วันพุธ, มกราคม 31, 2561

ตอนนี้มี 'รัฏฐาธิปัตย์' แต่ปัจจัยชี้ขาดสุดท้ายอยู่ที่ 'มัดหวาย' ประชาชนผู้รักเสรีภาพและประชาธิปไตย

“ก็ตอนนี้เราเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะเอาอะไร พี่ใหญ่ คสช. พ่นวลีย้อนยุค ที่ Pipob Udomittipong เปรียบเปรยให้ว่า “พูดแบบพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ L'État, c'est moi (The State, I am the State.) ขอให้มันมีจุดจบแบบเดียวกัน”

บ่ายวันอังคาร (๓๐ มกรา) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินออกมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรี คสช. ๕ แวะให้สัมภาษณ์ตามที่ รปภ. นัดหมายไว้ล่วงหน้า “ซึ่งตลอดการให้สัมภาษณ์มีทีมรักษาความปลอดภัยจำนวนกว่า ๖ นาย คอยกันผู้สื่อข่าวไม่ให้เข้าใกล้”

นักข่าวถามถึงเรื่องกลุ่ม เดินมิตรภาพประกาศเคลื่อนไหวเรียกร้องการเลือกตั้งต่อไปไม่หยุดยั้งทุกวันเสาร์ แม้ว่าจะถูกทหารแจ้งข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. เอาไว้

“ทำได้ทุกอย่าง” แต่ต้อง “อยู่ใต้กรอบกฎหมายและคำสั่ง คสช. ก็ตอนนี้เราเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะเอาอะไร” โดยนัยยะที่พิภพแนะไว้ นักประวัติศาสตร์รู้ดีวาทกรรมพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ นั้นกลายเป็นโมฆะไปเมื่อทรงพบกับกิโยติน

ดูเหมือน คสช.พยายามทำทุกอย่างไปในทางนั้น เราเป็นรัฐ จะจัดเลือกตั้งเมื่อไหร่ (หรือไม่) อย่าถาม รอไปเดี๋ยวรู้เอง ใครบังอาจทักท้วงทวงถาม ต้องถูกจับยัดคุกแบบยุคปฏิวัติฝรั่งเศส

วานนี้เช่นกัน โฆษก คสช. แจ้งว่ามีความจำเป็นต้องเอาผิดกับนักวิชาการ ๘ คน ที่ไปจัดกิจกรรมหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยขัดต่อคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ ฐานมั่วสุมและชุมนุมกันทางการเมืองเกินกว่า ๕ คนขึ้นไป
นักวิชาการทั้ง ๘ นำโดย ผศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ จะได้รับหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา หากไม่ไปจะมีหมายเรียกอีกครั้ง ถ้ายังไม่ให้ความร่วมมือก็จะออกหมายจับ (รวมความว่าจะไปเองหรือถูกจับก็ต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน)

ทำให้เป็นประวัติการณ์นานปีเพิ่งเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีคณาจารณ์ ๒๖ ท่าน นำโดย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ร่วมกันส่งหนังสือถึงหัวหน้า คสช. ให้ทบทวนเรื่องการดำเนินคดีกับผู้จัดกิจกรรมทั้งแปด

เนื้อความหนังสือร้องเรียนอ้างถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ๒๕๖๐ รับประกันเสรีภาพของประชาชน การใช้มาตรา ๔๔ ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ถึงเวลาต้องทบทวนไม่ให้ไปขัดกับ รธน. อีกทั้งการเดินตามโร้ดแม็พของ คสช. ก็ควรจะเปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม

โดยเฉพาะกิจกรรม เดินมิตรภาพ ไม่ใช่การมั่วสุมทางการเมืองดังข้อกล่าวหาอ้าง แต่เป็นกิจกรรมรณรงค์ประเด็นทางสังคมโดยใช้วิธีการเดิน

ยิ่งศาลปกครองมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นขัดขวาง “จึงไม่ควรมีการดำเนินคดีด้วยข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘ อีก”


แต่นั่นแหละ ผิวหนาอย่าง คสช. มีหรือจะรู้คิด นอกจากเล่นงานนักวิชาการแล้วยังหันไปขย้ำคนรุ่นใหม่ด้วย เมื่อทหารกองบัญชาการทัพบก รับมอบหมายจาก คสช.ทำการยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับนักกิจกรรมรุ่นหนุ่มสาว ๗ คน ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน ๕ คน ด้วยเหมือนกัน
รังสิมันต์ โรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา นายอานนท์ นำภา นายเอกชัย หงส์กังวาน นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ และนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล จากกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และฟื้นฟูประชาธิปไตย

จากการร่วมกันชุมนุมปาฐกถาบนสกายว้อค แยกปทุมวัน ขับไล่ คสช. เรียกร้องการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ โดนข้อหาขัดคำสั่ง ๓/๒๕๕๘ และยุยงปลุกปั่น ตามมาตรา ๑๑๖ ประมวลกฎหมายอาญา พร้อมกันถ้วนหน้า


นายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว แสดงปฏิกิริยาทันทีทางเฟชบุ๊ค “พูดตรงๆ นะครับ เผด็จการทรราช คสช. ไม่ไล่มัน มันก็ไล่บี้ประชาชนอย่างพวกเรา ๑๐ กุมภานี้ ผมขอประกาศไม่ถอยครับ”

ส่วนเนติวิทย์ ๓ ชั่วโมงต่อมาก็เขียนบนเฟชบุ๊คเช่นกันว่า “ผมไม่ได้อยุ่กลุ่มไหนทั้งนั้น และที่ไปงาน...ต้องการไปฟังเสียมากกว่า...

แต่ถ้าหากสิทธิพลเมืองในการตั้งคำถามกับคนที่เอาเงินภาษีของประชาคนไทยไปใช้ ไม่ได้ บอกอีกอย่างทำอีกอย่าง ถ้าถามเสียงดังๆ จะถูกเล่นงาน ผมคงไม่อาจปล่อยให้ประเทศนี้ตกอยู่ภายใต้การนำของคนเช่นนี้...

ดังนั้นการจะเล่นงานผมครั้งนี้ ผมไม่กลัวใดๆ ดีเสียอีกว่าอย่างน้อยผมคนนึง ก็ปกป้องประเทศชาติของเรา...(กรุณาอย่ากดเสียใจ ไม่มีอะไรประเสริฐเท่ากับการทำหน้าที่พลเมืองคนหนึ่งของชาติ)”

อีกคน อานนท์ นำภา มีปฏิกิริยาต่อโฑสต์ของผู้ใช้นาม Siriwanna Jill - New ซึ่งมักจะลงข้อความโจมตี ให้ร้ายป้ายสี บิดเบือนความจริงให้ผู้รณรงค์เพื่อประชาธิปไตยเสียหาย แล้ว ทีนิวส์ นำไปตีไข่ใส่สีเป็นนิจสิน

“ถึงขนาดบอกว่าการเรียกร้องการเลือกตั้งและหยุดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ เป็นการ ป่วนและ EU เป็นท่อน้ำเลี้ยง มันฟังดูเป็นเหตุเป็นผลกันตรงไหนวะ ไอ้คนเชื่อนี่ก็ดักดาน”

แน่นอน ดักดาน เป็นเหตุปัจจัยหลักแห่งความล่มจมด้วยอำนาจเผด็จการ มันทำให้พวกที่จ้องฉวยโอกาสได้จังหวะยึดอำนาจ แต่ก็ไม่สามารถปิดหูปิดตาผู้คนได้ทั้งหมดทั้งมวล ยิ่งในระดับสากลล้วนเป็นที่รับรู้แต่ไม่ยอมให้ท้าย แม้กระทั่งช่วยกันประณาม
ครั้งนี้ก็เช่นกัน จรัล ดิษฐาภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและที่ปรึกษารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งอาศัยอยู่ในนครปารีสและเพิ่งได้รับสถานะพลเมืองของประเทศฝรั่งเศส แจ้งว่า

“ผมส่งข่าวการแจ้งความดำเนินคดีผู้นำนักศึกษา ทนายความและนักประชาธิปไตย ๗ คน คัดค้านเลื่อนการเลือกตั้ง ถึงอียู รัฐสภายุโรป โต๊ะไทยกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน องค์การสิทธิมนุษยชนในยุโรป และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน” ให้นานาชาติรับรู้กันหมดแล้ว

“แต่ปัจจัยชี้ขาด” ในท้ายที่สุด “อยู่ที่ประชาชนผู้รักเสรีภาพและประชาธิปไตยในประเทศ” มัดหวายร่วมกันคัดค้านและต่อต้าน ไม่ให้เผด็จการ คสช. ยึดครองบ้านเมืองอีกต่อไป เสียที