหลัง ๓ บาท

ตั้งไว้เป็นนโยบาย แต่ทำจริงหรือทำแล้วได้แค่ไหนไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน ในเมื่อรัฐบาลที่ผ่านมาก็คนกลุ่มเดียวกันนี้แหละ (ส่วนมากเป็นทหาร) ที่แย่งอำนาจเขามาบริหารเองเป็นเวลา ๕ ปี เหลือแต่น้ำเต้าน้อยถอยลง ถอยลง

ตัวอย่าง แค่ข้อมูลล่าสุดสดๆ ออกมาจากสภาพัฒน์ฯ หรือ สศช. ชี้ว่า “หนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น” โดยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ “หนี้สินครัวเรือนเท่ากับ ๑๒.๘ ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น ๖.% และคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP เท่ากับ ๗๘.% เพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน”
 
ทางด้านสังคมนั้นพบว่า ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๒ เทียบกับปีที่แล้ว คดีอาญา (รวม) เพิ่มขึ้น ๕.๑% คดียาเสพติดก็เพิ่มขึ้น ๗.๔% การบริโภคแอลกอฮอลและบุหรี่เพิ่มขึ้น ๒.๙% และ ๑.๕% ตามลำดับ ทำให้แนวโน้มประชาชนเสียชีวิตจากสิ่งเสพติดเพิ่มขึ้น เยาวชนก็เป็นโรคซึมเศร้ากันมากขึ้นด้วย


จะอ้างว่ารัฐบาลใหม่เนี่ยไม่ใช่มีแค่พลังประชารัฐพรรคเดียว ยังมีอีก ๑๘ พรรคระดมสมองช่วยกันได้คนละไม้ละมือ เรื่องสมองนั่นละไว้ไม่พูดถึง แต่เรื่องไม้มือไม่แน่ใจนักแล้ว ในเมื่อโหวตเสร็จสรรพ ทุกพรรคอยู่ในแถวให้ประยุทธ์เป็นนายกฯ แล้วอ้าว จะล้มดีลเสียนิ

ไม่ทันข้ามคืน พปชร.เตรียมประชุมกันด้วยแรงกดดันของกลุ่ม สามมิตร “พิจารณาในรายละเอียดให้เกิดความเหมาะสม และอาจต้องมีการเกลี่ยกระทรวงใหม่อีกครั้ง เพื่อขอคืนกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงคมนาคม”

อย่างนี้ ปชป.ก็หน้าหงาย อุตส่าห์เสียสัตย์เพื่อรักษาหน้าตาของพรรคเอาไว้ได้ร่วมรัฐบาล นึกว่าจะ ได้ดีแบบครั้ง ราบ ๑๑ แต่นี่ทำท่าจะกลายเป็น ได้ดิบไปเสียฉิบ

เลยโดนอดีตรองนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย กิตติรัตน์ ณ ระนอง เหน็บเอาแสบมากว่า “หัวหน้าพรรคใหญ่จะพูดกับพรรคขนาดกลางแบบนี้ไหมหนอ...พวกคุณยังไม่รักษาคำพูดกับประชาชนที่เลือกคุณมา แล้วทำไมผมต้องรักษาคำพูดกับพวกคุณ”