พี่ใหญ่ทีมพยัคฆ์นักยึดอำนาจเปิดปากอีกครั้ง
ไม่สะทกสะท้านหลังจาก ปปช. ชี้ช่องนำร่องเรื่องนาฬิกาหรู “ไม่ใช่ของตนเองไม่ต้องแจ้ง”
มิใย ‘นิด้าโพล’
เผยความเชื่อมั่นต่อการทำงานตรวจสอบรัฐบาล คสช. ของ ป.ป.ช. แทบไม่มีเหลือ
๗๖.๓๒ เปอร์เซ็นต์บอกว่าการทำงานของ ปปช. ต่อคดีนี้ “ไม่ปกติ ไม่โปร่งใส” เพราะ ๖๑
เปอร์เซ็นต์เห็นว่า “มีการแทรกแซงการทำงานของ ปปช. จากรัฐบาล คสช.”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พูดอย่างไม่ละอายแม้แต่นิด
ถึงการที่ สนช.ยืดเวลาเลือกตั้งออกไปว่านี่สุดท้ายแล้ว แค่ ๓ เดือนเท่านั้น “ก็ไม่มีอะไร
ถ้าพวกเราอยู่กันอย่างนี้เรียบร้อย”
ต่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าใหญ่ที่เดี๋ยวนี้พูดจาเป็นนักการเมืองเต็มที่ ว่าการเลื่อนเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไป
๙๐ วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษานั่น “ไม่ขอก้าวล่วงการทำงานของ สนช.”
ขณะที่ฝ่ายทหารก็ยังตอหลดตอแหลแถไถกันต่อไปไม่จืด
ดังกรณีกองทัพบกจัดซื้อคอมพิวเตอร์ราคาแพงกว่าปกติสามเท่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก
ทบ. ออกมาแก้ต่างไปข้างๆ คูๆ ว่า
“ทางสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร
กองทัพบก (สวพ.ทบ.) จัดหามาในราคา ๑.๓ แสนบาท เป็นราคารวม ๓ เครื่อง” แต่มีคนจับไต๋โกหกจากเอกสารการจัดซื้อได้ว่า
“๑.๖ งานซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ IMAC
รุ่น ๒๑.๕ นิ้ว จำนวน ๑ รายการ...จากบริษัท อาตาบี จำกัด วงเงิน
๑๔๖,๗๐๐ บาท (ทางร้านฯ ขอรับเงินเพียง ๑๓๙,๑๐๐ บาท)”
เช่นกันกับกระบวนตุลาการ ที่ยังคงบิดเบี้ยว
คอยจ้องเล่นงานพวกเห็นต่างและฝ่ายต่อต้านเสียจนไม่ดูข้อเท็จจริงและความสมเหตุสมผล
ดังหนังสือของ สนง.คุมประพฤติที่ส่งถึง ‘จ่านิว’ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เตือนไม่ให้เคลื่อนไหวการเมือง
หนังสืออ้างว่าจ่านิวไปทำกิจกรรม ‘อภิปรายไม่ไว้วางใจและถอดถอนรัฐบาล คสช. ทั้งคณะ’ ที่บริเวณด้านหน้าสวนสัตว์ดุสิต
เมื่อวันที่ ๒๓ มกรา “มีความสุ่มเสี่ยงในการผิดเงื่อนไขการคุมความประพฤติ
ในเรื่องข้อห้ามคบหาสมาคม หรือจัดทำกิจกรรม
หรือรวมตัวกันในลักษณะอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก”
ทางด้านจ่านิวโต้ว่าเงื่อนไขคุมความประพฤตินั้นมาจากความผิดละเมิดอำนาจศาล
โดยมีคำสั่งว่า “ห้ามคบค้าสมาคมหรือจัดกิจกรรมรวมตัวในลักษณะอันนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก”
ซึ่งเขาเคยถามศาลว่าหมายความอะไร
“ศาลได้อธิบายว่าหมายถึง
ห้ามรวมกันทำกิจกรรมที่บริเวณศาลหรือป้ายศาล ซึ่งจะทำให้ละเมิดอำนาจศาลอีก
ไม่ได้เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมที่อื่น ๆ หรือห้ามชุมนุมทางการเมือง”
สิรวิชญ์ อ้าง
ดังนั้น “การเตือนในครั้งนี้โดยใช้ข้ออ้างว่าอาจจะผิดต่อเงื่อนไขของคำพิพากษาศาล
เป็นการเตือนเพื่อไม่ให้เขาเคลื่อนไหว” ซึ่ง “เขาคิดว่าสำนักงานคุมประพฤติอาจจะมีการเข้าใจผิดในคำพิพากษาดังกล่าว”
เสียแล้วละ
แม้แต่การสั่งฟ้องข้อหากบฏต่อแกนนำ กปปส.
๙ คน ที่พร้อมใจไปศาล แล้วได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวด้วยวงเงินประกันคนละ ๖ แสน
ที่ซึ่งทนายจำเลยเตรียมหลักทรัพย์ไปยื่นไว้ก่อนแล้วคนละ ๘ แสน แต่ศาลใจดีลดให้
ก็มีซุบซิบในแง่ร้ายว่าเป็นเพียง ‘ปาหี่’ สร้างบรรยากาศให้ดูดีไม่ลำเอียง นำไปสู่ประชาธิปไตยไทยนิยมแบบ
คสช. ที่นายกรัฐมนตรีไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งก็ได้
เราจึงได้เห็นที่ปรึกษา รมว.กลาโหม อดีต
พธม. ตัวสำคัญ ออกมาวิงวอนเสียงอ่อนเสียงหวานเป็นหนที่สอง “จะขอนิรโทษกรรม
ให้กับพี่น้องทั้งเหลืองทั้งแดง ที่ต้องคดี เกี่ยวกับการชุมนุม และความขัดแย้งทางการเมือง...
จะได้ปิดฉากความขัดแย้งภายในชาติเสียทีหนึ่ง...มิฉะนั้นบ้านเมืองไปไม่รอดครับ”
Paisal
Puechmongkol ผู้ที่มีตำแหน่งทางการในวง คสช. เป็น ‘กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)’ เล่นบทปรองดองบ้าง
กระทั่งพระสุวิทย์ ทองประเสริฐ ฉายาเดิม ‘สมีฟรีด้อม’ หนึ่งในแกนนำตัวเอ้ของ กปปส.
ที่ติดธุระไม่สามารถเดินทางไปศาลให้อัยการสั่งฟ้องได้ ก็ออกมาเล่นบทโอดครวญ
เตรียมเรี่ยไรกองทุนยุติธรรมเป็นค่าประกัน
“หากไม่ได้ เรื่องมันก็ง่ายมาก แค่ถอดจีวรแล้วไปนอนคุก” เอ๊ะ
คราวนี้ไม่ยักเหมือนกับตอนที่ไปเรี่ยไรโรงแรมเอสซีพ้าร์ค ที่คราวนั้นได้ไปหลายแสน