ศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ ไอลอว์ ขอเชิญสื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วมสังเกตการณ์ นัดสอบคำให้การ คดี 112 คดีที่สองของโอภาส ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. เป็นต้นไป
โอภาส อายุ 67 ปีประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้า ซีคอนสแควร์ จับตัวเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2557 จากการเขียนผนังห้องน้ำของห้างฯ
...
โอภาส: An Old Man and His Love.
โดย พัฒน์รวีณ์ พีวาโร
ที่มา iLAW
"Close your eyes and I will kiss you ,Tomorrow I will miss you ."
สุภาพสตรีคนหนึ่ง ฮัมเนื้อเพลงท่อนนี้ขึ้น เมื่อผมเอ่ยปากว่าชอบเพลงนี้ที่สุดของ The Beatles วงดนตรีสากลชื่อดังจากยุค 60s ..
ต้นพฤศจิกายน 2557 ที่ศาลทหารกรุงเทพฯ ผมพบโอภาสและภรรยาเป็นครั้งแรก โอภาสชายวัย 67 รูปลักษณ์ภายนอก ผมขาวสีดอกเลา กับท่าทางดูใจดี พร้อมมิตรไมตรีจากรอยยิ้ม เมื่อเข้าไปกล่าวทักทายและเอ่ยปากชวนคุย เราทั้งสามคนก็เข้าไปท่องอยู่ในบทสนทนาหลากหลายเรื่องราว ภาษา วรรณกรรม ลงเอยด้วยดนตรี สิ่งที่เราต่างก็สนใจเหมือนๆ กัน
ลุงโอภาสเรียนจบอาชีวะศึกษา ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่เขาหลงใหล ทั้งลุงโอภาสและภรรยาสนใจอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ฟังเพลงสากล ดูทีวีและข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ที่ต่างเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาให้กับเขา
ทักษะด้านภาษา ยังช่วยให้ลุงโอภาสได้ทำงานแผนกต่างประเทศ ของบริษัทชื่อดัง มีโอกาสไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง และธุรกิจค้าขายหนังสือต่างประเทศก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาทำมานานหลายปี
เช่นเดียวกับดนตรี สิ่งที่เขารักมากที่สุด ....
ยี่สิบกว่าปีก่อน โรงแรมนารายณ์ ถนนสีลม คือหนึ่งในสถานที่ที่ลุงโอภาสเคยเล่นดนตรีสากลในตำแหน่งลีดกีต้าร์ ร่วมสมัยเดียวกับนักดนตรีแนวหน้าของเมืองไทยในขณะนั้น เช่น แหลม เมอริสัน, ช.อ้น ณ บางช้าง, ชรัส เฟื่องอารมณ์, สุรสีห์ อิทธิกุล ฯลฯ อีกทั้งในวัยหนุ่มเขายังเคยเป็นอาจารย์สอนดนตรีอีกด้วย
นอกจาก The Beatles ที่เป็นต้นแบบแรงบันดาลใจเวลาลุงโอภาสเล่าถึงเส้นทางสายดนตรี The Rolling Stones วงร็อกอังกฤษจากยุค 60s ก็เป็นอีกวงที่ชายวัยเลยเกษียณชื่นชอบ ลุงโอภาสเล่าให้ฟังว่า แท้จริงความหมายของชื่อวงนี้คือ มนุษย์ที่ครุ่นคิด จับเจ่ากับเรื่องเดิมๆ จนอับเฉาเกินไป
ผมเริ่มฉุกคิดว่า ชีวิตของลุงโอภาสก็เป็นเหมือนกับชื่อวงร็อกนี้หรือเปล่า ?
การเสพข่าวสารการเมือง-ฟังวิทยุชุมชน-ดูข่าวทีวี-เกิดความเครียด-ต้องหาที่ระบาย-อึดอัดในสภาวะที่แสดงออกไม่ได้ จนลงเอยด้วยการเขียนลงบนผนังห้องน้ำ
15 ตุลาคม 2557 ทหารในเครื่องแบบ 4 นาย ควบคุมตัวชายแก่อายุ 67 ปีคนหนึ่ง จากห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ไปสอบสวน และแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ตามข้อกล่าวหาที่ว่า ใช้ปากกาเคมีเขียนข้อความที่มีลักษณะหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ บนฝาผนังห้องน้ำของห้างสรรพสินค้า…
เบื้องต้น เจ้าตัวรับว่าเขียนข้อความตามข้อกล่าวหาจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นกษัตริย์ฯ เพียงแต่ต้องการวิจารณ์คณะรัฐประหาร
ลุงโอภาส ถูกคุมขังอยู่ที่ห้องขังกองปราบปรามเป็นเวลา 5 วัน ภายใต้บรรยากาศทางการเมืองที่เข้มงวด
ท่ามกลางความไม่รู้ไม่เข้าใจกระบวนการกฎหมายและอนาคตที่ต้องขึ้นอยู่กับอำนาจศาลทหาร ประกอบกับความเครียดทั้งเรื่องการงานการเงินและครอบครัว มีภรรยาสุดรักเพียงคนเดียวที่ยังคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ เดินทางมาเยี่ยม ซื้อข้าวซื้อน้ำ และของใช้จำเป็นอื่นๆ มาส่งให้ทุกวัน
20 ตุลาคม 2557 ภรรยาของลุงโอภาสหอบโฉนดที่ดินมูลค่าประเมิน 2.5 ล้านบาท เพื่อยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งถือว่าเป็นคดีมาตรา 112 ที่ยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ที่สูงที่สุดของปี แต่ศาลไม่อนุญาต โดยให้เหตุผลว่า...
"หากปล่อยตัวผู้ต้องหาอาจไปกระทำการใดๆ หรือก่อเหตุประการอื่น หรือผู้ต้องหาอาจหลบหนี ให้ยกคำร้อง"
หลังจากวันนั้น ภรรยาของลุงโอภาส ยังวนเวียนเดินทางจากบ้านไปศาลทหารเพื่อยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกอย่างน้อย 4 ครั้ง นอกจากหลักทรัพย์ที่สูงแล้ว ยังมีใบรับรองแพทย์ประกอบว่าโอภาสมีปัญหาสุขภาพ เป็นโรคเส้นเลือดในจอรับภาพบวมซึ่งอาจแตกและทำให้ตาบอดได้ ปกติผู้ต้องหาต้องพบแพทย์ทุก 2-3 เดือน หากมีอาการเครียดมากและไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วด้วยการยิงเลเซอร์ หากไม่ทันตาอาจบอดได้
ซึ่งศาลมีคำสั่งว่า "...แม้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำผู้ต้องหาก็มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดอาการอยู่แล้ว ข้ออ้างนี้จึงฟังไม่ขึ้น…"
หลังม่านลูกกรงที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ…
สิ่งที่พอจะเยียวยาและยื้อให้ลุงโอภาสยังมีกำลังใจ ตอนนี้ได้ คงเป็นการสอนภาษาอังกฤษที่เขารักให้กับเพื่อนนักโทษ และสอนภาษาไทยให้กับนักโทษชาวต่างชาติในเรือนจำ อีกทั้งกำลังใจจากภรรยาผู้เป็นดวงใจของชีวิต ที่แวะเวียนไปส่งกำลังใจให้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
ปัจจุบันอัยการยื่นฟ้องคดีของลุงโอภาสตั้งแต่ช่วงต้นมกราคม 2558 แล้ว คดียังอยู่ในระหว่างรอศาลทหารกำหนดวันสอบคำให้การ ลุงโอภาสตั้งใจจะรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ให้ศาลรีบตัดสินและยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อหวังกลับไปใช้ชีวิตปกติให้เร็วที่สุด
จากเนื้อเพลง All My Loving ท่อนต่อจากบรรทัดแรกของบทบันทึกนี้ที่ว่า
Remember I will always be true.
And then while I'm away,
I will write home every day,
And I will send all my loving to you.
อาจจะเป็นสิ่งที่ภรรยาของลุงโอภาส สุภาพสตรีที่ผมเจอที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร่ำบอกแก่สามีตัวเองทุกวัน เมื่อไปเยี่ยมที่เรือนจำ พร้อมรอคอยวันแสนหวานคืนกลับมา จากม่านลูกกรงอันขมขื่น ..
ติดตามคดีโอภาสเพิ่มเติมได้ที่--> http://freedom.ilaw.or.th/th/case/634
อ่าน 112 the series เรื่องอื่นได้ที่--> http://freedom.ilaw.or.th/blog/112-series
ศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ ไอลอว์ ขอเชิญสื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วมสังเกตการณ์ นัดสอบคำให้การ คดี 112 คดีที่สองของโอภาส ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. เป็นต้นไป
โอภาส อายุ 67 ปีประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้า ซีคอนสแควร์ จับตัวเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2557 จากการเขียนผนังห้องน้ำของห้างฯ ก่อนประสานงานให้ทหารรับตัวไปดำเนินคดี
ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 โดยระหว่างการสอบสวนโอภาสไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว จนกระทั่งฝากขังครบ 7 ผลัด 84 วัน และขึ้นศาลในชั้นสอบคำให้การ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2558 โอภาสให้การรับสารภาพ และศาลพิพากษาให้จำคุก 3 ปี ลดเหลือ 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญาเพราะเป็นคดีร้ายแรง
ปัจจุบันโอภาสต้องขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
โดยระหว่างการรับโทษโอภาสถูกฟ้องเป็นอีกคดีจากข้อความบนฝาผนังห้องน้ำอีกห้องหนึ่ง ซึ่งหากรับสารภาพในวันสอบคำให้การศาลอาจมีคำพิพากษาในวันนัดเลย นอกจากนี้ เขาไม่สามารถยื่นคำขอพระราชทานอภัยโทษ หรือคำขอพักโทษได้
เนื่องจากยังติดคำสั่งอายัดตัวจากอีกคดีหนึ่งอยู่ จนกระทั่ง 7 กรกรฎาคม 2558 อัยการทหารยื่นฟ้องโอภาสต่อศาล จากการเขียนฝาผนังห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ซีคอนสแควร์ ซึ่งเป็นการเขียนในเวลาไล่เลี่ยกันแต่เขียนคนละห้องกับคดีแรก
และนัดสอบคำให้การที่จะถึงนี้ โอภาสตั้งใจจะให้การรับสารภาพ และขอให้ศาลพิจารณาลงโทษสถานเบา ซึ่งศาลอาจมีคำพิพากษาในวันนั้นเลย หากศาลตัดสินว่ามีความผิด ตามมาตรา 112 โอภาสอาจได้รับโทษจำคุกระหว่าง 3-15 ปี ซึ่งจำนวนโทษจำคุกอาจมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับศาลจะกำหนด
ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า คดีนี้หากตำรวจและอัยการยื่นฟ้องการเขียนห้องน้ำทั้ง 2 ห้องเป็นคดีเดียวกัน และศาลมีคำพิพากษาไปในครั้งเดียว อาจมีผลให้คดีถึงที่สุดตั้งแต่เดือน มีนาคม 2558 และโอภาสมีโอกาสยื่นขอพระราชทานอภัยโทษหรือขอพักโทษไปนานแล้ว
แต่เมื่อถูกแยกฟ้องเป็นสองคดี และทั้ง 2 คดีก็ฟ้องในเวลาห่างกันพอสมควร ทำให้ระหว่างที่คดีที่ 2 ยังไม่ถึงที่สุด โอภาสยังไม่มีสิทธิยื่นขอพระราชทานอภัยโทษหรือขอพักโทษ และทำให้กำหนดเวลาที่จะได้ออกจากเรือนจำเลื่อนออกไปอีก
* ศาลทหารกรุงเทพตั้งอยู่ใน กรมพระธรรมนูญ ถ.หลักเมือง ติดกับกระทรวงกลาโหมฝั่งศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ
อ่านรายละเอียดคดีโอภาสทั้งหมด -->http://freedom.ilaw.or.th/th/case/634
อ่าน 112 The series ตอน An old man An his love. --> https://goo.gl/f4gjZm
"Close your eyes and I will kiss you ,Tomorrow I will miss you ."
สุภาพสตรีคนหนึ่ง ฮัมเนื้อเพลงท่อนนี้ขึ้น เมื่อผมเอ่ยปากว่าชอบเพลงนี้ที่สุดของ The Beatles วงดนตรีสากลชื่อดังจากยุค 60s ..
ต้นพฤศจิกายน 2557 ที่ศาลทหารกรุงเทพฯ ผมพบโอภาสและภรรยาเป็นครั้งแรก โอภาสชายวัย 67 รูปลักษณ์ภายนอก ผมขาวสีดอกเลา กับท่าทางดูใจดี พร้อมมิตรไมตรีจากรอยยิ้ม เมื่อเข้าไปกล่าวทักทายและเอ่ยปากชวนคุย เราทั้งสามคนก็เข้าไปท่องอยู่ในบทสนทนาหลากหลายเรื่องราว ภาษา วรรณกรรม ลงเอยด้วยดนตรี สิ่งที่เราต่างก็สนใจเหมือนๆ กัน
ลุงโอภาสเรียนจบอาชีวะศึกษา ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่เขาหลงใหล ทั้งลุงโอภาสและภรรยาสนใจอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ฟังเพลงสากล ดูทีวีและข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ที่ต่างเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาให้กับเขา
ทักษะด้านภาษา ยังช่วยให้ลุงโอภาสได้ทำงานแผนกต่างประเทศ ของบริษัทชื่อดัง มีโอกาสไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง และธุรกิจค้าขายหนังสือต่างประเทศก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาทำมานานหลายปี
เช่นเดียวกับดนตรี สิ่งที่เขารักมากที่สุด ....
ยี่สิบกว่าปีก่อน โรงแรมนารายณ์ ถนนสีลม คือหนึ่งในสถานที่ที่ลุงโอภาสเคยเล่นดนตรีสากลในตำแหน่งลีดกีต้าร์ ร่วมสมัยเดียวกับนักดนตรีแนวหน้าของเมืองไทยในขณะนั้น เช่น แหลม เมอริสัน, ช.อ้น ณ บางช้าง, ชรัส เฟื่องอารมณ์, สุรสีห์ อิทธิกุล ฯลฯ อีกทั้งในวัยหนุ่มเขายังเคยเป็นอาจารย์สอนดนตรีอีกด้วย
นอกจาก The Beatles ที่เป็นต้นแบบแรงบันดาลใจเวลาลุงโอภาสเล่าถึงเส้นทางสายดนตรี The Rolling Stones วงร็อกอังกฤษจากยุค 60s ก็เป็นอีกวงที่ชายวัยเลยเกษียณชื่นชอบ ลุงโอภาสเล่าให้ฟังว่า แท้จริงความหมายของชื่อวงนี้คือ มนุษย์ที่ครุ่นคิด จับเจ่ากับเรื่องเดิมๆ จนอับเฉาเกินไป
ผมเริ่มฉุกคิดว่า ชีวิตของลุงโอภาสก็เป็นเหมือนกับชื่อวงร็อกนี้หรือเปล่า ?
การเสพข่าวสารการเมือง-ฟังวิทยุชุมชน-ดูข่าวทีวี-เกิดความเครียด-ต้องหาที่ระบาย-อึดอัดในสภาวะที่แสดงออกไม่ได้ จนลงเอยด้วยการเขียนลงบนผนังห้องน้ำ
15 ตุลาคม 2557 ทหารในเครื่องแบบ 4 นาย ควบคุมตัวชายแก่อายุ 67 ปีคนหนึ่ง จากห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ไปสอบสวน และแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ตามข้อกล่าวหาที่ว่า ใช้ปากกาเคมีเขียนข้อความที่มีลักษณะหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ บนฝาผนังห้องน้ำของห้างสรรพสินค้า…
เบื้องต้น เจ้าตัวรับว่าเขียนข้อความตามข้อกล่าวหาจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นกษัตริย์ฯ เพียงแต่ต้องการวิจารณ์คณะรัฐประหาร
ลุงโอภาส ถูกคุมขังอยู่ที่ห้องขังกองปราบปรามเป็นเวลา 5 วัน ภายใต้บรรยากาศทางการเมืองที่เข้มงวด
ท่ามกลางความไม่รู้ไม่เข้าใจกระบวนการกฎหมายและอนาคตที่ต้องขึ้นอยู่กับอำนาจศาลทหาร ประกอบกับความเครียดทั้งเรื่องการงานการเงินและครอบครัว มีภรรยาสุดรักเพียงคนเดียวที่ยังคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ เดินทางมาเยี่ยม ซื้อข้าวซื้อน้ำ และของใช้จำเป็นอื่นๆ มาส่งให้ทุกวัน
20 ตุลาคม 2557 ภรรยาของลุงโอภาสหอบโฉนดที่ดินมูลค่าประเมิน 2.5 ล้านบาท เพื่อยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งถือว่าเป็นคดีมาตรา 112 ที่ยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ที่สูงที่สุดของปี แต่ศาลไม่อนุญาต โดยให้เหตุผลว่า...
"หากปล่อยตัวผู้ต้องหาอาจไปกระทำการใดๆ หรือก่อเหตุประการอื่น หรือผู้ต้องหาอาจหลบหนี ให้ยกคำร้อง"
หลังจากวันนั้น ภรรยาของลุงโอภาส ยังวนเวียนเดินทางจากบ้านไปศาลทหารเพื่อยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกอย่างน้อย 4 ครั้ง นอกจากหลักทรัพย์ที่สูงแล้ว ยังมีใบรับรองแพทย์ประกอบว่าโอภาสมีปัญหาสุขภาพ เป็นโรคเส้นเลือดในจอรับภาพบวมซึ่งอาจแตกและทำให้ตาบอดได้ ปกติผู้ต้องหาต้องพบแพทย์ทุก 2-3 เดือน หากมีอาการเครียดมากและไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วด้วยการยิงเลเซอร์ หากไม่ทันตาอาจบอดได้
ซึ่งศาลมีคำสั่งว่า "...แม้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำผู้ต้องหาก็มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดอาการอยู่แล้ว ข้ออ้างนี้จึงฟังไม่ขึ้น…"
หลังม่านลูกกรงที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ…
สิ่งที่พอจะเยียวยาและยื้อให้ลุงโอภาสยังมีกำลังใจ ตอนนี้ได้ คงเป็นการสอนภาษาอังกฤษที่เขารักให้กับเพื่อนนักโทษ และสอนภาษาไทยให้กับนักโทษชาวต่างชาติในเรือนจำ อีกทั้งกำลังใจจากภรรยาผู้เป็นดวงใจของชีวิต ที่แวะเวียนไปส่งกำลังใจให้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
ปัจจุบันอัยการยื่นฟ้องคดีของลุงโอภาสตั้งแต่ช่วงต้นมกราคม 2558 แล้ว คดียังอยู่ในระหว่างรอศาลทหารกำหนดวันสอบคำให้การ ลุงโอภาสตั้งใจจะรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ให้ศาลรีบตัดสินและยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อหวังกลับไปใช้ชีวิตปกติให้เร็วที่สุด
จากเนื้อเพลง All My Loving ท่อนต่อจากบรรทัดแรกของบทบันทึกนี้ที่ว่า
Remember I will always be true.
And then while I'm away,
I will write home every day,
And I will send all my loving to you.
อาจจะเป็นสิ่งที่ภรรยาของลุงโอภาส สุภาพสตรีที่ผมเจอที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร่ำบอกแก่สามีตัวเองทุกวัน เมื่อไปเยี่ยมที่เรือนจำ พร้อมรอคอยวันแสนหวานคืนกลับมา จากม่านลูกกรงอันขมขื่น ..
ติดตามคดีโอภาสเพิ่มเติมได้ที่--> http://freedom.ilaw.or.th/th/case/634
อ่าน 112 the series เรื่องอื่นได้ที่--> http://freedom.ilaw.or.th/blog/112-series
ooo
ศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ ไอลอว์ ขอเชิญสื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วมสังเกตการณ์ นัดสอบคำให้การ คดี 112 คดีที่สองของโอภาส ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. เป็นต้นไป
โอภาส อายุ 67 ปีประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้า ซีคอนสแควร์ จับตัวเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2557 จากการเขียนผนังห้องน้ำของห้างฯ ก่อนประสานงานให้ทหารรับตัวไปดำเนินคดี
ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 โดยระหว่างการสอบสวนโอภาสไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว จนกระทั่งฝากขังครบ 7 ผลัด 84 วัน และขึ้นศาลในชั้นสอบคำให้การ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2558 โอภาสให้การรับสารภาพ และศาลพิพากษาให้จำคุก 3 ปี ลดเหลือ 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญาเพราะเป็นคดีร้ายแรง
ปัจจุบันโอภาสต้องขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
โดยระหว่างการรับโทษโอภาสถูกฟ้องเป็นอีกคดีจากข้อความบนฝาผนังห้องน้ำอีกห้องหนึ่ง ซึ่งหากรับสารภาพในวันสอบคำให้การศาลอาจมีคำพิพากษาในวันนัดเลย นอกจากนี้ เขาไม่สามารถยื่นคำขอพระราชทานอภัยโทษ หรือคำขอพักโทษได้
เนื่องจากยังติดคำสั่งอายัดตัวจากอีกคดีหนึ่งอยู่ จนกระทั่ง 7 กรกรฎาคม 2558 อัยการทหารยื่นฟ้องโอภาสต่อศาล จากการเขียนฝาผนังห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ซีคอนสแควร์ ซึ่งเป็นการเขียนในเวลาไล่เลี่ยกันแต่เขียนคนละห้องกับคดีแรก
และนัดสอบคำให้การที่จะถึงนี้ โอภาสตั้งใจจะให้การรับสารภาพ และขอให้ศาลพิจารณาลงโทษสถานเบา ซึ่งศาลอาจมีคำพิพากษาในวันนั้นเลย หากศาลตัดสินว่ามีความผิด ตามมาตรา 112 โอภาสอาจได้รับโทษจำคุกระหว่าง 3-15 ปี ซึ่งจำนวนโทษจำคุกอาจมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับศาลจะกำหนด
ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า คดีนี้หากตำรวจและอัยการยื่นฟ้องการเขียนห้องน้ำทั้ง 2 ห้องเป็นคดีเดียวกัน และศาลมีคำพิพากษาไปในครั้งเดียว อาจมีผลให้คดีถึงที่สุดตั้งแต่เดือน มีนาคม 2558 และโอภาสมีโอกาสยื่นขอพระราชทานอภัยโทษหรือขอพักโทษไปนานแล้ว
แต่เมื่อถูกแยกฟ้องเป็นสองคดี และทั้ง 2 คดีก็ฟ้องในเวลาห่างกันพอสมควร ทำให้ระหว่างที่คดีที่ 2 ยังไม่ถึงที่สุด โอภาสยังไม่มีสิทธิยื่นขอพระราชทานอภัยโทษหรือขอพักโทษ และทำให้กำหนดเวลาที่จะได้ออกจากเรือนจำเลื่อนออกไปอีก
* ศาลทหารกรุงเทพตั้งอยู่ใน กรมพระธรรมนูญ ถ.หลักเมือง ติดกับกระทรวงกลาโหมฝั่งศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ
อ่านรายละเอียดคดีโอภาสทั้งหมด -->http://freedom.ilaw.or.th/th/case/634
อ่าน 112 The series ตอน An old man An his love. --> https://goo.gl/f4gjZm
iLaw