“ก็ตอนนี้เราเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะเอาอะไร” พี่ใหญ่ คสช. พ่นวลีย้อนยุค ที่ Pipob
Udomittipong เปรียบเปรยให้ว่า “พูดแบบพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ L'État,
c'est moi (The State, I am the State.) ขอให้มันมีจุดจบแบบเดียวกัน”
บ่ายวันอังคาร (๓๐ มกรา) พล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ เดินออกมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรี คสช. ๕ แวะให้สัมภาษณ์ตามที่ รปภ.
นัดหมายไว้ล่วงหน้า “ซึ่งตลอดการให้สัมภาษณ์มีทีมรักษาความปลอดภัยจำนวนกว่า ๖ นาย คอยกันผู้สื่อข่าวไม่ให้เข้าใกล้”
นักข่าวถามถึงเรื่องกลุ่ม ‘เดินมิตรภาพ’ ประกาศเคลื่อนไหวเรียกร้องการเลือกตั้งต่อไปไม่หยุดยั้งทุกวันเสาร์
แม้ว่าจะถูกทหารแจ้งข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. เอาไว้
“ทำได้ทุกอย่าง” แต่ต้อง “อยู่ใต้กรอบกฎหมายและคำสั่ง
คสช. ก็ตอนนี้เราเป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะเอาอะไร” โดยนัยยะที่พิภพแนะไว้ นักประวัติศาสตร์รู้ดีวาทกรรมพระเจ้าหลุยส์ที่
๑๔ นั้นกลายเป็นโมฆะไปเมื่อทรงพบกับกิโยติน
ดูเหมือน คสช.พยายามทำทุกอย่างไปในทางนั้น
เราเป็นรัฐ จะจัดเลือกตั้งเมื่อไหร่ (หรือไม่) อย่าถาม รอไปเดี๋ยวรู้เอง
ใครบังอาจทักท้วงทวงถาม ต้องถูกจับยัดคุกแบบยุคปฏิวัติฝรั่งเศส
วานนี้เช่นกัน โฆษก คสช.
แจ้งว่ามีความจำเป็นต้องเอาผิดกับนักวิชาการ ๘ คน
ที่ไปจัดกิจกรรมหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยขัดต่อคำสั่งหัวหน้า
คสช. ฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ ฐานมั่วสุมและชุมนุมกันทางการเมืองเกินกว่า ๕ คนขึ้นไป
นักวิชาการทั้ง ๘ นำโดย ผศ.ดร.อนุสรณ์
อุณโณ จะได้รับหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา หากไม่ไปจะมีหมายเรียกอีกครั้ง
ถ้ายังไม่ให้ความร่วมมือก็จะออกหมายจับ
(รวมความว่าจะไปเองหรือถูกจับก็ต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน)
ทำให้เป็นประวัติการณ์นานปีเพิ่งเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มีคณาจารณ์ ๒๖ ท่าน นำโดย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ร่วมกันส่งหนังสือถึงหัวหน้า
คสช. ให้ทบทวนเรื่องการดำเนินคดีกับผู้จัดกิจกรรมทั้งแปด
เนื้อความหนังสือร้องเรียนอ้างถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
๒๕๖๐ รับประกันเสรีภาพของประชาชน การใช้มาตรา ๔๔ ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.
ถึงเวลาต้องทบทวนไม่ให้ไปขัดกับ รธน. อีกทั้งการเดินตามโร้ดแม็พของ คสช.
ก็ควรจะเปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม
โดยเฉพาะกิจกรรม ‘เดินมิตรภาพ’ ไม่ใช่การมั่วสุมทางการเมืองดังข้อกล่าวหาอ้าง
แต่เป็นกิจกรรมรณรงค์ประเด็นทางสังคมโดยใช้วิธีการเดิน
ยิ่งศาลปกครองมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว
ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นขัดขวาง “จึงไม่ควรมีการดำเนินคดีด้วยข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง
คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘ อีก”
แต่นั่นแหละ ผิวหนาอย่าง คสช.
มีหรือจะรู้คิด นอกจากเล่นงานนักวิชาการแล้วยังหันไปขย้ำคนรุ่นใหม่ด้วย
เมื่อทหารกองบัญชาการทัพบก รับมอบหมายจาก
คสช.ทำการยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับนักกิจกรรมรุ่นหนุ่มสาว ๗ คน
ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน ๕ คน ด้วยเหมือนกัน
รังสิมันต์ โรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ น.ส.ณัฎฐา
มหัทธนา นายอานนท์ นำภา นายเอกชัย หงส์กังวาน นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ และนายเนติวิทย์
โชติภัทร์ไพศาล จากกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และฟื้นฟูประชาธิปไตย
จากการร่วมกันชุมนุมปาฐกถาบนสกายว้อค แยกปทุมวัน
ขับไล่ คสช. เรียกร้องการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ โดนข้อหาขัดคำสั่ง
๓/๒๕๕๘ และยุยงปลุกปั่น ตามมาตรา ๑๑๖ ประมวลกฎหมายอาญา พร้อมกันถ้วนหน้า
นายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว
แสดงปฏิกิริยาทันทีทางเฟชบุ๊ค “พูดตรงๆ นะครับ เผด็จการทรราช คสช. ไม่ไล่มัน
มันก็ไล่บี้ประชาชนอย่างพวกเรา ๑๐ กุมภานี้ ผมขอประกาศไม่ถอยครับ”
ส่วนเนติวิทย์ ๓ ชั่วโมงต่อมาก็เขียนบนเฟชบุ๊คเช่นกันว่า
“ผมไม่ได้อยุ่กลุ่มไหนทั้งนั้น และที่ไปงาน...ต้องการไปฟังเสียมากกว่า...
แต่ถ้าหากสิทธิพลเมืองในการตั้งคำถามกับคนที่เอาเงินภาษีของประชาคนไทยไปใช้
ไม่ได้ บอกอีกอย่างทำอีกอย่าง ถ้าถามเสียงดังๆ จะถูกเล่นงาน
ผมคงไม่อาจปล่อยให้ประเทศนี้ตกอยู่ภายใต้การนำของคนเช่นนี้...
ดังนั้นการจะเล่นงานผมครั้งนี้
ผมไม่กลัวใดๆ ดีเสียอีกว่าอย่างน้อยผมคนนึง ก็ปกป้องประเทศชาติของเรา...(กรุณาอย่ากดเสียใจ
ไม่มีอะไรประเสริฐเท่ากับการทำหน้าที่พลเมืองคนหนึ่งของชาติ)”
อีกคน อานนท์ นำภา
มีปฏิกิริยาต่อโฑสต์ของผู้ใช้นาม Siriwanna
Jill - New ซึ่งมักจะลงข้อความโจมตี ให้ร้ายป้ายสี
บิดเบือนความจริงให้ผู้รณรงค์เพื่อประชาธิปไตยเสียหาย แล้ว ‘ทีนิวส์’ นำไปตีไข่ใส่สีเป็นนิจสิน
“ถึงขนาดบอกว่าการเรียกร้องการเลือกตั้งและหยุดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ
เป็นการ ‘ป่วน’ และ
EU เป็นท่อน้ำเลี้ยง มันฟังดูเป็นเหตุเป็นผลกันตรงไหนวะ
ไอ้คนเชื่อนี่ก็ดักดาน”
แน่นอน ‘ดักดาน’ เป็นเหตุปัจจัยหลักแห่งความล่มจมด้วยอำนาจเผด็จการ มันทำให้พวกที่จ้องฉวยโอกาสได้จังหวะยึดอำนาจ
แต่ก็ไม่สามารถปิดหูปิดตาผู้คนได้ทั้งหมดทั้งมวล
ยิ่งในระดับสากลล้วนเป็นที่รับรู้แต่ไม่ยอมให้ท้าย แม้กระทั่งช่วยกันประณาม
ครั้งนี้ก็เช่นกัน จรัล ดิษฐาภิชัย
อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและที่ปรึกษารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ซึ่งอาศัยอยู่ในนครปารีสและเพิ่งได้รับสถานะพลเมืองของประเทศฝรั่งเศส แจ้งว่า
“ผมส่งข่าวการแจ้งความดำเนินคดีผู้นำนักศึกษา
ทนายความและนักประชาธิปไตย ๗ คน คัดค้านเลื่อนการเลือกตั้ง ถึงอียู รัฐสภายุโรป
โต๊ะไทยกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน องค์การสิทธิมนุษยชนในยุโรป
และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน” ให้นานาชาติรับรู้กันหมดแล้ว
“แต่ปัจจัยชี้ขาด” ในท้ายที่สุด “อยู่ที่ประชาชนผู้รักเสรีภาพและประชาธิปไตยในประเทศ”
มัดหวายร่วมกันคัดค้านและต่อต้าน ไม่ให้เผด็จการ คสช. ยึดครองบ้านเมืองอีกต่อไป
เสียที