วันพฤหัสบดี, มกราคม 18, 2561

ปปช.ยุคลิ่วล้อ คสช. นี่ไม่ชอบดูตัวเอง คดีรถโฟ้คคันเดียวของอดีตปลัดคมนาคม ยังโดนชี้มูลส่งฟ้อง

Add caption
จะเป็นเพราะพี่ใหญ่ฮุนต้าไทย รองหัวหน้า คสช. โดน เดลี่เมลออนไลน์หนังสือพิมพ์ดังอังกฤษประจาน เรียก นายพลโรเล็กซ์ หรือไม่ เลยให้ลิ่วล้อไปแว้งกัดชาญวิทย์ นักวิชาการประชาธิปไตย

มิตรสหายออนไลน์แห่ให้กำลังใจอดีตอธิการบดีธรรมศาสตร์ ศ.ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กันพรึ่บ หลังจากที่ถูกกองบังคับการปราบผู้แสดงความเห็นผ่านระบบเท็คโนโลยี่ (ชื่อยาวแต่ใช้ย่อว่า ปอท.) แจ้งความดำเนินคดี

โดย พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม รับหน้าที่เป็นผู้ฟ้องร้องในข้อหานำลงข้อความเท็จ เป็นความผิด พรบ. คอมพิวเตอร์ ม.๑๔ มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี ปรับไม่เกิน ๑ แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้เนื่องจาก ดร.ชาญวิทย์ได้แชร์โพสต์ของผู้ใช้นาม Ploy Siripong และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระเป๋าถือที่เมียบิ๊กตู่ใช้ระหว่างเดินทางไปสหรัฐ ในทำนองว่า “การใช้สินค้าราคาแพงนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติของชนชั้นนำไทย”

หากแต่ว่ากันว่ากระเป๋าถือสีดำใบนั้นของนางนราพร จันทร์โอชา เป็นหัตถกรรมไทยไม่ใช่ยี่ห้อแอเมสราคา ๒ ล้านดังที่โพสต์อ้าง

ทว่าคำฟ้องอิงบทบัญญัติกฎหมายว่าเป็นความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบ “ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”


ซึ่งดูเหมือนตำรวจจะอ้างข้อกฎหมายเพี้ยนไปจากฐานความผิดลิบลับ Atukkit Sawangsuk ถึงได้ให้คอมเม้นต์ว่า “ไม่ใช่หมิ่นประมาทนภาพร? เป็นความเสียหายแก่ประชาชน? นภาพรเป็นแม่พวกกูเหรอ ถึงต้องเสียหายไปด้วย”

แต่กับกรณีพี่ใหญ่ คสช. ซึ่ง ซีเอสไอแอลเอต้นตอข่าวที่เดลี่เมล ‘pick up’ เก็บเกี่ยวเนื้อหาเอาไปนำเสนอ ได้ทำหน้าที่ สื่อออนไลน์สืบสวน Online Sleuth ขุดค้นนำลงข้อความอันจริงแท้เกี่ยวกับนาฬิการาคาเหยียบล้านที่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงสวมใส่ออกงานไม่ซ้ำกัน ๒๕ เรือน

ไม่เห็น ปอท.จะขยับปากบ้าง ทั้งที่เป็นการครอบครองโดยผิดกฎหมายไม่แจ้งในรายการทรัพย์สินต่อ ปปช. ปล่อยให้เป็นข่าวดังใหญ่ในต่างประเทศทั่วโลก เมื่อเดลี่เมลตีพิมพ์ภาพพร้อมรายละเอียดยี่ห้อ รุ่น และราคาจาก 'CSI LA' Facebook page

ซ้ำระบุว่าตลอดปีทีผ่านมามีคนเห็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ใส่นาฬิกาไม่ซ้ำกันหลากหลาย เช่น โรเล็กซ์ ๑๑ เรือน ปาเต็กฟิลลิปส์ ๘ เรือน ริชาร์ด มิลล์ ๓ เรือน ออเดมาร์พิก ๒ เรือน และ เอแลงก์แอนด์โซน ๑ เรือน รวมทั้งเรือนล่าสุดลำดับที่ ๒๕ เป็นมูลค่าทั้งสิ้น ๓๙.๕ ล้านบาท

นอกจากชี้ว่าเรื่องนาฬิกาเพื่อนให้ยืมนี้ทำให้ฮุนต้าอับอาย (อันนี้ไม่น่าจะจริง เพราะพวกนี้ ด้านได้อายอด กันทั้งนั้น) เดลี่เมลยังเอ่ยถึงบรรยากาศการเมืองในไทยว่า “นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ยึดอำนาจไปในปี ๒๕๕๗ ที่กลุ่มการเมืองต่างสี ได้เข้ามารวมหัวกัน ทิ้งความขัดแย้งต่างๆ ไว้ข้างหลัง”


อย่างไรก็ตามองค์กรปราบทุจริตก็ยังกระมิดกระเมี้ยน เมื่อวาน (๑๗ มกรา) ทั่นเลขาฯ ปปช. หน้าเป็นคนนั้นบอกว่า “งานเสร็จก่อนค่อยแถลง” 

อ้าว แล้วนี่ไม่ใช่งานหรือไร ซ้ำยังมีหน้าออกมาแจ้งว่า “เตรียมเปิดเซฟ รมต. ใน ครม. บิ๊กตู่” เมื่อนายวรวิทย์ สุขบุญ เปิดเผยว่า ปปช.จะเปิดบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลประยุทธ์
 
เมื่อตรวจดูรายชื่อมีแต่รัฐมนตรีใหม่หรือย้ายกระทรวง หมดหวังได้ชื่นชมความมั่งมีของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงที่ดังลั่นโลกเวลานี้ไปอย่างน่าเสียดาย

แหม่ แค่ย้อนไปดูผลงานของตัวเองในอดีตไม่ไกล ต้องขอบใจ พีพีทีวี ที่ขุดคุ้ยของเก่ามาให้ดู ว่าเมื่อปี ๒๕๔๒ มีการตรวจทรัพย์สินปลัดฯ คมนาคม พบรถโฟ้คสวาเก็นราคา ๒.๙ ล้านบาทอยู่ในครอบครองของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม

ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดและส่งฟ้องตามกระบวนการ นายสุพจน์จึงถูกตัดสินจำคุก ๑๐ เดือนฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ๕ ปี 

นี่ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ทำให้เห็นกระบวนการตรวจสอบและการทำงานของ ป.ป.ช.ในคดีลักษณะนี้”


เสียแต่ว่า ปปช. ยุคลิ่วล้อ คสช. นี่ไม่ชอบดูตัวอย่างข้อวินิจฉัยที่องค์กรเคยทำไว้แล้ว เหมือนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วไป เขาแค่ดูธงและรอรับใบสั่งงานจากคณะผู้บงการเท่านั้น