เสร็จสงกรานต์ ในประเทศ ‘ไตแลนเดีย’ ที่บางท่านเรียก ‘ตอแหลแลนด์’ หรือพูดแบบของขึ้นก็ต้องว่า ‘ตะไลแลนด์’ ซึ่งอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตไม่ได้ลดลง (ตาย ๓๓๘ ราย)
ทั้งๆ ที่ คสช. ใช้มาตรการเด็ดขาด ประกาศจะเอาคนขับรถเมาไปไว้ห้องดับจิต
แม้นว่า ทั่นผู้นัมบ์ปรับปรุงรายการโฆษณาชวนเชื่อใหม่ “เปลี่ยนเป็นการนั่งสนทนากับพิธีกร มีพันเอกหญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการ” ก็ตามที
ปวงประชาก็ยังต้องเผชิญกับเวรกรรมอย่างเคย สองสิ่งที่น้อยลงไป ไม่ค่อยมีในยุค คสช. ก็ยังต้องถามหากันต่อไป นั่นคือ ‘ความเป็นธรรม’ กับ ‘ความชอบธรรม’
“ขอความเป็นธรรมให้ผมด้วย” นายวัฒนา เมืองสุข โพสต์ข้อความบนเฟชบุ๊คถึงกรณีที่มีทหารไปเฝ้ารอหน้าบ้านของเขาในเขตประเวศ เพื่อจะนำตัวไปปรับทัศนคติอีกรอบ โดยทหารอ้างว่า
“เป็นเพราะนายวัฒนายังแสดงความคิดเห็นทางการเมืองหลายเรื่องในเชิงไม่สร้างสรรค์ สร้างกระแสให้เกิดความวุ่นวาย ผิดจากข้อตกลงที่ได้ให้ไว้ มีเจตนาท้าทายต่ออำนาจกฎหมายในการรักษาความสงบของ คสช.”
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสาเหตุการเชิญตัว (http://www.posttoday.com/politic/426690)
หากแต่นายวัฒนาและครอบครัวยังติดธุระอยู่ต่างจังหวัด ทหารสองคนที่นั่งฮัมวีไปรอรับตัวก็ยืนยันจะรอค้างคืนจนกว่านายวัฒนาจะกลับ ซึ่งจากโพสต์เฟชบุ๊คนายวัฒนาบอกว่าจะไปพบทหารในวันจันทร์ที่ ๑๘ นี้
กระนั้นก็ดี นายวัฒนาชี้ว่าการแสดงความเห็นของเขาที่ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ได้ผิดคำสั่งคณะรัฐประหารและข้อตกลงที่ให้ไว้เมื่อตอนถูกควบคุมตัวระยะแรกที่ คสช. ยึดอำนาจแต่อย่างใด
“ผมเป็นเพียงนักการเมืองเล็กๆ คนหนึ่งที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า ผมเชื่อว่าการเปิดเสรีภาพทางความคิดจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ ส่วนหลักนิติธรรมและประชาธิปไตยที่แท้จริงจะทำให้คนไทยทุกสีทุกกลุ่มสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติแม้จะคิดเห็นไม่ตรงกันก็ตาม”
เป็นข้อความอีกตอนที่นายวัฒนา นักการเมืองค่ายสีแดงเขียนร้องขอความเป็นธรรมเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน
รุ่งขึ้นอีกวัน นักกิจกรรมค่ายสีเหลือง ก็ถามหาความชอบธรรมผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์บ้าง
“เอาอีกแล้วเรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ เรื่องที่ไม่ควรทำกลับรีบ (แอบ) ทำ อย่างนี้เสียหายไปถึงนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
นายวีระ สมความคิด อดีตแกนนำเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น โพสต์เฟซบุ๊คถึงกรณีที่ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ใช้คำสั่งลับบรรจุลูกชายซึ่งเรียนจบนิเทศศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนเรศวร เข้ารับราชการทหาร ติดยศร้อยตรี มีเงินเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท
“ความชอบธรรมอยู่ตรงไหนครับ? เปรียบสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เฉลิม อยู่บำรุง เคยยัดลูกชายเข้าไปเป็นตำรวจ คนยังด่ากันทั้งประเทศ
ประยุทธ์-ประวิตร ยึดอำนาจบอกจะมาปฏิรูปประเทศ แต่ไม่เห็นจะปฏิรูปอะไรสักเรื่อง ขณะที่โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่ยังไม่ทันจางหาย ก็มาเกิดกรณีนี้ขึ้นอีก”
(http://www.matichon.co.th/news/106991)
ต่อการที่มีคนนำเอาคำสั่งลับของพล.อ.ปรีชาให้บรรจุลูกชายออกมาเปิดเผย สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ในช่วงเย็นวันที่ ๑๕ เม.ย. ๕๙ ได้ติดต่อไปยังพลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้
พลเอกปรีชายืนยันว่า “ลูกชายจบปริญญาตรีมาก็ต้องทำงาน เมื่อมีตำแหน่งว่างก็ให้เข้ามาทำงาน ซึ่งก็มีหลายคนในกองทัพที่ทำแบบนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ลูกชายพี่คนเดียวที่ทำแบบนี้ได้ เอาแค่นี้ก่อนนะ”
(http://www.isranews.org/เรื่องเด่…/…/46263-news01_46222.html)
“หลายคนในกองทัพทำกันแบบนี้” เป็นคำตอบแบบไม่ละอายต่อตราบาป โทษฐานคอรัปชั่นที่ใช้อำนาจในตำแหน่งเพื่อผลประโยชน์ของตน (และลูกชาย)
ดังที่ สศจ. เปรียบเปรยให้ไปฟังเพลง ‘พ่อพี่ไม่ได้เป็น (น้อง) นายก’ https://www.youtube.com/watch?v=BlDicc9Bqik
“ผมโตทันเพลงนี้ดังระเบิดก่อน ๑๔ ตุลา
จำได้ว่ามีการพูดๆ กันตอนนั้นว่ารัฐบาลไม่ชอบเพลงนี้ เพราะนึกว่าคนแต่งตั้งใจแซว ณรงค์ กิตติขจร (ลูกชายถนอม นายกตอนนั้น) เลยมีการ ‘แบน’ หรือไงนี่แหละ ผมยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้นะครับ ได้ยินเขาพูดๆ กัน ในการเสิร์ชเมื่อกี้ ได้เจอประวัติคนแต่งคนร้อง ก็เพิ่งรู้ว่าเขาชื่อ ‘แดง แดนทอง’
ผมเชื่อว่าคุณ ‘แดง แดนทอง’ คงไม่ได้ตั้งใจแต่งเพลงแซวณรงค์หรอก แต่งเป็น ‘เพลงจีบสาว’ ตามแบบเพลงลูกทุ่งธรรมดา แต่ผมว่าคนฟังจำนวนมากสมัยนั้นนึกถึงณรงค์ขึ้นมาจริงๆ”
(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=988751314511481&set=a.137616112958343.44289.100001298657012&type=1&theater)
สำหรับกรณีลูกชายพล.อ.ปรีชา น้องนายกฯ มันซ้ำร้าย irony ตรงที่ว่า เจ้าตัวนายปฏิพัทธ์ ลูกชายวัยเบญจเพศของน้องนายกฯ ก็ไม่ได้อยากไปเป็นทหารเท่าไรนักหรอก
