คอลัมน์ Market-Think โดย สรกล อดุลยานนท์
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
18 ก.พ. 2558
เพราะลำพังเรื่องเศรษฐกิจก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว
ยังต้องเจอปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อีก 2 เรื่อง
เรื่องแรก คือ ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังไล่ล่ากันไม่จบไม่สิ้น
ความหวาดระแวงทางการเมืองทำให้รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับ "ความมั่นคง" มากกว่าเรื่อง "เศรษฐกิจ"
กฎอัยการศึกที่ควรจะยกเลิกก็ไม่ยอมยกเลิก
รัฐบาลจึงต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก
เป็นครั้งแรกของการรัฐประหารในเมืองไทยที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาไม่พอใจรัฐบาลไทยและกดดันอย่างต่อเนื่อง
ทั้งแถลงข่าวที่สหรัฐอเมริกาและให้สัมภาษณ์ในเมืองไทย
ราวกับไทยเป็น "พม่า"
การท่องเที่ยวที่ควรจะเป็น "เครื่องยนต์" ที่ดีที่สุดของเศรษฐกิจไทยในวันนี้ก็เดินเครื่องได้ไม่เต็มที่เพราะ "กฎอัยการศึก"
นักท่องเที่ยวที่มีฐานะก็ไม่มา เพราะประกันภัยไม่ครอบคลุมประเทศที่ประกาศกฎอัยการศึก
ทั้งหมดมาจากเหตุผลเดียว คือ รัฐบาลให้ความสำคัญกับ "ความมั่นคง"มากกว่า "เศรษฐกิจ"
เรื่องที่สอง คือ ความช่างพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
"หม่อมอุ๋ย" เคยบ่นดัง ๆ ครั้งหนึ่งว่าแถลงข่าวเรื่องเศรษฐกิจยาวเหยียด แต่สื่อมวลชนไม่ลงข่าวให้
เล่นแต่ข่าวการเมือง
โดยเฉพาะข่าว พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ซึ่งมีทั้งเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง
และการแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวของนายกฯ
ในเชิงการประชาสัมพันธ์ต้องบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ชิง "พื้นที่ข่าว" ไปหมด
ข่าวเศรษฐกิจที่ "หม่อมอุ๋ย" พยายามปั้นขึ้นมาจึงหายไปกับสายลม
ในอดีต สมัย "ทักษิณ ชินวัตร" ตอนที่ชนะเลือกตั้งครั้งแรก
เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในก้นเหว
"ทักษิณ" ใช้ความได้เปรียบที่รัฐบาลเป็นแหล่งกำเนิดข่าวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกำหนดวาระของ "ข่าว" เอง
ช่วงที่จะปล่อยแคมเปญเศรษฐกิจอะไรออกมา เขาจะให้คนในรัฐบาลหยุดพูดเรื่องอื่น
ห้ามตอบโต้การเมือง
เพื่อให้ "ข่าวใหญ่" มีเรื่องเดียว
ถ้าจะให้ "ข่าวดี" ก็โหม "ข่าวดี" อย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์แบบนี้ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รู้ดีครับ
แต่วันนี้ไม่มีใครกล้ากระซิบบอก พล.อ.ประยุทธ์ตรง ๆ
ท่านนายกฯจึงยังสนุกสนานกับการทะเลาะกับนักข่าว
เจอประเด็นไหน ตอบไม่ได้ก็ใช้วิธีการถามกลับนักข่าว
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่รู้ว่านักข่าวเขาไม่คิดจะโต้วาทีแข่งกับนายกฯ
เขาไม่ตอบคำถาม เพราะเขาไม่มีหน้าที่ตอบ
หน้าที่ของเขาคือตั้งคำถาม
ถ้าเป็นการโต้วาที พล.อ.ประยุทธ์ใช้กลยุทธ์นี้ได้
แต่ในการบริหาร กลยุทธ์เช่นนี้ไม่ได้ทำให้รัฐบาลดีขึ้นเลย
เพราะ "พื้นที่ข่าว" มีแต่เรื่องความขัดแย้ง เรื่องอารมณ์ฉุนเฉียวของนายกฯ
รัฐบาลกำหนดวาระข่าวไม่ได้เลย
"หม่อมอุ๋ย" ที่เคยเป็นโฆษกรัฐบาลก็รู้เรื่องแบบนี้
แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครกล้าบอก พล.อ.ประยุทธ์
หรือบอกแล้วนายกฯไม่ฟังก็ไม่รู้
2 ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้นี้จึงเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับ "หม่อมอุ๋ย"
แต่อุปสรรคที่ใหญ่กว่า คือ เรื่อง "ความน่าเชื่อถือ" ของทีมงานเศรษฐกิจ
ต้องยอมรับว่าการทำนายเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อปีที่แล้วของรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็น"หม่อมอุ๋ย"หรือแบงก์ชาติ
ล้วนผิดพลาดไปทั้งสิ้น
พอผิดติดต่อกันหลายครั้ง ความ
น่าเชื่อถือก็ลดต่ำลง
ไม่แปลกที่วันนี้ "หม่อมอุ๋ย" พยายามให้ "ข่าวดี" ทั้งเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มเดือนมกราคมสูงเป็นประวัติการณ์
ตัวเลขการลงทุนก็เพิ่มขึ้น จ้างแรงงานก็เพิ่มขึ้น
และสรุปว่า "เศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว"
น่าแปลกที่ไม่มีเสียงตอบรับจากภาคเอกชนเลย
เพราะนอกจากเรื่อง "ความเชื่อมั่น" และ "ความน่าเชื่อถือ" แล้ว
เอกชนทุกคนรู้ดีว่าการค้าขายของตัวเองเป็นอย่างไร
ดีขึ้นหรือเลวลง
ทุกคนก้มลงไปดูเงินในกระเป๋าของตัวเองแล้วคงแปลกใจ
ทำไมไม่เหมือนกับที่รองนายกฯพูดเลย
และคงสงสัยว่าเราอยู่ประเทศเดียวกันหรือเปล่า