4 เหตุผลที่ลุงเป็นนายกต่อไปไม่ได้ ที่คนไทยต้องรู้ก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้
1. ประยุทธ์พฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขัด รธน. มาตรา 160(5)
อ้างอิง ข้อ 5 มาตรฐานจริยธรรม “ต้องยึดมั่นและธํารงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย”
การทำรัฐประหารในวันที่ 22 พ.ค. 2557 เพื่อยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
2. ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้มีลักษณะต้องห้ามตาม รธน. มาตรา 98 ขัด รธน. มาตรา 160(6)
อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีพนักงานอัยการสูงสุดสำนักงานอัยการสูงสุดยื่นฟ้อง สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด จากเหตุไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.
คำพิพากษาศาลแขวงดุสิต คดีหมายเลขแดงที่ อ. 2183/2558 ระบุว่า “ดังนั้น คสช.จึงเป็นเจ้าพนักงานตามอำนาจที่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญให้ไว้”
3. ที่มาของ ส.ว. ขัดต่อ รธน. เพราะ รธน. มาตรา 269(1) กำหนดให้ คสช. ตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ที่มีความเป็นกลางทางการเมือง แต่ปรากฏว่า คสช. ได้ตั้งคนที่ไม่เป็นกลางทางการเมืองอย่าง พล.อ.ประวิตร เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา และสมาชิกคณะรัฐประหารอีกหลายคนเป็นกรรมการ ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจของประยุทธ์ และไม่เป็นกลางทางการเมือง
4. ส.ว. อันมีที่มาไม่ถูกต้องตาม รธน. ซึ่งจะโหวตให้ลุงกลับมาเป็นนายกอีกครั้ง หรือการที่ประยุทธ์เลือก ส.ว. เพื่อให้ ส.ว. กลับมาเลือกประยุทธ์ เป็นการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตาม รธน. มาตรา 114 และข้อ 11 ของมาตรฐานจริยธรรม ที่ระบุว่า “ไม่กระทําการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม”
“ประยุทธ์ขาดคุณสมบัติ ส.ว. ขัดรัฐธรรมนูญ” แล้วอย่างนี้ ส.ว. จะไปเลือกประยุทธ์มาสืบทอดอำนาจต่อไปได้อย่างไรครับ เพราะ มันผิดทั้งกฎหมาย ขาดความชอบธรรมทางการเมือง และไม่เคารพเจตจำนงของประชาชน
#ประยุทธ์ขาดคุณสมบัติ
ธนวัฒน์ วงค์ไชย - Tanawat Wongchai