สื่อเขาว่าบิ๊กตู่ “ชิงแต้มฐานเสียงคนจน”
ละนะ แบบที่ วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์แฉชัด “ทุกวันนี้ก็มีการหาเสียงล่วงหน้า
เช่น
การทำโครงการแจกบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยให้กับประชาชนทั่วประเทศ ๑๑,๔๐๐,๐๐๐ ใบ
และมีการจัดสรรงบประมาณล่าสุดสนับสนุนโครงการดังกล่าวอีก ๓๕,๐๐๐
ล้านบาท”
นสพ.ประช่าชาติธุรกิจ บอกตรงๆ “ดร.สมคิด
จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝากความหวังกับมาตรการ ‘แก้จนเฟสสอง’ เป็นอย่างมาก เพราะเป็น ‘เดิมพันสูง’ ของพล.อ.ประยุทธ์และคณะ หากหวังที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
(คนนอก) อีกครั้ง”
โดยตั้งคณะกรรมการติดตามผล ชื่อย่อ คอต. ให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน
เสริมด้วยกลไกของกระทรวงมหาดไทยทำหน้าที่ขับเคลื่อน เรียกว่าคณะอนุกรรมการพัฒนาฯ
ชื่อย่อ คอจ. ซึ่งในกรุงเทพฯ ให้ปลัด กทม. รับผิดชอบ ส่วนต่างจังหวัดให้ผู้ว่าฯ ๗๖
แห่งเป็นประธาน และเอาผู้จัดการกับตัวแทนประชารัฐในแต่ละจังหวัด ๗๗
แห่งเป็นกรรมการ
แล้วยังมี ‘ทีมหมอประชารัฐสุขใจ’ (ปรจ.)
มาทำหน้าที่กำกับดูแลผุ้มีรายได้น้อยที่เข้าเกณฑ์รับบัตรสวัสดิการเป็นรายบุคคล
ในสัดส่วนผู้รับผิดชอบ ๑ คนต่อคนจน ๓๐-๕๐ คน โดยให้
ผอ.เขตและนายอำเภอเป็นประธานในแต่ละพื้นที่ รวม ๘๗๘ ชุดทั่วประเทศ
เหล่านี้จะเป็นผู้บริหารจัดการเงินงบประมาณ
๓ หมื่น ๕ พัน ๗ ร้อยล้านบาท อันเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณ (ไม่ใช่) ประชานิยม
(ไม่ใช่) หาเสียง กลางปี ๒๕๖๑ นี่ทั้งสิ้น ๑ แสน ๕ หมื่นล้านบาท
โดยแตกหน่อไปที่โครงการปฏิรูปภาคเกษตร ๔ หมื่นล้าน กองทุนหมู่บ้าน ๑ หมื่นล้าน
และพัฒนาเศรษฐกิจระดับตำบลอีก ๑ หมื่นล้าน
จะเห็นว่าเม็ดเงินลงพื้นที่ฐานเสียงคนจนบานตะไท
ที่เอาไปเติมเงินบัตรคนจนไว้ซื้อสินค้าจากบริษัทเจ้าสัวที่ร้านธงฟ้า เพิ่มเป็นคนละ
๓๐๐ กับ ๕๐๐ บาท รวม ๑๓,๙๐๐ ล้านบาท ที่ ‘ใบตองแห้ง’ ข่าวหุ้น (คอม) เม้นต์ว่าคงไปลงกระเป๋าพวกข้าราชการในรูปเบี้ยเลี้ยงเบี้ยประชุมสัก
๓ พันกว่าล้าน ค่าจ้างวิทยากรจัดอบรมวิชาชีพอีก ๑.๙ หมื่นล้าน
ซึ่งได้ผลแค่ไหน “ทุกคนรู้แก่ใจ”
ในเมื่อ “ผู้ถือบัตรคนจนได้วงเงินเพิ่ม ข้าราชการได้เบี้ยเลี้ยง
แถมมีงบอบรมกระจายไปทั่วประเทศ แต่ถามว่าแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนหรือเปล่า”
แบบเดียวกับโครงการ
ต้นกล้าอาชีพ สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ที่ให้เบี้ยเลี้ยงเดือนละ ๔,๘๐๐ บาท
ค่ารถอีก ๑,๐๐๐ บาท “ก็ไม่ต่างอะไรกับโครงการ ๙๑๐๑
(ใต้เบื้องยุคลบาท ร.๙) ที่ให้งบชุมชนละ ๑.๒๕ ล้านบาท
ครึ่งหนึ่งเอาไปซื้อขี้หมูขี้ไก่ ครึ่งหนึ่งจ้างชาวบ้านทำปุ๋ย”
เช่นนี้ วัชระ เพชรทอง
อดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ที่ออกมาซัดว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ นี่แหละตัวการ กลไกจัดตั้งพรรคทหารรองรับประยุทธ์เป็นนายกฯ
คนนอก ถึงได้บอกว่า บัตรสวัสดิการคนจน ๑๑ ล้าน ๔
แสนคนนั้น
“จะเป็นเครื่องมือในการหาเสียงให้กับพรรคทหาร
ในช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงเลือกตั้ง
โดยอาจจะมีการทุ่มเม็ดเงินมาให้กับคนที่ถือบัตรสวัสดิการดังกล่าว
เป็นเงินระดับหลักพันบาท”
จึงต้องถามว่าเงินภาษีของประชาชนที่นำมาแจกลักษณะนี้
“จะเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษกับสังคมไทยในอนาคต และจะยุติธรรมกับพรรคการเมืองอื่นๆ
ที่ไม่ใช่พรรคทหารหรือพรรคแนวร่วมทหารหรือไม่”
ไม่เท่านั้น อดีต ส.ส.
ประชาธิปัตย์ที่อ้างในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ว่าเคยได้รับการทาบทามสองครั้งจาก
คสช. โดยเฉพาะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่วัชระเล่าว่าขณะคุยกันนั้น
เขายกประเด็นอะไรขึ้นมาก็จะต่อโทรศัพท์ตรงถึงผู้รับผิดชอบเอาคำตอบได้ทันที แบบว่าน่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง
กับพล.อ.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ ถามเรื่องปฏิรูปจัดสรรที่ดิน
ชาวบ้านอำเภอน้ำหนาว เพชรบูรณ์ ไม่เคยมีโฉนดของตนเอง บิ๊กหนุ่ยตอบรับทันที “กำลังดำเนินการครับ”
ต่อกรณี
พ.ต.อ.ที่ถูกโยงใยการจ้างวานมือปืนยิงใส่วัดพระแก้ว พล.ต.อ.ศรีวราห์
รังสิพราหมณกุล ขณะนั้นเป็น ผบช.นครบาล รับโทรศัพท์บิ๊กป้อมถามว่า “เฮ้ยปู ทำไมตั้ง พ.ต.อ.คนนี้มาเป็นผู้กำกับฯ
วะ” ก็ได้รับคำตอบ “ผมย้ายไปอยู่ กบ.น.๔ เรียบร้อยแล้วครับนาย”
กระทั่งว่าที่ ผบ.ทบ.คนต่อไป
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ สมัยยังเป็นแม่ทัพภาค ๑ ก็เคยเรียกเขาไปพบให้สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ว่า “เพราะเป็นคนดี” อีกทั้งยังบอกกับเขาโดยตรงว่า “เราเป็นพวกเดียวกัน”
วัชระเล่าว่าตนตอบขอบคุณ แต่คิดในใจ “เราเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่เมื่อไร” แล้วที่เขาเอามาเล่าเรื่องนี้ตอนนี้ ไม่รู้มีส่วนกับผลการบุกจับกุมผู้จัดการและป๋าแนะนำแขก
ของสถานอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ทหรือเปล่า
หลังจากที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปพูดไว้ที่งานสังสรรค์ปีใหม่เสื้อแดงแอล.เอ.
เมื่อวันก่อน ซึ่งข่าว ‘คมชัดลึก’ ยุคถูกครอบครองโดยสปริงนิวส์หมาดๆ สาดเสียว่า “กร่อยทั้งโลกา”
ว่าเป็นสถานค้าประเวณีที่เจ้าของเป็นทหารยิ่งใหญ่ระดับลุ้นชิงตำแหน่ง
ผบ.ทบ.นั่นเชียว