วันพุธ, เมษายน 27, 2559

ปัดโธ่...เป็นไปได้ยังไง คนไทยมีเงินเหลือใช้ห้าพันบาทต่อเดือน??? กินยาผิดซองหรือเปล่าซุปเปอร์โพล???





ผิดหวังตามฟอร์ม โดย แม่ลูกจันทร์ (กินยาผิดซองหรือเปล่าซุปเปอร์โพล??)

ไทยรัฐออนไลน์
26 เม.ย. 2559

หลังจากประโคมโหมโฆษณา “โครงการบ้านประชารัฐ” เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้กู้เงินไปซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองอย่างอึกทึกครึกโครม

พร้อมเสนอเงื่อนไขเร้าใจคิดดอกเบี้ยต่ำสุด ผ่อนได้น้อยที่สุด ผ่อนได้นานที่สุดถึง 30 ปี

เช่น...ขอกู้ 7 แสนบาท ผ่อนจิ๊บๆเพียง 3,000 บาทต่อเดือน

หรือกู้ 1.5 ล้านบาท ผ่อนเบาๆเพียง 7,200 บาทต่อเดือน

ทำให้พี่น้องประชาชนแห่ไปขอกู้เงิน “โครงการบ้านประชารัฐ” กันล้นหลามเกินห้ามใจ

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าฝันหวานของคนจนที่อยากมีบ้านของตัวเอง มันไม่ “ง่าย” อย่างที่ฉายหนังโฆษณา

ข้อมูลล่าสุด ซึ่งแถลงโดย “โฆษกไก่อู” สรุปว่า ตั้งแต่รัฐบาลเปิดแคมเปญโครงการสินเชื่อบ้านประชารัฐ ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 18 เมษายน มีพี่น้องประชาชนให้ความสนใจยื่นขอกู้ถึง 33,050 ราย

แยกเป็นยื่นขอกู้ธนาคารออมสิน 31,358 ราย ได้รับอนุมัติ 1,296 ราย

ขอกู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ 1,698 ราย ได้รับอนุมัติ 332 ราย

พูดง่ายๆ ยอดผู้ยื่นขอกู้ซื้อบ้านโครงการประชารัฐ 33,050 ราย มีคนสมหวังเพียง 1,628 ราย

แต่มีผู้ผิดหวังถึง 31,422 ราย

หรือเฉลี่ยผู้ยื่นขอกู้ 20 คน จะได้รับอนุมัติเงินกู้แค่ 1 คนเท่านั้นเอง

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า เหตุผลสำคัญที่ผู้มีรายได้น้อย (จำนวนมาก) ไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้โครงการบ้านประชารัฐของรัฐบาล

เนื่องจากพบว่าผู้ขอกู้เงินยังมีหนี้สินครัวเรือน หนี้สินสหกรณ์ หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินอื่นๆยังต้องผ่อนดอกผ่อนต้นติดค้างลำกล้องคาราคาซัง

ถ้าหากอนุมัติปล่อยกู้ก้อนใหม่ อาจผ่อนชำระหนี้เพิ่มไม่ไหว กลายเป็นหนี้เน่าหนี้เสียก้อนโต

ข้อสำคัญ การจะขอกู้เงินโครงการบ้านประชารัฐ ไม่ใช่ขอปุ๊บอนุมัติปั๊บอย่างที่ฉายหนังโฆษณา

ผู้ขอกู้เงินโครงการบ้านประชารัฐจะต้องมีหลักฐานมายืนยันว่ามีความสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ในระยะยาว

เช่น ต้องมีสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน ต้องโชว์บัญชีเงินฝากธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน และเอกสารอื่นๆอีกมากมาย

แถมดอกเบี้ยเงินกู้อัตราพิเศษก็คิดช่วงแรก 3 ปี หลังจากนั้นจะคิดดอกเบี้ยเงินกู้ลอยตัว

เช่นเดียวกับการผ่อนกู้เบาๆแค่ 3,000 บาทต่อเดือน ก็เฉพาะช่วงแรก 3 ปี

หลังจากนั้นต้องผ่อนเพิ่มขึ้นๆเป็นขั้นบันได

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย หรือผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอนจะสามารถผ่อนชำระหนี้ระยะยาว 20 ปี 30 ปี

เพราะลำพังจะหารายได้ให้พอใช้เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว ก็ยากลำบากเลือดตากระเด็น

ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจฟุบยาว การทำมาหากินฝืดเคือง ยอดหนี้สินครัวเรือนบานทะโร่ไปถึง 11 ล้านล้านบาท หรือ 81 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี

การที่ผู้มีรายได้น้อยจะผ่อนชำระหนี้เงินกู้ซื้อบ้านประชารัฐเดือนละ 5 พันบาท หรือเดือนละ 7 พันบาท หรือเดือนละ 10,000 บาท มันไม่หมูนะคุณ

“แม่ลูกจันทร์” ยังแปลกใจไม่หายที่ผลสำรวจซุปเปอร์โพลของ ดร.นพดล กรรณิกา แถลงว่าคนไทยยุครัฐบาลบิ๊กตู่ มีเงินเหลือเก็บเฉลี่ยถึงเดือนละ 5,366 บาทต่อคน

โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯมีเงินเหลือใช้เฉลี่ยคนละ 6,394 บาทต่อเดือน

ปัดโธ่...เป็นไปได้ยังไง คนไทยมีเงินเหลือใช้ห้าพันบาทต่อเดือน???

ถ้าเป็นเรื่องจริง คนไทย 80 เปอร์เซ็นต์คงไม่เป็นหนี้หัวโต??

กินยาผิดซองหรือเปล่าซุปเปอร์โพล??

"แม่ลูกจันทร์"

http://www.thairath.co.th/content/610596

ooo



โพลชี้ รัฐบาลบิ๊กตู่ คนไทยยังมีเงินเหลือเก็บ เฉลี่ยเดือนละ 5 พันกว่าบาท






ที่มา Kapook.com
22 เมษายน 2559

ซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจเงินในกระเป๋าของประชาชน ยุครัฐบาลบิ๊กตู่ พบคนไทยยังมีเงินเหลือเก็บในรัฐบาลนี้ เฉลี่ยเดือนละ 5 พันกว่าบาท

วานนี้ (21 เมษายน 2559) นายนพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล ได้เผยผลสำรวจในหัวข้อ "สำรวจเงินในกระเป๋าของประชาชน ยุครัฐบาลบิ๊กตู่" จากการรวบรวมข้อมูลจากประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 15 จังหวัด 6,157 ราย ระหว่างวันที่ 1-20 เมษายนที่ผ่านมา พบว่าเงินในกระเป๋าของประชาชนยุครัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีรายได้ค่ากลางรวมต่อเดือนจำนวน 17,031.41 บาท ขณะที่รายจ่ายต่อเดือนอยู่ที่เดือนละ 11,662.78 บาท โดยมีส่วนต่าง ส่วนเหลือเก็บแต่ละเดือนเดือนละ 5,368.63 บาท

ขณะที่เมื่อจำแนกออกตามเพศ พบว่าผู้ชายมีเงินเหลือเก็บแต่ละเดือนสูงกว่าผู้หญิง และหาเงินหารายได้ได้มากกว่า โดยผู้ชายมีรายได้เดือนละ 17,500.65 บาท รายจ่ายอยู่ที่เดือนละ 11,613.37 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 5,887.28 บาท

ส่วนผู้หญิงมีรายได้เดือนละ 16,529.54 บาท รายจ่าย 11,678.16 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 4,851.38 บาท ขณะที่ผู้มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี จะมีรายได้สูงกว่าผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีเกือบ 3 เท่า และมีเงินเหลือเก็บต่อเดือนสูงกว่าเกือบสี่เท่า

จากผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ในยุครัฐบาลนี้ประชาชนยังมีเงินเหลือเก็บอยู่ในกระเป๋า มีค่ากลางอยู่ประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน ทำให้ประชาชนสามารถสำรวจดูยอดเงินหลังหักค่าใช้จ่ายของตนว่าสูงหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เพื่อนำมาปรับปรุงการใช้จ่ายของตน

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลที่น่าสนใจคือ คนอีสานมีรายได้สูงสุด แต่ก็ใช้จ่ายสูงสุด ขณะที่คนภาคใต้มีรายได้ต่ำสุดและมีเงินเหลือเก็บน้อยสุด ซึ่งการที่รายได้ของประชาชนในแต่ละภาคไม่เท่ากันนี้นับเป็นเรื่องที่น่าห่วง โดยคนอีสานควรหากลไกมาลดรายจ่ายเพื่อให้เหลือเงินเก็บต่อเดือนเพิ่มขึ้น

ooo




อุ๊ต๊ะ!!! ไทยได้ที่1 เว้ยเห้ยยยย สงสัย "บลูมเบิร์ก เอาโพลของ "สวนสัตว์ดุสิตโพล" ไปประเมินเป็นศูนย์กลางแน่เลยไอ้เหี้ย

เอ๊าพวกมึง มีความสุขกันสิครับ รอเหี้ยอะไรอยู่ ...........ซู๊ด........เพลงมา
_________________________________

15 ประเทศที่มีความสุขเชิงเศรษฐกิจมากที่สุดตามลำดับ คือ 1.ไทย 2.สวิตเซอร์แลนด์ 3.ญี่ปุ่น 4.เกาหลีใต้ 5.ไต้หวัน 6.เดนมาร์ก 7.จีน 8.สหรัฐอเมริกา 9.นอร์เวย์ 10.สหราชอาณาจักร 11.ออสเตรีย 12.นิวซีแลนด์ 13.ไอซ์แลนด์ 14.มาเลเซีย และ 15.เยอรมนี.

@ หยุดดัดจริตประเทศไทย
26 เมษายน 2559

ooo

10 ปีก่อน.....