วันจันทร์, กรกฎาคม 02, 2561

ด๊อกเตอร์โกร่ง ถามหาผลงาน "สฤษดิ์น้อย"




ที่มาภาพ


Mahaname Songput

...

สฤษดิ์น้อย โดย วีรพงษ์ รามางกูร





29 มิถุนายน 2561
มติชนออนไลน์


เมื่อได้อ่านรายงานโดยสื่อมวลชนไทย รายงานว่านิตยสารไทม์ ฉบับเอเชีย ได้นำรูปผู้นำขึ้นหน้าปกพร้อมกับมีบทความพิเศษ ขณะเดียวกันก็มีปฏิกิริยาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเรา แสดงความไม่พอใจที่นิตยสารฉบับนี้เรียกผู้นำของเราว่า “สฤษดิ์น้อย” หรือ Little Sarit

เมื่อพูดถึงจอมพลสฤษดิ์ คนไทยที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คงจำกันได้ดีเกือบทุกคน เพราะจอมพลสฤษดิ์ทำการปฏิวัติรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2500 จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวแก้เขินแล้วทำการปฏิวัติซ้ำ แล้วก็สถาปนาตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2506 จากนั้นจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร ก็ครองอำนาจเป็นรัฐบาลเรื่อยมาจนเกิดกรณี 14 ตุลา 2516 รวมระยะเวลาทั้งสามจอมพลอยู่ในอำนาจนาน 16 ปี โดยสร้างพิธีกรรมจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญและทำหน้าที่นิติบัญญัติด้วยเป็นเวลา 14 ปี

คนไทยจึงคุ้นเคยยุค “พัฒนา” ของจอมพลสฤษดิ์ดี เพราะจอมพลสฤษดิ์ได้หลวงวิจิตรวาทการ ผู้ที่ก้มลงกราบจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพราะเห็นแสงเฮ้ากวงแผ่รอบศีรษะ เป็นปลัดบัญชาการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำการโฆษณาชวนเชื่อ หรือทำการประชาสัมพันธ์ให้

ยุคนั้นเป็นยุคสงครามเย็นพอดี จอมพลสฤษดิ์ขึ้นครองอำนาจโดยการสถาปนาระบอบเผด็จการแบบไทยๆ ที่มีสำนักงานข่าวกรองแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CIA อยู่เบื้องหลัง ทำการต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอย่างรุนแรง มีการประกาศเผาฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่นที่ท้องสนามหลวง ประกาศเลิกโรงยาฝิ่น ประกาศเลิกซ่องโสเภณี ออกคำสั่งคณะปฏิวัติจับนักการเมืองโดยใช้ พ.ร.บ.การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ออกประกาศคณะปฏิวัติให้การกระทำอันเป็นอันธพาลเป็นความผิดและถูกจับกุมโดยไม่มีการตั้งข้อหา

มีผู้ถูกประหารชีวิตโดยข้อหามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ 2 คน คือนายศุภชัย ศรีสติ กับครูครอง จันดาวงศ์ คนแรกเป็นนักหนังสือพิมพ์ คนที่ 2 เป็นครูโรงเรียนประชาบาลที่สกลนคร ทั้ง 2 คนไปด่าจอมพลสฤษดิ์ ครูครองด่าในวงเหล้าว่า “จะเอาตีนช้างมาเหยียบปากมดอย่างพวกเรามันจะถูกหรือ” มีผู้ได้ยินนำไปฟ้องตำรวจ เท่านั้นเองครูครองโดนข้อหาว่ามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ถูกจับไปยิงเป้าที่สนามบินสกลนคร

จอมพลสฤษดิ์ปกครองด้วยการชูนโยบายพัฒนาทุกด้านเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็เป็นยุคที่ปกครองด้วยความกลัว มีคำกล่าวกันว่า เวลาจะกล่อมเด็กให้นอน ถ้าเด็กร้องไห้งอแง แม่ต้องขู่ว่า “จอมพลสฤษดิ์มาแล้ว” เด็กจะหยุดร้องไห้ทันทีด้วยความกลัว

ยุคจอมพลสฤษดิ์นั้นตรงกับยุคสงครามเย็นดังที่กล่าวมาแล้ว สหรัฐเชื่อในทฤษฎีโดมิโนที่ว่าถ้าประเทศใดเป็นคอมมิวนิสต์ประเทศอื่นๆ ก็จะล้มเป็นคอมมิวนิสต์ไปด้วย เมื่อเกิดเวียดนามเหนือขึ้น อเมริกาก็สถาปนารัฐบาลเวียดนามใต้ ใช้เส้นขนานที่ 17 เป็นเส้นแบ่งเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ สนับสนุนรัฐบาลเขมรฝ่ายขวาในกัมพูชา ประเทศไทยจึงเป็นประเทศด่านหน้า เป็นกำแพงป้องกันไม่ให้เกิดทฤษฎีโดมิโน โดยการอนุญาตให้อเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพหลายแห่งในประเทศไทย เพื่อให้เครื่องบินบินไปโจมตีฐานที่มั่นในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา

ด้วยความเชื่อว่าคอมมิวนิสต์นั้นกลัวความเจริญ กลัวถนนหนทาง กลัวไฟฟ้าน้ำประปา จึงเกิดคำโฆษณาชวนเชื่อว่า “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทำ” คนไทยในยุคนั้นต้องเป็นคนไทยที่พัฒนา เด็กในยุคนั้นต้องเป็นเด็กที่พัฒนา ข้าราชการในยุคนั้นต้องเป็นข้าราชการที่พัฒนา เมื่อพบว่าภริยารัฐมนตรีในคณะรัฐบาลรับสินบน รัฐมนตรีก็โดนติดคุก แม้ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยด้วยกันก็ตาม ภาคอีสานมีถนนหนทาง มีไฟฟ้า น้ำประปาดีกว่าภาคอื่น เพราะภาคอีสานมีคอมมิวนิสต์

จอมพลสฤษดิ์ถึงแก่อสัญกรรมขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนธันวาคม 2506 ไม่ช้าก็เกิดกรณีพิพาทกันระหว่างอดีตคู่สมรสกับทายาทอื่นๆ ในเรื่องการแบ่งมรดก จึงได้ทราบว่าเบื้องหลังมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงกันอย่างมโหฬาร จนจอมพลถนอม นายกรัฐมนตรีคนต่อมาต้องตั้งกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินที่ได้มาโดยอธิบายที่มาที่ไปไม่ได้ ซึ่งมีทั้งที่ดิน รถยนต์ เงินสด และอื่นๆ เป็นจำนวนกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่มากและถูกยึดเข้าคลังในเวลาต่อมา

ความที่เป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาด จึงมีข่าวว่ามีอนุภรรยามากมายนับเป็นร้อยๆ คน ทุกคนจะเป็นสาวสวย มีข่าวว่าการประกวดนางงามทุกครั้ง ผู้ประกวดรอบ 15 คนสุดท้ายถูกเหมาหมด ทุกคนจะได้บ้านพร้อมที่ดิน 200 ตร.ว. พร้อมกับรถเก๋ง เทานุช 1 คันเป็นของกำนัล ห้องนอนที่บ้านสี่เสาทาด้วยสีชมพู จนเรียกกันติดปากว่าวิมานสีชมพู คล้องกับชื่อเพลงของคณะสุนทราภรณ์อันเป็นที่นิยมในสมัยนั้น ส่วนบ้านและที่ดินจัดสรรที่ถนนสุทธิสารวินิจฉัยก็ยังอยู่ แต่เปลี่ยนมือไปหลายทอดแล้ว

ในขณะดำรงตำแหน่งก็ได้รับคำสรรเสริญเยินยอจากสื่อมวลชน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เพราะเคยมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งไปวิพากษ์วิจารณ์และบริภาษ เมื่อจะต้องไปทำการผ่าตัดม้ามโตที่อเมริกาก็ไปพาดหัวข่าวว่า “ม้ามของชาติ” ก็เลยถูกทหารชุดหนึ่งเอาค้อนปอนด์ไปทุบแท่นพิมพ์ ที่โรงพิมพ์จนพังพินาศ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสียหายอีกเลย

ผลงานในด้านการพัฒนาถนนหนทาง สนามบิน ท่าเรือ การรับการช่วยเหลือจากธนาคารโลก การกำหนดระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ตรึงค่าเงินบาทไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ การเริ่มการพัฒนาอุตสาหกรรมตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยเริ่มจากการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนการนำเข้า การประกาศใช้แผนการส่งเสริมการลงทุน จัดตั้งสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นการปฏิวัติโครงสร้างพื้นฐานทางราชการครั้งใหญ่ และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อพูดถึง “สฤษดิ์น้อย” ย่อมมีคนที่สะดุ้งตกใจ เพราะงานของจอมพลสฤษดิ์มีทั้ง 2 ด้าน คืองานที่น่ากลัวและงานที่น่าชื่นชม แต่ที่แน่ๆ ก็คือการเป็นแบบฉบับของรัฐบาลเผด็จการทหารที่เรายังใช้เป็นแม่แบบมาจนถึงปัจจุบัน เช่น รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว การตั้งสภาแต่งตั้ง ซึ่งต่อมาเป็นวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง การใช้อำนาจเด็ดขาดตามมาตรา 17 ซึ่งเป็นต้นแบบของมาตรา 44 ในปัจจุบัน การใช้โทษประหารชีวิต การจับกุมคุมขังนักการเมือง การจับกุมผู้กระทำการอันเป็นอันธพาล ต่อมาในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เรียกว่าผู้เป็นภัยต่อสังคม

ถ้าจะเป็นสฤษดิ์น้อย ก็ต้องเร่งโครงการพัฒนาทั้งหลาย เช่น โครงการรถไฟรางคู่ ขยายสนามบินทั้งในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ท่าเรือน้ำลึก เร่งโครงการพัฒนาพื้นที่เขตชายฝั่งตะวันออก ลดการผลิตสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลืองลง เพราะเป็นพืชที่ราคาต่ำ สู้นำเข้าไม่ได้ แล้วพัฒนาส่งเสริมให้กลายเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางการส่งออกอาหารของโลก ยกระดับการพัฒนาจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางให้เป็นประเทศที่มีรายได้ระดับสูง

ส่วนในด้านมืดของจอมพลสฤษดิ์ เช่น การมีฮาเร็มที่มีหญิงสาวรูปงาม ที่กวาดมาจากเวทีการประกวดนางงาม ใช้เงินที่ทุจริตคอร์รัปชั่นซื้อหามา เป็นการละเมิดสิทธิสตรีอย่างโจ่งแจ้ง การมีทรัพย์สินจำนวนมากจากการฉ้อราษฎรบังหลวง ที่พบจากการสอบสวนหลังจากถึงอสัญกรรมไปแล้ว ด้านมืดเหล่านี้ควรจะละเว้นหลีกเลี่ยง แม้ในยามที่ยังอยู่ในอำนาจจะไม่มีใครขุดคุ้ย แต่ความจริงก็ย่อมเป็นความจริงและจะต้องถูกขุดคุ้ยขึ้นมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ควรคิดว่าจะปิดบังได้

การอยู่ในอำนาจเด็ดขาดสำหรับบ้านเราควรจะมีกำหนดระยะพอดี ระยะหนึ่งที่คนจะชื่นชอบ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผลงานก็จะน้อยลง เพราะสิ่งที่ริเริ่มไว้ก็ยังไม่ได้ลงมือทำ หรือทำแล้วแต่ก็ยังไม่เสร็จ ผู้คนจึงยังไม่รู้สึกว่าเป็นผลงาน รู้สึกว่าไม่มีผลงานเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลเผด็จการทหารที่อยู่ในอำนาจนานที่สุด เกือบเท่าจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แล้ว

ผลงานของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีมากมายทั้งสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า ถนนหนทาง สาธารณูปโภค สาธารณูปการ การปราบปรามฝิ่นและยาเสพติด ที่สำคัญคือเลือกเข้าข้างอเมริกา ซึ่งเป็นฝ่ายยึดมั่นในลัทธิเสรีนิยมทางเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัว เติบโตได้อย่างรวดเร็วกว่าระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม

แต่อีกด้านหนึ่งก็คือความไม่เคารพต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ความเป็นอำนาจนิยม ความไม่เป็นระบบ ไม่เป็นนิติรัฐ เป็นระบอบ “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว” หรือระบอบการปกครองโดยบุคคลเพียงคนเดียว แต่เมื่อเกิดความเสียหายแล้วตนเองก็ไม่มีปัญญาที่จะรับผิดชอบอะไรได้

ขนลุกเมื่อได้ยินคำว่าสฤษดิ์น้อย หรือ Little Sarit

...

Wisut Waiyos ผลาญเงิน กับกู้เงินมาผลาญอย่างเดียว อย่างอื่นทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง

ooo




ooo


คำต่อคำ! เปิดบทสัมภาษณ์ “บิ๊กตู่” บนนิตยสาร TIME
https://www.prachachat.net/politics/news-182529