วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 26, 2561

เขื่อนลาวแตก ไทยเกี่ยวอะไรล่ะ -เยอะเลย


เมื่อปรากฏข่าวความเสียหายมากมายจากการที่เขื่อน เซเปียน-เซน้ำน้อย ส่วนที่เป็นคันดินปิดช่องเขา (Saddle Dam) แตก นอกจากชาวลาวที่อยู่อาศัยแถบเมืองสะหนามไซ เขตอัตตะปือ (ห่างจากเมืองปากเซ ๘๖ ก.ม.) ได้รับภัยพิบัติหนักแล้ว

วันนี้ (๒๖ ก.ค.) ขณะที่มีรายงานว่าระดับน้ำที่สะหนามไซลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่มวลน้ำกลับไหลล้นเข้าไปในประเทศกัมพูชา ๑๗ หมู่บ้านในจังหวัดสตึงเตรง ซึ่งอยู่ห่างออกไป ๑๘๗ ก.ม.

นายแกว วี โฆษกคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติกัมพูชา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้อพยพประชาชน ,๒๘๙ ครัวเรือน ราว ,๖๐๐ คนจาก เขตเทศบาล สู่สถานที่ปลอดภัย


พลันก็มีแถลงการณ์ของกลุ่มประชาสังคม ๒๑ องค์กร เมื่อวาน (๒๕ ก.ค.) เรียกร้องต่อบริษัทไทยที่ร่วมทุนก่อสร้างแสดงความรับผิดชอบ

ในฐานะประชาชนไทยอันประกอบด้วย เครือข่ายองค์กรชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขง องค์กรพัฒนาเอกชน นิสิต นักศึกษาและนักวิชาการ” แถลงการณ์อ้างความเสียใจต่อการที่ “เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน หมู่บ้านและประชาชนกว่า ,๐๐๐ คนต้องไร้ที่อยู่อาศัย มีผู้สูญหายอย่างน้อย ๒๐๐ คนและพบว่าเสียชีวิตแล้ว ๕๐ คน
ปฏิกิริยาจากบริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง ซึ่งเป็น ๑ ใน ๔ ผู้ร่วมทุน (๒๕%) กลับ “ยืนยันว่าจะไม่กระทบกับการผลิตไฟฟ้าตามกำหนดการ แทนที่จะแสดงความห่วงใยหรือแถลงถึงมาตรการช่วยเหลือหลังเขื่อนแตก แต่บริษัทกลับเงียบในประเด็นเหล่านี้

แถลงการณ์ระบุพร้อมทั้งเรียกร้อง “ให้บริษัทไทยแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการเร่งชดเชยและเยียวยาชุมชนจากการสูญเสียครั้งนี้” กับเสนอแนะ “ว่า

ควรมีการพัฒนากลไกเพื่อให้การชดใช้ค่าเสียหาย หรือการชดเชยย้อนหลังสำหรับผู้ที่ทุกข์ทรมานจากเขื่อนที่มีอยู่แล้วตามหลักการและแนวทางของคณะกรรมการเขื่อนโลก


แม้นว่ารัฐบาลไทยผ่านทางกระทรวงพลังงานมอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตนำเครื่องมือไปช่วยเหลือ สปป.ลาว แล้ว และนายกฯ คสช. ยังได้แถลงมอบเงินช่วยเหลือจำนวนตั้ง ๕ ล้านบาทแก่ลาวด้วย เสียงวิพากษ์ที่ว่าไทยควรจะเข้าไปช่วยอย่างเต็มที่จึงยังมีอยู่อึงมี่

ดูจากโพสต์ของ อจ.เดชรัตน์ สุขกำเนิด ที่ว่า “ทุนไทยเกี่ยวข้องกับเขื่อนที่แตกในลาวอย่างไร แม้เขื่อนนั้นไม่ใช่ของไทย ๑๐๐% แต่ ๑.เป็นผู้ร่วมลงทุน ๒๕% หรือหนึ่งในสี่ .เป็นผู้ให้กู้ ๑๐๐% .เป็นผู้รับซื้อไฟที่ผลิตจากเขื่อนนี้ ๙๐% .เป็นผู้รับผิดชอบทำรายงาน EIA” แล้วถึงบางอ้อ
เพิ่มเติมจาก พระสนิทวงศ์ @Psanitwong’ เมื่อ Jul 24 ได้ความว่า “ผู้พัฒนาโครงการนี้คือ บ.ไฟฟ้า เซเปียน-เซน้ำน้อย จก. เป็นการร่วมทุนของบริษัทข้ามชาติ 4 แห่ง 1. SK Engineering and Construction (ถือหุ้น 26%) 2. Korea Western Power (ถือหุ้น 25%) 3. บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (ถือหุ้น 25%) 4.Lao Holding State Enterprise (ถือหุ้น 24%)

พระสนิทวงศ์ให้รายละเอียดด้วยว่า “โครงการเขื่อนเซเปียน เซน้ำน้อยนี้ เป็นโครงการแบบ BOT (build-operate-transfer) มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า ๔๑๐ เมกะวัตต์ โดย ๓๗๐ เมกะวัตต์ จากจำนวนนั้นจำหน่ายให้กับ กฟผ. มีสัญญาซื้อขายกัน ๒๗ ปี

ที่เหลืออีก ๔๐ เมกะวัตต์ ส่งกลับไปใช้ภายใน สปป.ลาว และมีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปีนี้ (๒๕๖๑) ขณะเกิดเขื่อนแตกยังไม่ได้เริ่มเดินเครื่องผลิต


ฉะนี้ บริษัทมหาชนจำกัด ผลิตไฟฟ้า ราชบุรีโฮลดิ้ง จึงเป็นที่สนใจของ มหาชนมีคนเข้าไปดูสมรรถนะจากเว็บไซ้ท์ทางการของบริษัทได้ไม่ทันไร ก็ปิดหน้าเว็บไปเสียแล้ว แต่กระนั้น VoteNoจ้า @iamasiam14 ทันแค้ปเจอร์บางส่วนมาให้ดูกัน
ถึงแม้ว่า “เข้าไปดูรายละเอียดโครงการไม่ได้แล้ว #เขื่อนลาวแตก” ดูจากหน้าเว็บ ‘Team Group’ ก็ยังพอได้เห็นว่าบริษัทไทยเป็นผู้ “ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม...ควบคุมงานก่อสร้าง” ตัวเขื่อนหลักเป็น “หินถม” ส่วนทางระบายน้ำ “เป็นคอนกรีต มีความสูง ๔๘ เมตร ยาว ๑,๓๐๐ เมตร”

ไม่แน่ใจว่าเมื่อถึงเวลาต้องชดเชยและเยียวยา ข้อเรียกร้องของกลุ่ม ๒๑ องค์กร เรื่อง “ต้องให้ชุมชนได้เข้าถึงกระบวนการพูดคุยเกี่ยวการชดเชยและเยียวยาอย่างเหมาะสมและเร็วที่สุด” จะเกิดขึ้นหรือไม่