วันอาทิตย์, ตุลาคม 25, 2558
เดือนตุลามาอีกศพ ไปกองทบกับศพก่อน ฆ่าตัวตาย? ฆ่าตัดตอน? ความจริงสะท้อนความมืดมิด . . . วังเอ๋ย วังเวง...
ผู้ต้องหาคดี ๑๑๒ ที่ฮือฮาล่าสุด ตายอีกคน รายนี้ใช้เสื้อนักโทษผูกคอระหว่างถูกคุมขัง
(รายละเอียดข่าวที่นี่ http://news.mthai.com/hot-news/general-news/466667.html)
เห็นคอมเม้นต์บนเพจ Somsak Jeamteerasakul แล้วสะเทือน สะเทิ้น สะท้านใจ
“สองศพ แล้วสินะ ๑๑๒ นี้น่ากลัวจริงๆ บอกให้เลิกหรือแก้ก็ไม่แก้กัน การเป็นสลิ่มไม่ได้การันตีว่าจะไม่โดนนะ เห็นโหนกันเยอะ โดนซะเอง”
ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร คงต้องสาวกันยาวเหยียดไม่หยุด ถ้าอยากรู้
แบบนี้ก็ได้ : "กูตามข่าวสมเจียม กูมาถึงจุดนี้ได้ไงสัส" คนนี้เขาใช้อวตาร เลข ๙
ตามแถลงข่าวของกรมราชทัณฑ์ “แจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน” ว่า
“๓. คดีนี้เป็นคดีสำคัญ ผู้ต้องขังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง อาจมีปัญหาในการปรับตัว เพราะเพิ่งรับตัวไว้เมื่อวันที่ ๒๑ตุลาคม ๒๕๕๘”
ย้อนไปที่ถ้อยคำชี้แจงข้อ ๑ “ห้องขังที่เรือนจำชั่วคราว ไม่ใช่ห้องขังเหมือนเรือนจำปกติทั่วไป แต่ใช้อาคารที่ทำการของหน่วยทหาร ซึ่งมีประตูทึบผนังปูน ๔ ด้าน ไม่สามารถมองตรวจตราจากภายนอกได้ ต้องเปิดประตูจึงจะมองเห็น ภายในห้องขังมีเครื่องหลับนอนผู้ต้องขัง ใช้ระบบขังเดี่ยว ผู้ต้องขังทั้งหมดไม่มีโอกาสพบกัน”
ตีความตามตัวอักษร แสดงว่าเมื่อจับผู้ต้องหายัดใส่ห้องขังแล้ว เจ้าพนักงานมิอาจล่วงรู้ความเป็นตายร้ายดีของเขาได้ นอกเหนือจากนั้นราชทัณฑ์ชี้แจงระบบขังเดี่ยวทำให้พอเหมาๆ เอาได้ว่า ผู้เสียชีวิตคงไม่ได้ตายด้วยน้ำมือผู้ต้องขังคนอื่นๆ แน่
ย้อนเลยกลับไปตอนต้นแถลงข่าวอีกที “ข.ช.ปรากรม วารุณประภา...ผูกคอตัวเองกับลูกกรงห้องขังภายในเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีโดยเวรรักษาการณ์กลางคืนในวันดังกล่าวได้ตรวจพบ จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาและเปิดห้องขังเข้าไปให้การช่วยเหลือในทันที”
แสดงว่ามีการตรวจตราในเวลากลางคืน แต่ก็ช่วยชีวิตไว้ไม่ทัน (นี่เรา) จึงต้องจึงต้องหันไปหา ‘กูตามข่าวสมเจียม’ เอาแก่นแกล้มเกล็ด
“มีความเป็นไปได้ที่จะ ‘แขวนคอตาย’ จริงๆ คือไม่ใช่ถูกฆ่าปิดปาก เพราะด้วยแบ๊กกราวน์ที่รับใช้เจ้าสุดจิตสุดใจ แต่สุดท้ายมาโดนแบบนี้ มีโอกาสเกิดอาการ ‘ช็อค’ ทางจิตใจ รู้สึกโดน ‘ทรยศ’ หมดอาลัยตายอยาก”
หนำซ้ำมีเซเล็บสื่อ อดีต บก.ข่าวความมั่นคง ‘ทีพีบีเอส’ ปัจจุบันอยู่ที่ ‘นิวทีวี’ ช่องเดียวกับปอง อัญชะลี ไพรีรัก Sermsuk Kasitipradit ซ.ต.พ. เอาไว้ ๙ ช.ม.ก่อนหน้า
“ฟังมาจากนายทหารระดับพลอากาศเอกบอกว่า สังหรณ์ใจตั้งแต่เมื่อวานว่าอาจไม่รอด ตอนไปศาลไปบอกศาลว่าถูกซ้อม พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดขณะที่อีกสองคนสารภาพทั้งหมด และพยายามถอดเสื้อเพื่อให้ศาลเห็นรอยแผลถูกซ้อม …. ผู้ใหญ่ในกองทัพเล่ามาให้ฟังอย่างนี้เลยเล่าต่อ…”
จริง ไม่จริงอย่างไหน ตามราชทัณฑ์ชี้แจงหรือตามระดับพลอากาศเอกบอกไว้ ต้องให้เวลาทำหน้าที่ ซ.ต.พ. เพราะลำพังสื่อไทยดูจะไม่มี guts พอที่จะไปเสาะมาให้ ดังที่ สศจ.ปรามาสไว้
“แน่จริง ซีเรียสจริง เรื่องการตายปริศนาของบุคคลและคดีที่เกียวกับสาธารณะ เอาเลยครับ ไปสืบเสาะมารายงานเลย ทั้งกรณีสารวัตรเอี๊ยด และกรณี พล.ต.พิสิฐศักดิ์”
ถึงจุดนี้แน่นอนมีเพียงอย่างเดียว ผู้ต้องหาตาย รายที่สอง
“เดือนตุลามาอีกศพ
ไปกองทบกับศพก่อน
ฆ่าตัวตาย? ฆ่าตัดตอน?
ความจริงสะท้อนความมืดมิด . . .
วัง . . . วังเอ๋ย วังเวง
มาเฟียเบ่งแค่ไหนไม่ต้องปิด
ชี้เป็นชี้ตายกับหลายชีวิต
ใครลิขิตตัดสิทธิ์ลมหายใจ”
ข้างต้นนี่ Srisamorn Soffer เขียนไว้ เราไม่ได้เขียนเอง