ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 (ศาล มทบ.23) เบิกตัว ‘ไผ่’ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักกิจกรรมกลุ่มดาวดิน
มาศาลเพื่อสืบพยานโจทก์คดีชูป้ายคัดค้านรัฐประหาร ซึ่งอัยการศาล มทบ.23 เป็นโจทก์ฟ้องในความผิดฐาน
ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่
5 คนขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาต
ในระหว่างการสืบพยาน
พ.ต.ท.นรวัฒน์ คำพิโล เเบิกความต่อศาลว่า ป็นผู้ร่วมจับกุมนายจตุภัทร์
บุญภัทรรักษากับเพื่อนรวม 7 คน เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 58
“ทนายจำเลยถามค้านว่า
พยานกับจำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน
แต่จำเลยกับทหารจะมีสาเหตุโกรธเคืองกันจากการที่จำเลยทำกิจกรรมชู 3
นิ้ว เมื่อครั้งที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตรวจราชการที่
จ.ขอนแก่นหรือไม่ พยานไม่ทราบ
พยานทราบว่าเมื่อปี 2557
มีการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ส่วนการทำรัฐประหารเป็นความผิดฐานเป็นกบฏในราชอาณาจักร
หรือเป็นปฏิปักษ์กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ พยานไม่ขอออกความคิดเห็น
เนื่องจากไม่แน่ใจ
พยานทราบว่าขณะเกิดเหตุ
ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่า
สิทธิและเสรีภาพ ที่ประชาชนเคยได้รับการคุ้มครอง
มีย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย อย่างไรก็ตามพยานเห็นว่าคำสั่ง
คสช. สามารถใช้บังคับได้เหนือกว่าข้อความในรัฐธรรมนูญ
พยานไม่ขอออกความเห็นว่า
การที่จำเลยออกมาคัดค้านรัฐประหารนั้นสอดคล้องกับหลักการในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่
แต่พยานทราบว่าการชุมนุมเป็นสิทธิทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ในการเข้าจับกุมจำเลย
พยานไม่มีเวลาเพียงพอที่จะพิจารณาว่า จะกระทบสิทธิเสรีภาพของจำเลยตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทนายจำเลยถามพยานว่า
ระหว่างทัศนคติที่สนับสนุนกับค้านรัฐประหาร ทัศนคติแบบไหนที่สมควรถูกปรับ
พยานตอบว่าไม่ทราบ พยานเห็นว่า
การกระทำของจำเลยหากทำในช่วงที่บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยก็ไม่ผิดกฎหมาย
แต่ขณะเกิดเหตุประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยหรือไม่นั้น พยานขอไปศึกษาก่อน
ในการตอบคำถามค้านที่พยานตอบว่า
ไม่มีหรือไม่ขอออกความเห็นนั้น ทนายจำเลยได้ถามว่า
เป็นเพราะพยานเกรงเหตุเภทภัยที่จะเกิดกับตัวเอง หรือเป็นเพราะพยานยังไม่แน่ชัด
ซึ่งพยานตอบว่า เป็นเพราะยังไม่แน่ชัด โดยระบุด้วยว่า ไม่ขอก้าวล่วงการแสดงความเห็นทางกฎหมาย”
เห็นได้ว่าพยานไปให้การโดยไม่ตอบคำถาม
ตอบไม่ได้ ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ ขอไปศึกษาดูก่อน ล้วนแต่ไม่เป็นประโยชน์แก่การดำเนินคดีเลยแม้แต่นิด
เสียเวลาทั้งต่อผู้พิพากษา ทนาย อัยการ
และเสธ.พี้ช พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี ผู้จัดวางกำลังควบคุมสถานการณ์บริเวณศาลและทางเข้า
มทบ.23 อย่างเข้มงวด ประการสำคัญเสียงบมาณให้แก่บรรดาเจ้าพนักงานและข้าราชการที่กินเงินเดือนรัฐ เป็นอย่างยิ่ง
ไผ่ ดาวดิน
จำเลยจึงลุกขึ้นแถลงต่อศาลตามสิทธฺของตนบ้างว่า “การที่พยานตอบเช่นนั้น
ทำให้จำเลยรู้สึกว่าการจับกุมในครั้งนี้ไม่มีเหตุผล
พยานอ้างเพียงแต่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยไม่ได้ทำตามกฎหมาย พร้อมระบุว่า
คดีนี้เป็นคดีทางความคิด เจ้าหน้าที่ยิ่งต้องคำนึงถึงหลักการทางกฎหมาย”
TLHR @TLHR2014
รายงานเพิ่มเติมว่า “ในการพิจารณาคดี #ไผ่ดาวดิน ที่ศาลทหารขอนแก่นวันนี้
มีการนำกระดาษที่มีข้อความอ้างถึงข้อหาละเมิดอำนาจศาลและดูหมิ่นศาลมาติดเอาไว้
พร้อมกับอธิบายว่าการกระทำแบบใดที่ ‘อาจ’ เข้าข่ายความผิดด้วย”
อย่างไรก็ดี การนัดสืบพยานวันนี้กำหนดพยานโจทก์
๒ ปาก แต่พยานอีกปาก “พ.ต.อ.พิสิฐ หลวงเทพ
พนักงานสอบสวน เดินทางไปราชการที่ จ.สกลนคร ไม่มาศาล แต่โจทก์ยังประสงค์จะนำพยานเข้าเบิกความ
จึงเลื่อนการสืบพยานปากนี้ไปนัดหน้าในวันที่ 22 มี.ค. 61”
ซึ่งเป็นการยืดเวลาพิจารณาคดีออกไปอีก
และจำเลยก็ยังต้องถูกคุมขัง เนื่องจากศาลไม่ยอมให้ประกันตัว ปล่อยชั่วคราวอยู่นั่นแล้ว
ครั้นเมื่อสืบพยานเสร็จ ตุลาการทหารก็มีคำสั่งให้ “ควบคุมนายจตุภัทร์
กลับไปคุมขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นทันที”
อานนท์ นำภา
ทนายความของไผ่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วันที่ ๒๒
มีนาจะเป็นการสืบพยานโจทก์ปากสุดท้าย “จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนของการสอบพยานฝ่ายจำเลย
คาดว่าจะเริ่มในเดือนเมษายน โดยทีมทนายความที่รับผิดชอบคดีนี้จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
“ซึ่งฝ่ายจำเลย ได้ขอเบิกพยานทั้งหมด 4
ปาก ซึ่งคาดว่าการนัดสอบพยานฝ่ายจำเลยนั้นจะสิ้นสุดในอีก 4 เดือนต่อจากนี้จากนั้นก็จะเข้าสู่การพิจารณาคดี
ซึ่งคดีความนี้มั่นใจว่าจะสิ้นสุดและตัดสินภายในปี 2561”
สำหรับส่วนตัวไผ่ ได้พบผู้สื่อข่าวระยะสั้นๆ
จึงถามความเป็นไปของการเดินมิตรภาพ พอทราบหลักการ ๔
ข้อของกลุ่มรักหลักประกันสุขภาพ “ไผ่บอกว่า ดีน่ะ
จะเดินถึงชัยภูมิป่ะ เดือนหน้าผมย้ายไปอยู่เรือนจำภูเขียวแระ
บอกเค้าด้วย
ผมจะเดินออกกำลังกายรออยู่ในเรือนจำ ตอนนี้แข็งแรงมาก มี 6 packs ด้วย
พร้อมยกชายเสื้อโชว์ 6 packs”
(ขอบคุณเนื้อหาจาก Apinan Uttamangkapong)