วันพฤหัสบดี, เมษายน 05, 2561

บิ๊กตือมาเอง ตะแคงยัน ไม่สร้างต่อหมู่บ้านป่าแหว่ง

อ๊ะ เรื่องพวกผู้พิพากษากินที่ดินเนินเขาดอยสุเทพ-ปุย นี่ คสช. ค่อนข้างจะอะลุ่มอล่วยเป็นพิเศษ บัวไม่ให้ช้ำ น้ำขุ่นนิดหน่อย ดันไปจนได้

บิ๊กตือมาเอง “ยืนยันว่า จะไม่มีการรื้อบ้านพักที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง ส่วนต้นไม้ที่ถูกตัดเป็นจำนวนมากนั้น จะมีการปลูกทดแทนให้เหมือนเดิม” พร้อมทั้งนั่งยันด้วยว่า “มีการดำเนินการอย่างถูกต้องตามตามขั้นตอนทุกอย่าง โดยพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของราชพัสดุ ที่ให้กองทัพดูแล”

ซ้ำปลดเงื่อนพันตัวเองไปพร้อมกัน ก้งโค้งยัน “พื้นที่ดังกล่าวก็เป็นคนละเรื่องกันกับมูลนิธิป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด ที่ตนเองนั้นเป็นประธานอยู่” แถมนอนตะแคงยัน “มีแนวโน้มว่าจะไม่ก่อสร้างต่อ (หมู่บ้านป่าแหว่ง)

แต่จะให้ประชาชนได้ร่วมใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย” ส่วนจะใช้คำสั่งตามมาตรา ๔๔ เข้ามายุติปัญหาดังกล่าวหรือไม่นั้น “ต้องขอดูรายละเอียดในการหารือกันก่อนว่าจะออกมาในลักษณะไหน”


จะเป็นได้ไหมว่า ปัดสวะพ้นตัวขณะที่มีชนักปักคออยู่อีกดอก เมื่อข่าวสปริงนิวส์ คนกันเองยังปูดว่า “พบทหารถูกร้องเรียนเรื่องทุจริตถึง ๕๐๐ คดี มีทหารตั้งแต่ระดับเล็กจนถึงพันโท” ส่วนระดับพันเอกขึ้นไป ก็เปิดช่องให้ ปปช. เข้าไปตรวจสอบ

พล.อ.บุญชู เกิดโชค จเร กอ.รมน. เปิดเผยว่า “ช่วงที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจำนวน ๑๔,๐๐๐ เรื่อง เกี่ยวกับทหารกว่า ๕๐๐ เรื่อง ที่ทำความผิดร่วมกัน”

พร้อมทั้งยังมีความละอายเกรงกลัวต่อบาปละตัวบท ว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นภารกิจต่อต้านทุจริต หากมีการละเว้นต้องถูกดำเนินคดีตามมาตรา ๑๕๗”


ทางฝ่ายตุลาการเช่นกัน ไม่เพียงแปลกไป บางทีมี พลิกล็อก เสียด้วย ไม่รู้เป็นเพราะเรื่องที่เขาลือๆ กันหรือเปล่าว่าเมื่อเร็วๆ นี้ประกาศิตให้ตัดสิน ตามเนื้อผ้าอย่างคดีเจ้าสัวล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ฯ ใครจะคิดว่าเป็นไปได้

“อัยการแถลงสรุปความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย ๖ ข้อหา” แถมนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังอุตส่าห์อธิบายตีกันไว้เผื่อใครจะข้องใจ ว่าทำไมไม่สั่งฟ้องอีก ๕ ข้อหาที่ตำรวจทำสำนวนส่งให้
 
ที่จริงเป็นเรื่องทางเทคนิคของข้อกฎหมาย เช่นประเด็นอาวุธปืนที่ทีมรักษาป่าพบขณะเข้าจับกุม นั่นฟ้องในข้อหา พา แต่ไม่ฟ้องข้อหา มีส่วนประเด็นเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ไม่ฟ้องเพราะหัวหน้าวิเชียรอนุญาตเอง และปล่อยให้เข้า

แต่ประเด็น ร่วมกันพยายามล่าสัตว์นั้นไม่ฟ้องเพราะมีนายธานี ทุมมาส คนเดียวที่ตั้งท่า พยายาม คนอื่นอีกสามรวมทั้งนายเปรมชัย ไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุ แต่ถูกสั่งฟ้องในประเด็นร่วมกัน ลงมือ ล่าสัตว์

สำหรับข้อหาทารุณกรรมสัตว์ อัยการไม่ติดใจเพราะกฎหมายทารุณกรรมสัตว์ ไม่ได้ระบุเสือดำเอาไว้ว่าต้องห้าม แต่ไปฟ้องในข้อหา ซ่อนเร้นซากสัตว์ กับข้อหา เก็บหาของป่าในเขตสงวน


อธิบายเสร็จแล้วไม่พอ อธิบดีอัยการภาค ๗ ขอตอกย้ำด้วยว่า “ความเห็นของคณะทำงานอัยการได้ใช้ดุลยพินิจในฐานะของนักกฎหมาย และพยานหลักฐานที่ปรากฏ พร้อมกับระมัดระวังความรู้สึกของประชาชนที่รู้สึกสูญเสียเสือดำซึ่งถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง”

แหม ถ้าเรื่องที่นี่มีคนตาย ๙๙ ศพ กับดับอาสาสมัครวัดปทุมฯ อัยการระวังความรู้สึกของประชาชนซึ่งสูญเสียคนที่ตนรัก ด้วยก็จะดีแหละ