วันศุกร์, เมษายน 29, 2559

ไม่พ่อก็ลูก แม่งมีแค่เนี้ย... เปิดเอกสารฝากขัง 8 แอดมินเพจ อ้างรับเงิน "พานทองแท้ ชินวัตร" หวังสร้างภาพให้บิ๊กตู่เป็นตัวตลก (มุกเดิมๆ รับจ้างมา)





ที่มา ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 8 รายที่ยื่นต่อศาลทหารนั้น ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย. พล.ต.วิจารณ์ จุดแดง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการข่าวคสช. มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 1-8 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3) และวันที่ 28 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ตจ้องหากับพวกได้ ตามหมายจับศาลทหารที่ 24-31/2559 ลงวันที่ 28 เม.ย. 2559 นำส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2557 ที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. และทั่วราชอาณาจักร พบการกระทำผิดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2559

พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2559 เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวทางทหารได้สืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลร่วมกันเปิดเว็บเพจเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อเพจว่า“เรารัก พล.อ.ประยุทธ” ตรวจสอบพบมีเนื้อหาโจมตีรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 116 ต่อมาวันที่ 27 เม.ย. 2559 เจ้าพนักงานรักษาความสงบ ซึ่งอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ร่วมกับตำรวจ ตรวจค้นสถานที่หลายจุดเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันของกลุ่มผู้ต้องหา และตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้อง พร้อมเชิญตัวผู้ต้องหามาซักถามปากคำ ได้ความว่า น.ส.ณัฏฐิกา วรธัณยวิชญ์ ได้ชักชวนให้นายศุภชัย สายบุตร มาเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว เพื่อล้อเลียนการเมือง นำภาพพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคำพูดขำๆมาใส่ โดยมีนายโยธิน มั่งคั่งสง่า เป็นผู้นำภาพไปโพสต์ในเพจ นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรานันท์ ทำหน้าที่หา/ส่งข้อมูลตัดต่อภาพ นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา เป็นผู้เผยแพร่เนื้อหา รูปภาพตัดต่อ นายนพเกล้า คงสุวรรณและนายธนวรรธ บูรณศิริ ทำหน้าที่ตัดต่อภาพเช่นกัน

ส่วนค่าใช้จ่ายที่ใช้ทำเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก นายหฤษฎ์ มหาทน ซึ่งรับเงินมาจากนาย ชัยธัช รัตนจันทร์ อีกทอด ซึ่งนายชัยธัช รู้จักและสนิทสนมกับนายพานทองแท้ ชินวัตร และเป็นผู้รับฝากเงินจากนายพานทองแท้ มาให้กับนายหฤษฎ์ อีกทอด โดยนายหฤษฎ์ จะนำเงินมาให้น.ส.ณัฎฐิกา และน.ส.ณัฏฐิกา ก็จะเป็นคนจ่ายเงินค่าจ้างในการทำงานของกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวนี้ และนายชัยธัช จะเป็นคนคอยสั่งการและควบคุมนายหฤษฎ์ อีกทอดหนึ่ง

การกระทำของผู้ต้องหานั้นเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีเจตนามุ่งหวังให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนในประเทศ เพื่อให้คนเข้ามาอ่านในเพจรู้สึกว่ารัฐบาลและนายกฯเป็นตัวตลก ไร้ความสามารถบริหารประเทศ เกลียดชัง ต่อต้านไม่สนับสนุนรัฐบาลและนายกฯ พวกที่ชอบความรุนแรงอาจเกิดความกระด้างกระเดื่อง หรือก่อความไม่สงบขึ้นในประเทศได้ อีกทั้งกลุ่มผู้ต้องหายังเกี่ยวโยงกับกลุ่มการเมือง อาทิ น.ส.ณัฏฐิกา สนิทกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นพิเศษ และเป็นคนก่อตั้งเพจต่อต้านรัฐบาลหลายเพจ อาทิ เพจนายจตุพร พรหมพันธุ์ เพจพีซทีวี เพจ UDD Thailand เพจ Read Intelligence เพจ Red Democracy ทั้งนี้ ถ้อยคำที่นำมาใส่ในภาพเข้าข่ายยุยงปลุกปั่น เชิญชวนให้มาร่วมขับไล่รัฐบาล และเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวมีคนเข้ามาติดตามมากถึง 7 แสนคน

ผู้กล่าวหาในฐานะผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชนฯ ซึ่งได้รับมอบจากผู้บังคับบัญชาให้มาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เนื่องจากหน่วยงานเห็นว่ากระทำดังกล่าวก่อนให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และพ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14

พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 2559 เวลา 15.00 น. แต่เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องดำเนินการ รอผลพิมพ์มือผู้ต้องหา รอสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 15 ปาก และรอผลการตรวจสอบเว็บไซต์จากกระทรวงไอซีที จึงจำเป็นต้องขอประทานศาลสั่งขังผู้ต้องหานี้ไว้กำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. ถึง 10 พ.ค. 2559 ตามพ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 โดยอนุโลม และประกาศคสช. ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 25 พ.ค. 2557 และหากผู้ต้องหาร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ขอคัดค้านเนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง และเป็นคดีความผิดต่อความมั่นคง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรวจประการอื่น