วันพุธ, กันยายน 13, 2566

เปรียบเทียบนโยบาย "ด้านสวัสดิการ" ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ / ประยุทธ / เศรษฐา ลองเข้าไปอ่านเปรียบเทียบ จะพบว่า คำแถลงนโยบายของ "เศรษฐา" เป็นคำแถลงกว้างๆ ไม่พบถ้อยคำที่ชัดเจนตามความสำคัญของนโยบายที่ "พรรคเพื่อไทย" ได้หาเสียงไว้


Suchart Sawadsri
7h
·
เปรียบเทียบนโยบาย "ด้านสวัสดิการ" ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ / ประยุทธ / เศรษฐา
ลองเข้าไปอ่านเปรีย
บเทียบ จะพบว่า คำแถลงนโยบายของ "เศรษฐา" เป็นคำแถลงกว้างๆ ไม่พบถ้อยคำที่ชัดเจนตามความสำคัญของนโยบายที่ "พรรคเพื่อไทย" ได้หาเสียงไว้
( ก็แหงละ - มันเป็นเทคนิคการหาเสียง ! )


We Fair
Yesterday
·
เปรียบเทียบคำแถลงนโยบายด้านสวัสดิการสังคมจาก 3 รัฐบาล
ยิ่งลักษณ์ ประยุทธ์ และเศรษฐา
.
จากเอกสารคำแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อรัฐสภาในวันที่ 11-12 กันยายน 2566 ความยาว 52 หน้า โดยภาพรวมเป็นคำแถลงกว้างๆ ไม่พบนโยบายสำคัญที่พรรคการเมืองได้หาเสียงไว้ ส่วนนโยบายที่ปรากฎก็ขาดความชัดเจน ขาดเจตจำนงที่รับผิดชอบต่อประชาชน อาทิ เงินดิจิทัลวอลเล็ท 10,000 บาท, การแก้ปัญหาหนี้สิน, การสร้างรายได้ให้กับประชาชน
.
เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบ คำแถลงนโยบายด้านสวัสดิการสังคม 3 รัฐบาล ได้แก่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลเศรษฐา เศรษฐา พบข้อแตกต่างสำคัญ คือ คำแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐาและประยุทธ์ เป็นวาทกรรมที่อยู่ภายใต้แนวคิดรัฐธรรมนูญ 2560 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต่างจากคำแถลงนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีเจตจำนงตามที่หาเสียงไว้กับประชาชน ซึ่งทำให้ลักษณะของคำแถลงนโยบายแตกต่างกันอย่างมีลักษณะเฉพาะ
.
การเปรียบเทียบคำแถลงนโยบายด้านสวัสดิการสังคมของ We Fair เป็นการพิจารณาประกอบนโยบายด้านสวัสดิการสังคม ได้แก่ การศึกษา งานและรายได้ ประกันสังคม สุขภาพ สวัสดิการประชากรกลุ่มเฉพาะ เด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ LGBTQ ขนส่งสาธารณะ ที่อยู่อาศัย ที่ดิน ภาษีและงบประมาณ
.
จากการเปรียบเทียบคำแถลงนโยบายด้านสวัสดิการ มีข้อสังเกตดังนี้
.
1) นโยบายสวัสดิการที่ไม่ถูกกล่าวถึง :
เมื่อกล่าวถึงสวัสดิการเด็ก จากคำแถลงนโยบาย 3 รัฐบาล พบว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐาไม่มีการกล่าวถึงสวัสดิการเด็ก แม้ ครม.ยิ่งลักษณ์และประยุทธ์จะกล่าวถึงสวัสดิการเด็ก แต่รัฐบาลทั้งสองไม่มีการกล่าวถึงเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด
สำหรับสวัสดิการประกันสังคม มีเพียงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่กล่าวถึง ขณะที่รัฐบาลประยุทธ์และรัฐบาลเศรษฐาไม่กล่าวถึงประกันสังคม โดยมีการใช้คำกว้างๆ ว่า “สวัสดิการ” ส่วนรัฐบาลประยุทธ์ใช้คำว่า“สวัสดิการและสิทธิประโยชน์”
นอกจากนี้ รัฐบาลประยุทธ์เป็นเพียงรัฐบาลเดียวที่ไม่ได้กล่าวถึงความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ ในขณะที่รัฐบาลเศรษฐาเป็นเพียงรัฐบาลเดียวที่ไม่ได้กล่าวถึงสวัสดิการที่อยู่อาศัย
.
2) ความไม่ชัดเจนและคำสำคัญที่เปลี่ยนไป :
จากคำแถลงนโยบายด้านสวัสดิการ 3 รัฐบาล พบว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐาไม่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น ประเด็นด้านแรงงานระบุว่า “ทำให้ผู้ใช้แรงงานเข้าถึงระบบสวัสดิการที่เหมาะสม”
ส่วนนโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท ภายในปี 2570 ไม่ปรากฏในเอกสารคำแถลงนโยบาย แม้ในเรื่องนี้จะเป็น 1 ใน 10 นโยบายพลิกฟื้นประเทศของพรรคเพื่อไทยที่มีการเปิดตัวเป็นนโยบายชุดแรกในเดือนธันวาคม 2565 ระบุวา “มีเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรม สอดคล้องและเพียงพอต่อปัจจัยด้านการดำรงชีวิต” หากเปรียบเทียบคำแถลงนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "ให้แรงงานมีรายได้เป็นวันละไมน้อยกว่า 300 บาท และผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีรายได้เดือนละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท"
ทั้งนี้ คำแถลงนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้พบคำว่า “ถ้วนหน้า” ในประเด็นหลักประกันสุขภาพ โดยคำดังกล่าวไม่พบในคำแถลงของรัฐบาลประยุทธและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นอกจากนี้คำว่า “เบี้ยยังชีพ” และ “หลักประกันสุขภาพ” ที่มีมาในก่อนหน้านี้กลับไม่พบในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา
.
3) คำแถลงนโยบายสะท้อนรูปแบบของการจัดสวัสดิการ :
[รัฐบาลยิ่งลักษณ์] มีคำแถลงทางนโยบายที่ชัดเจนในการดำเนินการด้านสวัสดิการสังคม อาทิ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท การปรับขึ้นเงินเบี้ยยังชีพ 600-1000 บาท นโยบายสวัสดิการการศึกษาต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตาม นโยบายรัฐบาลขาดเจตจำนงในการยกระดับสวัสดิการโดยรัฐเป็นรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัด คือ นโยบายและมาตรการทางภาษี อาทิ การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล มาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสําหรับสิ่งจําเป็นในชีวิตของประชาชนทั่วไป มาตรการภาษีส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุนภาครัฐ ซึ่งสะท้อนนโยบายภาครัฐและรูปแบบสวัสดิการแนวทางทุนนิยมเสรีอย่างชัดเจน
.
[รัฐบาลประยุทธ์] มีคำแถลงทางนโยบายที่ใช้คำสำคัญ ได้แก่ “ลดความเหลื่อมล้ำ” “ความเสมอภาค” “การปฏิรูประบบภาษี” แต่นโยบายด้านสวัสดิการมุ่งเน้นการช่วยเหลือแบบสงเคราะห์ พิสูจน์ความยากจน มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย โดยระบุว่า “ผู้ยากไร้, ผู้ด้อยโอกาส, ผู้มีรายได้น้อย, กลุ่มคนยากจน” ที่พบในคำแถลงนโยบายด้านสวัสดิการของรัฐบาลประยุทธ์ในหลายประเด็น เช่น สวัสดิการการศึกษาระบุว่า “สนับสนุนเด็กที่มีความสามารถแต่ไม่มีทุนทรัพย์เป็นกรณีพิเศษ” สวัสดิการอื่นๆ มีการอธิบายว่า “มีการลงทุนทางสังคมแบบมุ่งเป้าหมาย เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนยากจนและกลุ่มผู้ด้อยโอกาสโดยตรง” ซึ่งสะท้อนรูปแบบสวัสดิการแนวทางอนุรักษนิยมอย่างชัดเจน
.
[รัฐบาลเศรษฐา] มีการใช้คำสำคัญว่า “สวัสดิการโดยรัฐ” ในคำแถลงนโยบาย ซึ่งนโยบายส่วนใหญ่จะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการสร้างรายได้ผ่านนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การกล่างถึงประเด็นแรงงาน ระบุว่า “มีเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรม" สอดคล้องและเพียงพอต่อการดำรงชีวิต พร้อม ๆ กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และสามารถทำให้ผู้ใช้แรงงานเข้าถึงระบบสวัสดิการที่เหมาะสม” จากคำแถลงนโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกับการปรับลดสวัสดิการจากภาครัฐของประชาชน และต้องจับตาดูการจัดสรรงบประมาณและนโยบายที่จะเกิดขึ้นต่อไป
.
สามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ link https://drive.google.com/.../1f40L6hDItj4vRbVXbGmy8VCxarU...
#wefair #รัฐสวัสดิการ