วันพุธ, กรกฎาคม 25, 2561

“อะไรกันนักหนา” นี่ที่เชียงรายหรือว่าเชียงใหม่


นั่นสิ “อะไรกันนักหนา” นี่ที่เชียงรายหรือว่าเชียงใหม่ ไม่รู้เค้าพูดถึงดอยตุงหรือดอยสุเทพ ข่าวว่า ‘I-Tube 4.0’ ฉุน “เรื่องนี้ (ที่เชียงใหม่) ไม่จบเสียที” แต่ที่เชียงรายก็ไม่จบเหมือนกัน โหนอยู่นั่นละ

รัฐบาลจำเป็นต้องจัดหาพื้นที่สร้างใหม่ เพราะเขาเป็นข้าราชการ เขามีสิทธิในการพักอาศัย ที่ผ่านมาการอนุมัติเจรจาต่างๆ ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามความต้องการประชาชน ก็ต้องแก้ไขให้เขา” ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดที่อุบลฯ หลังประชุมสัญจรที่ มอ.

เดี๋ยว ทบทวนเรื่องก่อน ที่ว่าจะจัดหาพื้นที่สร้างใหม่น่ะ บ้านพักตุลาการบนดอยสุเทพ ที่ชาวบ้านพื้นที่เชียงใหม่เขาโวยวายมาหลายเดือนว่าบุกรุกเขตป่าสงวน และทำลายระบบนิเวศน์ธรรมชาติ ซึ่งดูจากแผนภาพภูมิศาสตร์ก็จริงตามนั้น

เพียงแต่ว่าพื้นที่ดังกล่าวเคยอยู่ในการดูแลของทหาร แล้วสมัยที่อนุมัติให้ขึ้นไปก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ เป็นโครงการขนาดใหญ่มีทั้งห้องชุดและบ้านหรู ก็รู้กันระหว่างทหารกับตุลาการ มิหนำซ้ำพบว่าในบริเวณอุทธยานแห่งชาติไม่ไกลกัน ทหารก็มีการก่อสร้างบ้านพักอย่างน้อยสองโครงการด้วย

ฉะนั้น หัวหน้าคณะครองเมืองจึงแก้ปัญหาด้วยการสั่งให้ยับยั้งโครงการไว้ก่อน แต่ก็ปรากฏว่าตุลาการบางทั่นที่บ้านสร้างเสร็จแล้ว สัก ๒๐-๓๐ ครัวเรือนเห็นจะได้ ไม่อยากยับยั้งจึงย้ายเข้าไปอยู่อาศัยกันสบายเฉิบ

แล้วไง ทางโครงการโกหกว่าที่มีแค่พวกห้องชุดที่อยู่อาศัยมานานแล้ว แต่กลุ่มต้านเอารูปมาแฉ บ้านหรูระดับคฤหาสน์ทั้งนั้น แถมพอฝนตกบางส่วนของโครงการก็เกิดน้ำหลาก ดินทรุด ตรงที่ๆ ไม่มีท่อระบายนั่นละ

กลุ่มต่อต้านเขาเลยโวยวายอีก เฮ้ย เห็นไหมมันเริ่มไม่ชอบมาพากล ทั้งเกี่ยวกับระบบนิเวศน์และความปลอดภัย ทั่นหัวหน้าคณะครองเมืองก็บอกว่า เถอะน่าเห็นใจเขา ต้องรอที่ใหม่จึงจะย้ายออกได้ พอไปอุบลฯ คนถามอีก (พวกนักข่าวแหละ) คราวนี้ปรี๊ดแตก

มันอะไรนักหนา ผมไม่เข้าใจ แล้วจะทำอย่างไร...เขาต้องดูแลประชาชนไม่ใช่หรอ ไม่ใช่ความผิดของเขา ซึ่งก็ไม่อยากจะกล่าวว่าเป็นความผิดของใคร แต่รัฐบาลจะแก้ไขให้” ประชาชนที่ทั่นผู้ปกครองดูแลนี้น่ะ พวกอภิสิทธิ์ชนจำนวนหยิบมือ ถ้าเทียบกับชาวบ้านที่จะต้องเผชิญกับความเสียหายในระบบนิเวศน์อีกหลายอายุคน

แถมยังเป็นการทำโครงการโดยละเมิดกฎหมายด้านการพิทักษ์ธรรมชาติชัดๆ ไม่ต้องพูดว่าพวกที่เข้าไปลุกล้ำเป็นกลุ่มอาชีพที่จำเป็นต้องรักษากฎหมายให้เคร่งครัด ไม่ควรประพฤติชั่วร้าย แบบว่าใช้อาญาสิทธิ์ที่ได้รับมอบหมายฟาดฟันคนอื่นๆ เท่านั้น

คำถามของทั่นหัวหน้าที่ว่า “ใครจะได้ประโยชน์ ไม่มีใครได้ซักคน” นี่งี่เง่าสิ้นดี ปากพาเพลินหรือว่าเอาฮา มีสิ คนได้ประโยชน์ก็พวกตุลาการที่ดึงดันถืออภิสิทธิ์ ทั้งๆ ที่คนด่าขรมทั้งจังหวัดและทั่วประเทศ ไง


ส่วนที่วัดดอยตุง เชียงรายมีพิธีบวชหมู่ ทีมหมูป่า ๑๒ คน เพื่อสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อไทยโค้ชเอกบวชพระ เด็กๆ อีก ๑๑ คนบวชเณร เป็นเวลา ๙ วัน โดยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระราชทาน จึงมีขบวนแห่เครื่องสักการะแบบล้านนาอย่างอลังการ

“อดุลย์ สามออน อายุ ๑๔ ปี เป็นคนเดียวในทีมที่ไม่ได้เข้าพิธีบรรพชาด้วย เนื่องจากเขาเป็นคริสเตียน” Hathai Techakitteranun ผู้สื่อข่าว DPA ของเยอรมัน รายงานบรรยากาศของพิธีบวชเมื่อวันอังคาร (๒๔ ก.ค.) อย่างละเอียด

ย้อนไปที่อุบลฯ วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงงานเลี้ยงขอบคุณผู้ร่วมช่วยเหลือ ทีมหมูป่า อะคาเดมี แม่สาย๑๓ คนออกจากถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ว่าจะมีขึ้นที่ลานพระราชวังดุสิต ในวันที่ ๑ สิงหา ระหว่างเวลา ๖ โมงถึง ๓ ทุ่ม ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ เช่นกัน ทรงพระราชทานอาหารและการแสดงสำหรับการนี้

รัฐบาลได้มอบหมายฝ่ายต่างๆ ไปดำเนินการ” นอกจากสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วมีกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงร่วมด้วย ต้องบอกว่างานนี้มโหฬารประดุจงานสโมสรสันนิบาตนั่นเชียว

ตนได้ฟังเสียงสะท้อนจากต่างประเทศที่กล่าวมาว่า ไม่มีกิจการใดหรือการช่วยเหลือประชาชนครั้งใดในโลกที่มีความสำเร็จเท่ากับกรณีของประเทศเรา” ประยุทธ์คุยยิบขั้นตอนการวางแผนช่วยโดยไม่ระบุว่าใคร แต่ก็ยังดีที่ยอมรับว่า “เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความผิดของใครเลย เราทุกคนไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เยาวชนทั้ง ๑๓ คนบริสุทธิ์ใจ

มัน (มาเป็น) อะไรกันนักหนาก็เมื่อประยุทธ์บอกว่า “ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล...กรณีที่มีบริษัทผลิตภาพยนตร์สนใจจะมาทำภาพยนตร์เกี่ยวกับการช่วยเหลือทีมหมูป่า


ประเด็นตั้งกรรมการควบคุม กำกับ การจัดทำภาพยนตร์เกี่ยวกับการช่วยเหลือทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาเป็นอาทิตย์ นับแต่มีข่าวว่า ๕ บริษัทสร้างภาพยนตร์จากต่างประเทศแสดงความสนใจจะทำ บางรายส่งทีมงานมาสำรวจความเป็นไปได้บ้างแล้ว
 
กระทรวงวัฒนธรรม โดย รมว. วีระ โรจพจนรัตน์ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พูดถึงการกำกับดูแลบทภาพยนตร์และการถ่ายทำ ไม่เพียงให้เป็นไปตามระเบียบในเชิงพาณิชย์ หากแต่ต้องควบคุมให้อยุ่ในกรอบของกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเยาวชนของไทยด้วย

สำคัญยิ่งกว่าเรื่องเหล่านั้นก็คือต้อง “ดูในเรื่องของภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย”


นี่เองที่ทำให้รัฐบาล คสช. ไม่ค่อยออกปาก ตำหนิ ทีมหมูป่าในประเด็นที่มีเสียงก่นว่าประปรายทำนองเด็กๆ  แส่หาเรื่องภาพลักษณ์นี่เช่นกันทำให้รัฐบาล คสช.ผ่านทางกระทรวงมหาดไทย เข้าไปก้าวก่ายการใช้ชีวิตหลังออกจากถ้ำของครอบครัว #ทีมหมูป่า

ถึงขนาดขู่ผู้ปกครองเด็ก (ดู “รองปลัด ยธ.ชี้ พ่อแม่หมูป่าอาจเข้าข่ายไม่พร้อมเลี้ยงลูก รัฐมีสิทธิแยกตัวออกมาดูแล” https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1366181) ห้ามให้สัมภาษณ์สื่อ (ดูคอมเม้นต์ของ Pipob Udomittipong July 22 at 7:41 PM

การอ้างว่าเด็ก #ทีมหมูป่า เป็น #PTSD (ไม่รู้ว่าใครวินิจฉัยนะ) เพื่อห้ามอย่างสิ้นเชิงไม่ให้สื่อสัมภาษณ์เด็ก อ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของเด็ก หมิ่นเหม่กับการเป็น ‘blanket censorship’...”)

หลังจากปรากฏข้อเท็จจริงหลายอย่างในปฏิบัติการของนักดำน้ำเข้าไปนำตัวทีมหมูป่าออกจากถ้ำ จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง (ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ) กระจายตามสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลก นอกจากสำนักข่าวของไทย

ประการหนึ่งว่า ผู้ที่เป็นต้นคิดการช่วยทีมหมูป่าออกจากถ้ำนี้ คือนายเวิร์น อันสเวิร์ธ ชาวอังกฤษซึ่งแต่งงานกับหญิงไทย และอาศัยอยู่ที่โป่งผามาแล้ว ๗ ปี เขาติดต่อกับบรรดานักดำน้ำชั้นนำของโลก ๓ คน คือร็อบ ฮาร์เปอร์ ริค แสตนตัน และจอห์น โวลัมเธน จนทั้งสามตกลงเริ่มปฏิบัติการ
 
(อ่านเบื้องหลังจากคำแปลของ ยายจีขี้บ่นที่ https://www.facebook.com/anan.lohapattanabamrung/posts/1801148833337291)

อันนำไปสู่การนำผู้มีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการอีกคนมาร่วม คือ นพ.ริชาร์ด แฮริส นักดำน้ำที่รัฐบาลออสเตรเลียมอบเหรียญกล้าหาญสดุดีให้ จากผลงานของเขาที่ #ถ้ำหลวง

แน่ละ รายงานของสำนักข่าวต่างประเทศหลายอย่าง ไม่ดีแก่ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ไทยและรัฐบาลไทย (คสช.) ในด้านการปฏิบัติหน้าที่และการตัดสินใจ โดยเฉพาะในกรณีการเสี่ยงภัยสูงแก่ผู้ปฏิบัติงานและเด็กๆ ที่ติดอยู่ในถ้ำ

หากไม่มีสิ่งเหล่านั้น รวมถึงเสียงคัดค้านต่อแผนการนำเด็กออกด้วยการฉีดยา สลบ หรือ กล่อมประสาท’ (sedated) ทั่วโลกคงไม่ได้ให้ความสนใจกับปฏิบัติการมากเพียงนี้ ถ้ามีแต่เพียงข่าวจากโฆษกไก่อูว่าเนวี่ซีลไทยเป็นผู้ช่วยนำเด็กๆ ออกมาได้