วันจันทร์, กรกฎาคม 02, 2561

งง ?!? ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง มือปืนป๊อปคอร์น วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ คดีพยายามฆ่ากลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ที่บริเวณห้างไอทีสแควร์ ย่านหลักสี่ เมื่อ ก.พ.ปี 57 ชี้หลักฐานไม่เพียงพอ




https://www.facebook.com/thairath/videos/10155805569772439/


ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องมือปืนป๊อปคอร์น | 27-06-60 | ชัดข่าวเที่ยง




https://www.youtube.com/watch?v=cNgxuZD1NTU

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมือปืนป๊อปคอร์น ที่ก่อเหตุปะทะกันบริเวณแยกหลักสี่ เมื่อปี 2557 จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 37 ปี 4 เดือน


ที่ศาลอาญา วันที่ 27 มิ.ย. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ ฟ้อง นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ อายุ 27 ปี มือปืนป๊อปคอร์น เป็นจำเลยฐานฆ่าผู้อื่น มีอาวุธสงครามที่เจ้าพนักงานไม่มี หรืออาจอนุญาตให้มี และพกพาอาวุธ เหตุเกิดที่สี่แยกหลักสี่ หน้าห้างไอทีสแควร์ กรณีมีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุม กปปส. กับฝ่ายผู้ชุมนุม นปช. เมื่อเที่ยงวันที่ 1 ก.พ.2557 จำเลยกับพวกไปที่สี่แยกหลักสี่ เป็นพื้นที่ ปรากฏเหตุการณ์กระทบความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร แล้วยิงปืนเข้าไปในศูนย์การค้า ไอทีสแควร์ ทำให้ น.ส.สมบุญ สักทอง นายอะแกว แซ่ลิ้ว นายนครินทร์ อุตสาหะ และนายพยนต์ คงปรางค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและนายอะแกวเสียชีวิต คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อ 3 มี.ค.2559 ลงโทษจำคุกฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และข้อหาอื่นๆ ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ แต่ลดโทษเหลือจำคุก 37 ปี 4 เดือน

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า มีประเด็นว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ คดีนี้โจทก์มีพนักงานสอบสวน ได้สืบสวนทราบว่า มีคนร้ายเกี่ยวข้องกับการยิงรวม 21 คน ในจำนวนนี้มีชายชุดดำ คือจำเลยคดีนี้รวมอยู่ด้วย ดังที่ปรากฏในภาพนิ่งที่เห็นชายชุดดำ ในสถานที่และเวลาเดียวกับที่เกิดเหตุหลายรูป แม้โจทก์จะมีเทปภาพเคลื่อนไหว หรือวีทีอาร์กับภาพนิ่ง จากหนังสือพิมพ์ แต่โจทก์ไม่นำสืบถึงความเกี่ยวข้องหรือนำตัวผู้ถ่ายหรือนำประจักษ์พยานมาเบิกความประกอบให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องพยานโจทก์จึงมีข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นผู้กระทำผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยพิพากษายกฟ้องแต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา

หลังฟังคำพิพากษา นายวิวัฒน์หรือมือปืนป๊อปคอร์น ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก พูดไม่ออก ขณะที่ญาติผู้ติดตามเหตุการณ์ ต่างพูดคุยกันเซ็งแซ่โกลาหล ฟังไม่ได้ศัพท์ จากนั้นจึงคุมตัวนายวิวัฒน์กลับเรือนจำบางขวางทันที.



ที่มา ไทยรัฐออนไลน์