กดได้แต่กุมหัวใจไม่ได้
ที่มา เดลินิวส์
วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558
…นี่เกือบจะ 9 ปีเต็มแล้ว ยังไม่เข้าใจกันอีก ว่าที่บ้านเมืองมันวุ่นวายอย่างนี้ เพราะ 3 เรื่องเท่านั้น คือ 1.ไม่เคารพกติกา 2.ไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ และ 3.ความยุติธรรม โดยเฉพาะ “ความยุติธรรม” เป็นสิ่งที่ฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งหัวขบวนคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากพรรคไทยรักไทย มั่นใจว่าไม่เคยได้รับ
“ทักษิณ” คนที่มีทั้งคนเกลียดและคนรักมากมายนั่นแหละ หลังกองทัพรัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณเสร็จเมื่อปี 2549 ทักษิณถูกชนักปักหลัง จนทุกวันนี้ต้องระหกระเหินอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
พอกองทัพคืนอำนาจให้ประชาชน ด้วยวิถีทางประชาธิปไตยที่ทั่วโลกยอมรับ คือการเลือกตั้ง ฝ่ายฝักใฝ่อำนาจนอกระบบยังอุตส่าห์ปรามาสว่าก็แค่ “พิธีกรรม” แต่ปัญหาคือ การเลือกตั้งดันเป็นพิธีกรรมที่ทั่วโลกยอมรับ เพราะเชื่อว่าคือต้นทางของประชาธิปไตย มันคือการฟังเสียงประชาชน ว่าต้องการอะไร เป็นเสียงสวรรค์
ต้องยอมรับว่าประชาชนที่เลือก “ทักษิณ-ไทยรักไทย” จนผ่านมาถึง “ยิ่งลักษณ์-เพื่อไทย” ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร คนรากหญ้า คนชนบท คนยากจน คนมีโอกาสน้อยในสังคม แล้วแต่จะเรียก พวกเขาเดินเข้าคูหาหย่อนบัตรเลือกตั้ง เลือกพรรคการเมืองที่มีนโยบายดี ๆ เลือกผู้นำ เลือกผู้แทนฯ ที่เชื่อว่า “ดี” ไม่ใช่เลือก “คนดี” ที่คนอื่นบอก หรือคนดีของคนอื่น
พวกเขาไม่ได้โง่ แต่แค่อยากเลือกคนดีของเขาเอง เพราะมีความหวังว่าจะช่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น กินอิ่มนอนหลับ สุขสบายบ้างในชาตินี้ ไม่ต้องถึงกับร่ำรวยหรอก พวกเขาเลือกประชาธิปไตยที่กินได้
เขาเบื่อกับความทุกข์ที่ต้องตื่นเช้ามาเห็นลูกหลานนั่งเสพยา แทนที่จะได้ไปเรียนหนังสือ ได้เรียนสูง ๆ จบมาจะได้มีงานทำ มีรายได้มาเลี้ยงตัวเองจุนเจือครอบครัว เขาทุกข์ที่ยามเจ็บป่วยต้องวิ่งหยิบยืมเงินจากคนที่มีมากกว่า พาคนที่รักไปหาหมอ ต้องเอาที่นาที่สวนไปจำนำจำนองหาเงินมารักษาพ่อแม่ลูกเมียที่เจ็บป่วย โดยไม่รู้ว่าที่ดินจะหลุดมือถูกยึดเมื่อไหร่
เขาทุกข์ที่จะลงทุนเลี้ยงปลาเลี้ยงไก่ลงพืชผลทางการเกษตรแต่ไร้เงินทุน เพราะหนี้เก่ายังใช้ไม่หมด จะก่อหนี้ใหม่ก็ยากเย็นแสนเข็ญ จะไปหยิบยืมหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยก็โหดแสนโหด ไม่มีจ่ายก็โดนรังควาน ดีไม่ดีเจ็บตัวถึงตาย
เขาทุกข์ที่ลูกหลานต้องระเห็จจากบ้านเกิด ทิ้งเรือกสวนไร่นาไปทำงานในโรงงาน ค่าแรงถูก สวัสดิการแย่ แค่ค่าเช่าบ้านค่ารถค่าอาหาร 3 มื้อ จะเหลือเงินสักกี่ตังค์ส่งกลับบ้าน วันดีคืนดีโรงงานปิด ชีวิตก็เคว้ง พอเพิ่มค่าแรงเป็น 300 บาท เพิ่มสวัสดิการให้ นายทุนก็ออกมาโวยวายจะเป็นจะตาย
เขาทุกข์ที่ถูกเรียกว่ากระดูกสันหลังของชาติ ปลูกข้าวเลี้ยงคนทั้งประเทศ ไชโยประเทศไทยมีชื่อเสียงเป็นแชมป์ส่งออก แต่พวกเขายังยากจนปากกัดตีนถีบหนี้สินรุงรัง พอสิ้นเสียงชื่นชมนิยายน้ำเน่าจบ ก็กลับไปจนดักดานกันต่อ
ยังมีคนในเมืองที่เป็นชนชั้นกลาง และคนรวยที่หัวใจเป็นประชาธิปไตยอีกมาก ที่ได้รับโอกาสจากนโยบายของทักษิณ ของพรรคไทยรักไทย แล้วเปลี่ยนผ่านสู่มือของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พรรคเพื่อไทย ที่วันนี้กลายเป็นอดีตนายกฯ ที่ต้องเผชิญกับวิบากกรรมมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่ง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี ยังถูกขุดมาเล่น
ยอมรับกันได้แล้วว่า “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ใช้นโยบายกุมหัวใจประชาชน แม้จะถูกตีตราว่าเป็นประชานิยมมอมเมา
วันนี้คนในเครือข่ายตระกูลชินวัตร มองว่าถูกตามเล่นงานอย่างไม่ยุติธรรม “ถูกปองร้าย ไม่ใช่ปรองดอง” ไม่ต้องมองข้ามไปถึงฝ่ายตรงข้ามที่ทำอะไรไม่เคยผิด คดีอืด ตัวช่วยเยอะ มักมีโชคทางกฎหมายเสมอ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จะยืนยันเสียงแข็งว่า ไม่มีการไล่ล่าก็ตาม แน่นอนฝ่ายตรงข้าม “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ก็ปรบมือเชียร์ ว่าทำถูกแล้ว ทำดีแล้ว แต่ฝ่ายกองเชียร์ “แม้ว-ปู” คงไม่เชื่อ ไม่แฮปปี้ด้วย
…ต้นตอปัญหาของประเทศตั้งแต่ยุค 19 กันยายน 2549 ไล่ยาวมาถึงยุค 22 พฤษภาคม 2557 และจวบจนวันนี้ จึงมีอยู่แค่ 3 เรื่องจริง ๆ 1.ไม่เคารพกติกา เอาแต่กติกู 2.ความยุติธรรม และ 3.ไม่ยอมรับฟังเสียงส่วนใหญ่ หรือเสียงสวรรค์ ถ้ายังไม่แก้ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ประเทศชาติก็สงบยาก ต่อให้รัฐประหารอีกกี่ครั้ง ไล่ทุบเครือข่ายทักษิณ เขียนรัฐธรรมนูญอุ้มสมใครหรือไม่อย่างไร
สุดท้ายเมื่อการเลือกตั้งมาถึง ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยกินได้ ก็จะออกมาตบหน้าทุกครั้ง เพราะถึงกดพวกเขาไว้ได้ แต่กุมหัวใจเขาไม่ได้ แล้วกงล้อประวัติศาสตร์ฉากเดิม ๆ ก็จะหวนกลับมาอีก
…หวังดีจริงๆ ถึงเตือน.
คนเถรตรง