วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 27, 2558
น้ำเน่าล้างขี้โคลน
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
คอลัมน์ "ทิ้งหมัดเข้ามุม"
โดย มันฯ มือเสือ
ปรองดองทางโลกยังคาราคาซัง ทางธรรมเริ่มแตกแยก
พุทธอิสระ แกนนำกปปส.แท็กทีมกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. ชุดที่มี นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตส.ว.กลุ่ม 40 เป็นประธาน
เดินหน้าเช็กบิล "ธัมมชโย" แห่งวัดพระธรรมกาย
ก่อนยื่นเรื่องรับ-ส่งลูกกันเองลามปามไปถึงการเรียกร้องให้ตรวจสอบมหาเถรสมาคม รวมถึง 2 มหาวิทยาลัยสงฆ์
เรื่องบานปลายนี้ ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.
"งานงอก" ไม่ทันตั้งตัว
องค์รัฏฐาธิปัตย์ถึงกับกุมขมับบ่นออกมาตรงๆ
"เอาให้มันสงบๆ กันซะบ้างไม่ได้หรือ ทั้งคน ทั้งพระ ทั้งฆราวาส วุ่นไปหมดเลยประเทศไทย"
เทียบกับเมื่อตอนรัฐประหารใหม่ๆ ที่บอกว่าบริหารประเทศไม่เห็นยากตรงไหน ถึงตอนนี้น่าจะคนละอารมณ์กันเลย
ผ่านไป 9 เดือนถึงได้รู้ว่าการบริหารประเทศนั้น ยากทุกตรง
ตรงการเมืองก็ยาก ตรงเศรษฐกิจก็ยาก ปรองดองก็ยาก ปฏิรูปก็ยากแถมยังยุ่งอีกต่างหาก
โดยเฉพาะการปฏิรูป "พุทธศาสนา" ที่เป็นความเชื่อความศรัทธาเกี่ยวพันใกล้ตัวกับคนทั้งประเทศ
หากใครติดตามข่าวสารช่วงนี้จะพบว่า
มีพระสงฆ์และฆราวาสไม่น้อยที่เห็นตรงกันว่า พุทธศาสนาเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่สมควรปฏิรูป แต่ต้องกระทำด้วยความรอบคอบและนุ่มนวลกว่าการปฏิรูปยกเครื่องด้านอื่นๆ
จะแข็งกร้าวเหมือนปฏิรูปนักการเมืองไม่ได้
ที่สำคัญการปฏิรูปนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานความบริสุทธิ์ใจ
ต้องการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งพุทธศาสนาให้เป็นที่เคารพศรัทธาของเหล่าพุทธศาสนิกชนคนทั่วไปอย่างยั่งยืนไม่เสื่อมถอย
ไม่ใช่อยู่บนพื้นฐานทางการเมืองที่มีเนื้อหาหมกมุ่นอยู่กับการแบ่งแยก แย่งชิงอำนาจ ใส่ร้ายป้ายสี ทำลายฝ่ายตรงข้าม ไล่ล่า กวาดล้างอย่างไร้เมตตาธรรม
เพราะถ้าใครก็ตามที่ย่ามใจนำเอาวิธีการที่เคยใช้ได้ผลทางการเมืองมาใช้กับพุทธศาสนา
โดยอ้างการปฏิรูปบังหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างจากการเอาน้ำเน่าไปชำระล้างขี้โคลน
ไม่สะอาด แถมยังเปรอะเปื้อนหนักกว่าเดิม