วันอังคาร, มกราคม 09, 2561

อำเล่นเป็นไอ้งั่ง ยังไม่เท่าโป้ปดมดเท็จ นี่เองจะทำให้ คสช. ต้องเสียของ

โห ลุงตูบโคตรตลก สั่งให้ยกคัตเอ๊าท์ (บ้านเราเรียก สแตนดี้) แผ่นกระดาษแข็งตัดเป็นรูปเท่าตัว ออกมาตั้งแล้วบอกนักข่าวอยากซักถามการเมืองหรือเรื่องขัดแย้ง โน่นไปถามไอ้หมอนั่น

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผู้สื่อข่าวบางคนหัวเราะคิกคัก แต่นี่ไม่ใช่การกระทำกับนักข่าวในลักษณะอำเล่นเป็นไอ้งั่ง หรือ ‘dumbfound’ ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนนี้เคยจับใบหูช่างเสียงคลึงเล่นบ้าง โยนเปลือกกล้วยใส่ตากล้องบ้าง รวมทั้งแกล้งขู่หน้าตายว่าจะจับไปประหารชีวิตถ้าขืนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

แต่หลักใหญ่ใจความข่าว เขาบอกว่า “หลังจากอยู่อำนาจมาหลายปีดีดัก เสียงก่นด่าเรื่องการครองเมืองด้วยนโยบายที่มักจะกดขี่ ไม่มีความโปร่งใส กลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”


จึงได้มีผู้ติดตามเฟชบุ๊คของ Wassana Nanuam ซึ่งเขียนรายงานข่าวนี้คอมเม้นต์ว่า “โรคจิตชนิดนึง รึป่าวคะ คนแบบนี้” คำถามของ Rungrong Sirikul นี่ก็ทำให้ ‘dumbfound’ ไปด้วยเหมือนกัน

แต่ที่ไม่ ทีเล่นทีจริงเห็นจะเป็นคำเตือนจากนักวิชาการรัฐศาสตร์ระดับอาวุโส ผู้ประกาศตัวเป็นกองเชียร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่อ้อนแต่ออกตอนยึดอำนาจใหม่ๆ มาเวลานี้เขียนจดหมายเปิดผนึก ถอดใจ ไปเสียแล้ว
 
ดร.เขียน ธีรวิทย์ แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ส่ง ส.ค.ส. ข้อความถึงนายกฯ (ที่ต่อไปอาจมีสมัญญาต่อท้ายว่า คนนอก) ว่า “ความศรัทธาของผมที่มีต่อท่านลดลงอย่างมากในระยะหลังนี้” ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ กองเชียร์ คสช. อีกคนเอามาเปิด

“ถ้าท่านจะเจียดเวลาสัก 4 นาทีไปนั่งสงบสติอารมณ์ สำรวจความหลังในรอบ ๔ ปีที่ผ่านมาว่า ท่านทำรัฐประหารเพื่อต้องการอำนาจหรือเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ” ดร.เขียนเปิดแผ่วแล้วจึงค่อยโหม

“การปฏิรูปประเทศของท่านล้มเหลวมาตลอด เพราะใช้คนไม่ถูกกับงานหรือเพราะท่านต้องการอยู่ในอำนาจยาวนานเพื่อปฏิรูปให้เสร็จก่อน? นโยบายปราบคอร์รัปชันของท่านจะไปรอดไหมถ้าท่านปล่อยให้คนสำคัญในรัฐบาลของท่านเป็นหนอนบ่อนไส้?

จากนั้นก็ตั้งหน้าสั่งสอนค่อนข้างยาว ถึงความผิดพลาด เรื่องหมาบางแก้ว เรื่องนาฬิกาหรู แล้วมาลงที่เรื่องหงุดหงิดบ่อย “ผมอยากเห็นท่านน่ารักดังในยามมีอารมณ์ดี ผมเชื่อว่าท่านทำได้ เปิดใจกว้างขึ้นเล็กน้อย และมองโลกในแง่ดีมากกว่าที่เป็นมา


ดูเหมือน ดร.เขียนจะลืมเอ่ยถึงอีกเรื่อง หรืออาจจะมองข้าม คือนอกจากจะเรียกศรัทธากลับคืนจากพวกติ่งและลิ่วล้อแล้ว ยังต้องสร้างศรัทธาใหม่เพื่อเรียกใจจากพวกที่เคยอยู่ห่างๆ ด้วย

ทางที่จะทำให้เกิดได้อย่างหนึ่ง ต้องไม่โกหกพกลมกับประชาชนจนเป็นบุคคลิกภาพ ลักษณะของการโป้ปดทั้งจากสายการนำและทีมงาน คสช. มีปรากฏอยู่เป็นนิจสินติดตัวดั่งกรรมพันธุ์

ยิ่งเมื่อนำไปใช้ในกิจการระหว่างประเทศ ต่างชาติเขาไม่ยอมรับเมื่อเห็นกันว่ารัฐบาลชุดนี้ไว้เนื้อเชื่อใจไม่ได้ พวกตนเองก็ไปไม่รอด

เห็นได้จากวิธีการให้ข่าวเท็จ หรือ ‘fakenews’ ของรัฐมนตรีต่างประเทศ เพื่อที่จะ ปกป้องผิว ผู้เป็นเจ้านายเอาไว้ จนความตอแหลได้หล่อหลอมหน้าตาและร่างกายของนาย ดอน ปรมัตถ์วินัย ไว้หมดจด
 
ล่าสุด รมว. ต่างประเทศเพิ่งจำนนด้วยภาพ ยอมรับว่า “ทราบมานานแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) อยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา” ทั้งที่เมื่อไม่ถึงเดือนมานี้เอง กต.ยังปากแข็งว่าไม่ทราบอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงลี้ภัยอยู่ที่ไหน

ซ้ำร้ายนายดอนย้ำด้วยว่าเหตุที่ทราบมานานแล้วนั้นเพราะ “ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ” อันเป็นการรับข่าวสารข้อมูลอย่างเป็นทางการเช่นนี้ มิควรที่จะแถลงมดเท็จเป็นอย่างอื่น


ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ ไม่กล้าเปิดเผยว่าทราบเบาะแสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะรู้ตัวดีว่าทำอะไรไม่ได้ เข้าทำนอง ปากหนา หน้าบางหรือว่า

ท้ายที่สุดแล้วการกบดานอย่างสงบของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นี่เป็นนโยบายลดแรงเสียดทานของ คสช. ระหว่างการจัดงานศพ ร.๙ เลยไปถึงพระราชพิธีราชาภิเษกที่เปรยกันไว้ว่าจะมาถึงในเดือนมีนาคมนี้

แต่การโกหกประชาชนในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ มันใช้การไม่ได้อีกต่อไปกับการที่ข่าวสารต่อโยงถึงกันทางสื่อสังคมถ้วนหน้าตลอดเวลา ๒๔/๗ 

วิเทโศบายที่เคยมุบมิบทำกันวงในเมื่อครั้งบ้านเมืองอยู่ภายใต้อาญาสิทธิราช ได้กลายรูปเป็นประชาพิจารณ์เสียแล้ว

นี่เองที่ลงเอยจะทำให้ คสช. ต้อง เสียของ’