คงเพราะกระแสดูดมาแรงมาก ‘นิด้า’ ถึงได้ทำโพลซ้ำซากเรื่องชาวบ้านชาวช่องคิดว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
หลังจากมีการเลือกตั้งคราวหน้า นัยว่าเป็นโพลครั้งที่สามในประเด็นนี้
ได้เรื่องทันที
เมื่อคะแนนอันดับหนึ่งให้กับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา (๓๑.๒๖ เปอร์เซ็นต์)
ตามด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (๑๔.๙๖%) ของพรรคเพื่อไทย
และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของ ปชป. (๑๐.๕๐%) อย่างเคย
ผลออกมาเหมือนกันกับสองครั้งแรก
ไม่น่าจะเป็นเพราะผู้ตอบคำถามหยั่งเสียงมีความนิยมชมชื่นอะไรลึกล้ำกับหัวหน้าคณะรัฐประหาร
แม้จะไปทัวร์เมืองนอกสองสามครั้งแล้วกลับมาอ้างเป็นปี่ขลุ่ยว่าฝรั่งยอมรับแล้ว
เอาเข้าจริงเขาต่างรีบบอกทันที ว่ากุมภาหน้าต้องเลือกตั้งแน่นะ
มิหนำซ้ำรัฐสภาอียูออกมาย้ำอีกครั้ง ถ้ายังไม่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเสรีเมื่อไหร่
ก็ไม่มีการเจรจาทางการค้าและความช่วยเหลือทางธุรกิจเมื่อนั้น
นั่นหลังจากที่เขาได้ส่งตัวแทนมาสำรวจแล้วยังพบว่ายังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ในเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการประท้วงโดยสันติ เขาชี้กรณีการจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเมื่อเร็วๆ
นี้เป็นหลักฐาน
โดยเฉพาะอังกฤษนั่นจะเอา ‘อีอีซี’ ไปขายเขา เขาก็ตอบเป็นพิธีว่าเดี๋ยวดูให้ เพราะเห็นว่าตั้งท่าจะไปซื้อเครื่องบิน
กับฝรั่งเศสยิ่งไปกันใหญ่ มีนัยๆ ว่าอยากจะไปซื้ออาวุธจากเขา
พ่อค้าที่ดีใครเล่าจะปัดทิ้งง่ายๆ
ยิ่งเมื่อมีการพิจารณาอนุมัติงบประมาณทหารสำหรับปี
๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ ก.ค. เป็นความลับ มีวงเงินให้เอาไปช้อปปิ้งได้ถึง ๓ แสนกว่าล้าน
จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันขรม แล้วโฆษกกรรมาธิการวิสามัญดันตอบด้วยเหตุผลข้างๆ
คูๆ
“หากการพิจารณาส่วนราชการไหนที่เป็นชั้นความลับ
เกี่ยวกับความมั่นคง ก็จะไม่ถ่ายทอดการประชุมออกไปข้างนอก” งบฯ
ให้ทหารเอาเงินคลังไปถลุงนี่นะ
ตลกร้ายด้วยเมื่อประยุทธ์ไปเยือนภูฏาน เขาให้ดูผลิตภัณฑ์
OGOP ที่ได้แรงบันดาลใจจากโครงการ OTOP
ของไทยซึ่งเคยโด่งดังสมัย ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ‘บิ๊กตู่’ เกิดไอเดียปิ๊ง อยากเอาอย่างบ้าง
ที่ไหนได้ ประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่นั้นความจำไม่ได้สั้น
หัวหน้ารัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจนี่สิ ยึดแล้วเข้าครองอยู่ได้ตั้งนาน (กว่าสี่ปี)
ก็เลยเหลิงอยากจะอยู่ต่อ เพราะรัฐธรรมนูญที่ลิ่วล้อเขียนให้
เปิดช่องไว้แล้ว (เจ้าตัวคนเขียนเพิ่งออกมาบ่นหลัดๆ ว่าเสียใจ)
นโยบายที่ลอกเลียนรัฐบาลก่อนๆ มาดัดแปลงเปลี่ยนชื่อเสียใหม่
ไม่ว่าประชานิยม กองทุนหมู่บ้าน โอท้อป และล่าสุดแว่วมาว่า อยากจะให้มีระบบผู้ว่าฯ
‘ซีอีโอ’
เหมือนสมัยทักษิณบ้างเหมือนกัน
ชาวบ้านเขาจึงรู่เช่นเห็นชาติว่าเที่ยวตระเวณไปโน่นไปนี่
ไปนอก ไปลงพื้นที่ฐานคะแนนพรรคการเมืองเก่า แบบเดียวกับคณะรัฐมนตรีสัญจรของทักษิณ
นั้นเป็นข้ออ้างบังหน้าการออกเดินสายหาเสียงเสียมากกว่า
ขนาดโพล (สวนดุสิต) ยังเห็นว่า “มีนัยทางการเมืองแฝง
เพราะเป็นการลงพื้นที่เพื่อหยั่งเสียงเกี่ยวข้องเลือกตั้ง” โดยอัตราผู้ตอบข้อซักถามเรื่อง
ครม.สัญจรของรัฐบาลประยุทธ์ มีถึง ๖๑.๒๑ เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างพันกว่าคน