วันอาทิตย์, กันยายน 06, 2558

ชะตากรรมใช่ว่าจะเลือกได้เสมอ...




เก็บมาทำซ้ำ จากหน้าเฟชบุ๊คของ 'มิตรสหายแนบสนิทคนนั้น'

นี่อาจเป็นกระทู้ต่อเนื่องโดยนัย (implication) กับกระทู้ก่อนหน้า (ข้างล่าง)

มีเพื่อนหลายคนในพื้นที่นี้ นำภาพร่างเด็กน้อยชาวซีเรียนอนคว่ำหน้าบนชายหาดตุรกีมาตีพิมพ์ซ้ำเพื่อรำลึกถึงมนุษยธรรมที่ขาดพร่องไปในโลกนี้

นายปีเตอร์ บูคการ์ต ผู้ปฏิบัติการระดับ ผอ. ของฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์คนหนึ่งเขียนถึงเรื่องนี้ว่า เขาคิดอยู่นานก่อนจะนำภาพนั้นมาแชร์ด้วยเหมือนกัน เขาคิดว่าถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกเต้าเขาเองล่ะ

ก่อนออกเดินทางวันนั้นพ่อแม่ของเขาแต่งตัวใส่รองเท้าสนี้กเกอร์คู่น้อยน่ารักให้พ่อหนู ทั้งที่รู้หรือไม่รู้ว่าจะพาไปเผชิญโลกใหม่สวยหรูหรือมหันตการกันแน่

และชะตากรรมอย่างเด็กซีเรียคนนี้ใช่ว่าจะเลือกได้เสมอไป

(https://www.hrw.org/…/dispatches-why-i-shared-horrific-phot…)

สภาพที่พวกเขาเผชิญทุกเมื่อเชื่อวันจากการระเบิดล้างผลาญ และการนำ 'ค่านิยม' แบบยกตนข่มท่าน (hubris) จัดระเบียบผู้เห็นต่างอย่างที่พวกไอซิสเที่ยวตัดหัวคนนอกรีต ย่อมทำให้การไปตายเอาดาบหน้ามีค่ามากกว่า

นายเค็นเน็ธ ร้อธ ผู้อำนวยการบริหารของฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์เช่นกัน เขียนถึงประเด็นผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลางและอาฟริกาอพยพเข้ายุโรปกันอย่างถล่มทลายในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ว่ามันไม่ใช่ประเด็นรับไม่ไหว เพราะผู้ลี้ภัยมีจำนวนเพียง ๐.๐๖๘ เปอร์เซ็นต์ของประชากรยุโรป

แต่ปัญหามันอยู่ที่เรื่องการเมือง ทั้งภายในแต่ละประเทศ และภายในประชาคมร่วมยุโรป

(https://www.hrw.org/news/2015/09/03/refugee-crisis-isnt)

ทำให้มานึกถึงกรณีผู้ลี้ภัยเข้าสู่ หรือแค่ขอผ่านประเทศไทย ทั้งกรณีโรฮิงญา และอัยกูร์ ที่กลายเป็นปัญหาลามปามถึงขั้นเกิดมีการวางระเบิดก่อการร้ายขึ้นในใจกลางพระนคร

(ทางการจะพยายามเบี่ยงประเด็นให้เห็นเป็นเรื่องชั่วร้ายของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างไร จากหลักฐานและการวิเคราะห์ของนานาชาติก็ยังหนีไม่พ้น เป็นผลพวงแห่งนโยบายผู้ลี้ภัยที่เปลี่ยนไปจากหลักสิทธิมนุษยชนซึ่งได้ให้สัตยาบรรณไว้กับสหประชาชาติ

เพียงเพราะต้องการเอาใจมหามิตรใหม่ ยักษ์ใหญ่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ร้องขอมา)

ที่น่ารังเกียจระคนเศร้าอย่างยิ่งอยู่ที่คนในประเทศจำนวนหนึ่งแสดงความเดียจฉันท์ออกมาอย่างชนิดเกินกว่าที่ควรมีในความพอดีทางคุณธรรม (decency)

เพียงเพราะผู้ลี้ภัย 'ตัวดำ' ซ้ำร้ายหาว่าพวกเขาเกียจคร้าน เอาแต่ 'ปี้' กัน ออกลูกหลานเต็มเรือ อะไรทำนองนั้น

เป็นการยกตนสูงส่งทั้งที่ในประเทศก็มีนักศึกษาราชภัฏเต้น 'กล้วยทับ' งานรับน้องใหม่ ถ่ายคลิปโจ๋งครึ่ม งามหน้าไม่ด้อยกว่า

การยกย่องเชิดชูคุณธรรมเป็นสิ่งงดงาม ตราบเท่าที่เป็นคุณธรรมอันไม่ก้าวล้ำล่วงเกินมาตรฐานนานาชาติ คุณธรรมแบบไอสิสเป็นสิ่ง ugly และโหดเหี้ยมในจิตสำนึกของมนุษยชนส่วนมากในโลก

คุณธรรมแบบไทยๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นที่ชื่นชม หรือแม้แต่ 'รับได้' ในมาตรฐานสากลไปทั้งหมด




ฉะนั้นการแสดงออกซึ่งความเด่นแบบไทยใดๆ เป็นสิ่งที่ต้องระวังระไวไว้มากๆ ในยุคนี้ ยุคที่เราอาจไม่รู้ตัวหรือปฏิเสธตนเองว่า 'น้ำเต้าน้อยถอยลง' แล้ว ในสายตาของคนที่อยู่นอกประเทศ

'เทร็นด์' และความน่าจะเป็น (probability) ดังกล่าวยังอาจแก้ไขและหมุนกลับได้ ตราบเท่าที่ประชากรหวนทบทวนสำนึกแห่งตนทีละนิด ด้วยวิถีคิดมุมกว้าง (panorama)

ก่อนจะทำอะไรแต่ละครั้งที่มันก่อผลกระทบต่อผู้อื่นในทางเดียว ฉุกคิดสักหน่อยแบบไทยๆ นี่แหละ 'เอาใจเขาใส่ใจเรา'

อาจช่วยให้ไม่เกิดผลทางลบจนต่างชาติรังเกียจเอาได้

(หมายเหตุ ขมายภาพมาจากหน้าเฟชบุ๊คของ Jom Petchpradab)

นี่เป็นกระทู้ก่อนหน้าที่เขาเอ่ยถึง

เหตุการณ์ใน สปป. ลาว
เอามาตอกย้ำ มิใช่เพื่อทับถม แต่ชวนให้สำเหนียกกันว่า

การอวดเก่ง อหังการ์ ข้าแน่ และ 'ขึ้นวอ' นั้น ถ้าไม่เลิก ก็ไปไม่รอด

มันอาจทำให้เจ้าตัวรู้สึกทัดหน้าเทียมตาเพื่อนร่วมโลกนอกกะลาได้

แต่ในความเป็นจริง (ในภาวะที่เพื่อนรอบบ้านกำลังจะแซงหน้า โดยเฉพาะเวียตนาม) จะทำให้ยิ่งจมดิ่งลงไปในตม

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1441430998

นี่แค่อาเซียนยังขายหน้า ไปไกลถึงยุโรป อเมริกา รู้ไหมภาพลักษณ์เป็นอย่างไร

ooo

เห็นเขาแชร์ภาพร่างไร้วิญญานของเด็กน้อยจากซีเรีย นอนคว่ำหน้าอยู่ริมหาดของตุรกี กันมากมายในช่วงตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา สื่อในยุโรปอ้างถึงกันมากว่านี่เป็นภาพที่จะเปลี่ยนแนวคิดเรื่องผู้อพยพลี้ภัย (migration)

เราเองยังกล้าๆ กลัวๆ สองจิตสองใจว่าจะ 'โหด' เกินไปไหม มาจนกระทั่งได้เห็นภาพที่ Jom Petchpradab นำลงไว้บนไทม์ไลน์ของเขานี้

ให้ความรู้สึกลึกซึ้ง เหมาะสมที่สุดต่อปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐานไปสู่ที่ดีกว่าของประชากรโลกที่ยังทนทุกข์กับดินแดนที่อยู่อาศัย ซึ่งทั้งกดขี่และล้าหลัง



Jom Petchpradab updated his profile picture.

ตั้งใจว่า จะไม่เปลี่ยนภาพ ประจำตัวบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่เห็นภาพ เด็กชายชาวซีเรีย นอนสิ้นใจตายอยู่บนชายหาด ซึ่งแพร่กระจายอย่างกว้างขวางอยู่ในโซเชียลมีเดีย มันทำร้าย ทำลายความรู้สึก จิตสำนึกของการเกิดมาเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้อย่างรุนแรงที่สุด เราไม่อาจจะทำอะไรได้เลยหรือ เพื่อปกป้องชีวิตอันบริสุทธ์เหล่านี้ เราทำได้เพียงยืนดู ศพเด็กที่กลาดเกลื่อนอยู่บนชายหาด ศพผู้คนจำนวนมากที่ลอยอยู่ในท้องทะเล เพียงเพราะการแสวงหาผืนแผ่นดินที่จะให้ความปลอดภัยในชีวิตพวกเขาได้. เราจะเข่นฆ่า ทำสงคราม กันแบบนี้ต่อไปอีกหรือ.

มีหลายภาพ จากภาพเด็กไร้วิญญาณบนชายหาด ที่โดดเดี่ยว อ้างว้างอย่างที่สุด ถูกแปรความหมายด้วยการสร้างให้เป็นภาพแห่งการหลุดพ้นไปสู่ความสุขสงบที่งดงาม และผมได้เลือกภาพนี้ครับ ภาพที่หวังว่าเด็กน้อยคนนี้คงสถิตย์อยู่ในสถานที่ที่เป็นสุขของเขา. นี่คงเป็นเพียงอย่างเดียวที่มนุษย์คนหนึ่งพึงจะกระทำได้เพื่อหยุดสงคราม ความโหดร้ายของมนุษย์ด้วยกันเอง