วันพุธ, กรกฎาคม 04, 2561

กระแส ‘ทีมหมูป่า’ ยังท่วมเหมือนน้ำในถ้ำหลวง "จะมีใครเฉลียวใจว่า คสช.แอบคืบคลานมาตรการครองเมืองนานๆ ของพวกเขาอย่างใดบ้าง"

กระแส ‘Hoop la’ การค้นจนพบ ทีมหมูป่าปลอดภัยทั้ง ๑๓ คนในถ้ำแม่สาย ยังท่วมท้นเหมือนน้ำเจิ่งถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่ทำให้การนำตัวเด็กๆ ออกจากถ้ำคงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย ๒-๓ วัน

ดูเหมือนว่าสังคมไทยเป็นสังคมประเภท ‘Sensational’ ใส่ใจเป็นพิเศษกับเรื่องดราม่า หวือหวา และวาบหวาม ตลอดการลุ้นระทึกสิบวันที่ผ่านมาจึงเต็มไปด้วยตัวละครแห่งนาฏกรรม ด้านพระเอกก็มีหน่วยซีล นักดำน้ำอังกฤษ และผู้ว่าเชียงราย เป็นอาทิ ฝ่ายผู้ร้าย ศรีวราห์รับไปเต็มๆ

มิใยมีเสียงวิพากษ์ทางสื่อสังคมเกิดขึ้นว่า เหตุโศกนาฏกรรมที่เป็นข่าวไปทั่วโลกครั้งนี้ แท้จริงมันเริ่มจากความดื้อรั้นของเด็กๆ และโค้ช ที่ละเลยป้ายเตือนอันตราย พากันเข้าไปเที่ยวในถ้ำทั้งที่ฝนเริ่มตกชุก (แม้ป้ายระบุห้ามเข้าในเดือนกรกฎาคม ก็ตาม)

ทั้งๆ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกมาในทักษะการเอาตัวรอด ด้วยการเคลื่อนย้ายหนีน้ำขึ้นไปสู่ที่สูงจนถึงจุดที่ทีมค้นหาคาดหมาย และวิธีรักษาชีวิตภายในถ้ำด้วยการนอนนิ่งถนอมพลังงานของร่างกาย รวมไปถึงการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้อย่างดีกับสองนักดำน้ำชาวอังกฤษที่ไปพบเป็นชุดแรก

ล้วนทำให้คนส่วนใหญ่ยังคงเต็มไปด้วยความประทับใจ มากไปกว่าอาการ หัวร้อน หรือก่นด่า แม้กระทั่งบริกร คสช. อย่างนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ยังฉวยโอกาสสวมรอยว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนทุกฟากทุกฝ่ายหันมาปรองดองกัน
อันที่จริง ความคิดที่ว่าโศกนาฏกรรมของทีมหมูป่าทำให้เกิดการปรองดองในชาติ น่าจะอ้างเกินจริงไปหน่อย การที่ผู้คนต่างฝักฝ่ายในอุดมการณ์ทางการเมืองเกิดเห็นพ้อง มีอารมณ์เร้าใจกับโศกนาฏกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับการปรองดองทางการเมืองแต่อย่างใด

ใครคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตุไว้บนทวิตเตอร์ว่า ระหว่างที่เราใจจดจ่อจ้องรอผลการค้นหาเด็กๆ ทีมหมูป่าเป็นเวลากว่าอาทิตย์นี้ จะมีใครเฉลียวใจว่า คสช.แอบคืบคลานมาตรการครองเมืองนานๆ ของพวกเขาอย่างใดบ้าง

การที่ กสทช. สั่งพักรายการ The Daily Dose และ Wake Up News ของว้อยซ์ทีวีเป็นเวลาสามวัน ซึ่งดูเหมือนนี่จะเป็นการสั่งพักครั้งที่ยี่สิบได้แล้วมั้ง อ้างเหตุว่า “คัดคำสั่ง คสช.” และกับการที่ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง มือปืนป็อปคอร์นกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น อ้างว่าหลักฐานไม่เพียงพอ

ทั้งสองกรณีเป็น ความปรองดอง แบบที่ คสช.ต้องการ แต่ไม่ใช่การปรองดองในสังคมประชาธิปไตยที่ประเทศชาติและประชาชนพึงมีอย่างแน่นอน อีกทั้งในความเคลื่อนไหวต่างๆ ระหว่างที่ คสช.ย้ำนักย้ำหนาว่ายังไม่ ปลดล็อค และห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมหาเสียงกัน

แต่พรรคใหม่ที่กำลังจัดตั้งขึ้นในนาม พลังประชารัฐมาสนับสนุนให้หัวหน้า คสช. ได้เป็นนายกฯ ต่อไปอีกหลังจากเลือกตั้ง กลับเดินสาย ‘recruits’ ดูด (ราคา ๓๐-๕๐ ล้าน) อดีต ส.ส.จากพรรคการเมืองเก่าเข้าพรรคตนกันเอิกเกริก

ขณะที่กรรมการเลือกตั้งพยายามจะหาเหตุยุบพรรคเพื่อไทย หลังจากที่อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรคที่ ลี้ภัยอยู่ทุกหัวระแหงทั่วโลก สื่อสารคุยกับอดีต ส.ส.และผู้บริหารพรรคว่า มั่นใจเสียงของเพื่อไทยยังนำอยู่ขาดลอยแน่ๆ ในการเลือกตั้งที่จะมา

เมื่อเร็วๆ นี้ นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ของพรรคเพื่อไทย ถูกสั่งห้ามขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ฉีดยากันยุง กับฉีดวัคซีนให้สุนัขและแมว แต่เมื่อวันที่ ๓๐ มิ.ย.ที่ผ่านมา อดีต ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ รัชดา ธนาธร นำสับปะรดไปแจกประชาชนในย่านพระราม ๘ โจ๋งครึ่ม

ไม่มีแม้แต่เสียงบ่นเสียงขู่ ว่าผิดคำสั่ง คสช.ใดๆ นี่หรือความปรองดองระหว่างที่มหาชนสนใจอยู่กับการค้นหาเด็กๆ นักฟุตบอลทีมหมูป่าอคาเดมี่
ไม่เท่านั้น เมื่อ ๒ ก.ค.ที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ออกแถลงการณ์เรื่อง คสช.ใช้ทหารไปกดดันรองนายก อบต. น้ำพี้ อุตรดิตถ์ เรียกไปคุยตั้งข้อกล่าวหาว่ามั่วสุมทางการเมือง ที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ และพานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เดินทางพบปะประชาชนในท้องที่

ทำให้ล่าสุด ภิศิษฐ์ ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองนายก อบต.น้ำพี้” โดยพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ให้สัมภาษณ์สื่อประชาไทเพิ่มเติมว่า กรณีนายภิศิษฐ์ วงศ์ทอง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ถูกทหารคุกคามด้วยข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ๓/๕๘

เรายืนยันที่จะลงพื้นที่ต่อไป คงไม่หยุดที่จะไปพบปะกับประชาชน” น.ส.พรรณิการ์ยืนยัน “หน้าที่ของพรรคการเมืองคือการลงไปพบคนในพื้นที่เพื่อดูว่าปัญหาคืออะไร ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเราจะจัดตั้งพรรคการเมืองมาทำไม ถ้าเราจะตั้งเสร็จแล้วก็อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย”


ใช่แล้ว ถ้าตั้งเสร็จแล้วต้องอยู่เฉยๆ แต่ถ้าตั้งยังไม่เสร็จอย่างพลังประชารัฐหนุน คสช.ละก็ ทำกิจกรรม ดูด ได้