วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 26, 2558

มาร์คอ้าง-คดี99ศพ "บิ๊กป้อม-ป๊อก-ตู่"รู้ดี! เพราะทำงานด้วยกัน-ให้ข้อมูลป.ป.ช.ได้




ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 07:02:08 น.

′มาร์ค′อ้าง′บิ๊กตู่′รู้ดีสลายม็อบ

นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติจะแจ้งข้อกล่าวหามีพฤติการณ์ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการในการสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ในปี 2553 ว่ายอมรับมติของ ป.ป.ช.ที่เห็นว่าเป็นเหตุเข้าข่ายการถอดถอนออกจากตำแหน่ง พร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และยืนยันว่ามีการปรับหลักการทำงาน เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสีย แต่กรณีมีผู้ใช้อาวุธไม่ใช่เรื่องง่าย รัฐบาลมีหน้าที่คืนความสงบให้กับสังคม คนที่ทำงานร่วมกันรู้ดี เช่นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในขณะนั้น รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรอง ผบ.ทบ.ในขณะนั้นด้วย เพราะเข้าร่วมประชุมอยู่ จึงรู้ดีถึงการทำงานในขณะนั้น หาก ป.ป.ช.ได้ข้อมูลจากบุคคลเหล่านี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา แต่ไม่แน่ใจว่าบุคคลทั้งหมดพร้อมจะเป็นพยานให้หรือไม่

ยกปมก่อการร้ายแจงป.ป.ช.

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พร้อมชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เพราะในสถานการณ์ขณะนั้นมีการก่อการร้าย ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย จะเป็นการทำผิดกฎหมายฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และการดูแลสถานการณ์ก็พยายามหลีกเลี่ยงการสูญเสียด้วยการปรับแนวทางเท่าที่จะทำได้ ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ยกการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ รวมทั้งการบาดเจ็บสาหัสของนายสมร ไหมทอง มาเป็นตัวอย่างผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิต ในการชันสูตรพลิกศพตามคำไต่สวนของ ศาล เป็นความตายที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของทหารนั้น ไม่ใช่การสลายการชุมนุมหรือการขอคืนพื้นที่ แต่อยู่ในระหว่างการใช้มาตรการปิดล้อมพื้นที่ กรณีนายพันและนายสมรเป็นเหตุการณ์เดียวกัน แต่กรณี ด.ช.คุณากร เกิดในระยะเวลาใกล้เคียงกัน มีเหตุทำให้เกิดการปะทะหรือการใช้อาวุธ ส่วนกรณีของนายพันกับนายสมรชัดเจนว่า นายสมรขับรถตู้ฝ่าด่านเข้าไปในพื้นที่ควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ทหารแจ้งเตือน ส่วนนายพันไม่ได้อยู่ในรถแต่วิ่งออกมาดูเหตุการณ์ จึงยืนยันได้ว่าไม่มีเรื่องเจตนาทำให้เกิดความสูญเสีย เพราะเตือนตาม ขั้นตอนทุกอย่าง

ยันไม่ทำโดนละเว้นปฏิบัติหน้าที่

"สถานการณ์ในขณะนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติ เพราะขณะนี้ยังมีคนฟ้องผมและพระสุเทพ (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ ศอฉ.) ว่า ปล่อยปละละเลยจนเป็นเหตุให้สูญเสียทรัพย์สิน จึงเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากต้องประเมินเหตุการณ์ตามความเป็นจริงว่าต้องควบคุมสถานการณ์ เพื่อคืนความปกติ ภายใต้การมีกองกำลังติดอาวุธและการก่อการร้าย ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมาย หลีกเลี่ยงความสูญเสียและปรับแผนยุทธศาสตร์ตลอดเวลา จะเป็นดุลพินิจของ ป.ป.ช.ว่าหลังจาก แจ้งข้อกล่าวหาแล้วจะมีความเห็นอย่างไร แต่มั่นใจในความบริสุทธิ์ และเคารพการตรวจสอบ" นายอภิสิทธิ์กล่าว